ไปเจอพรรคพวกเพื่อนฝูง เห็นหลายคนอ้วนลงพุง นั่งลูบพุง แล้วบอกว่า นี่คือ การกินดีอยู่ดี สุขสบาย มีสง่าราศรีจับ หุ่นแบบเจ้าสัว อาเสี่ย แล้วก็มองว่า คนที่ผอม หรือ ไม่มีพุง เป็นคนที่ลำบาก ยังไม่สุขสบาย ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต
แหม การวัดความสุขสบาย กินดีอยู่ดี เดี๋ยวนี้วัดกันที่ขนาดของพุงงั้นเหรอ แต่เวลาที่เห็นขยับกาย ลุกขึ้นเดิน ไม่เห็นจะคล่องแคล่วเลย ดูลำบากกว่าจะขยับ เคลื่อนร่างกายได้
เดี๋ยวนี มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่ทำให้คนเราสบายมากขึ้น จากที่ต้องออกแรง ออกกำลังในการทำงานหลายอย่าง แต่เดี๋ยวนี้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องออกแรงมากนัก เมื่อกินๆ นั่งๆ นอนๆ ร่างกายก็เลยอ้วนลงพุง
มีโอกาสได้พบผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เช่น คุณลุงสุเวศน์ คุณตา คุณป้าหลายท่าน ทีมีรูปร่างดี ไม่ลงพุง หน้าตาสดชื่นแจ่มใส เดินได้คล่อง เหมือนคนหนุ่ม อย่างคุณลุงสุเวศน์ อายุ 67 ปี ยังเดินได้คล่อง แต่เมื่อได้เจอคุณครูท่านหนึ่ง ที่พึ่งจะเกษียณอายุราชการ อายุ 60 ปี แต่เดินเหินลำบาก ต้องมีไม้เท้าค้ำไว้
น่าคิด เมื่อคนอายุ 67 ปี เดินเหินได้คล่องกว่า คนอายุ 60 ปี ทั้งๆที่ความจริงแล้ว คนอายุ 60 ปีน่าจะเดินเหินได้คล่องกว่าคนอายุ 67 ปี
เทคนิคง่ายๆ คือ การเดินนั้นเอง มีคำแนะนำของหมอหลายคนบอกว่า คนที่เดินมากๆ นอกจากจะทำให้ไม่อ้วนแล้ว ยังทำให้อายุยืนอีกด้วย เพราะตามสถิติแล้ว คนอ้วนจะอายุสั้นกว่าคนผอม
การเดิน เป็นการทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว เหตุที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีตีน หรือเท้าก็เพื่อไว้ให้เดิน เดินมากเท่าไหร่ ก็แข็งแรงเท่านั้น ไม่ได้สร้างมาให้นั่งรถ
มีคำแนะนำหนึ่งว่า หลังกินอาหารแล้ว อย่านั่ง ให้เดิน เพื่อให้ลำไส้เคลื่อนไหว ถ่ายท้องได้สะดวก
สำหรับคนที่มีอาการท้องผูก มีตำราหนึ่งแนะนำว่า ตื่นเช้าขึ้นมา ให้ดื่มน้ำแก้วใหญ่ๆ แล้วเดินไปเดินมาในบ้าน เพื่อให้ลำใส้เคลื่อนไหว ถ่ายสะดวกนั่นเอง
เราสามารถที่จะเดินได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งในช่วงของการทำงาน และช่วงเวลาอื่นๆ อยู่ที่ว่า เราจะเดินหรือไม่
ถ้ายังเดินได้ ให้เดินกันเถอะ ถ้าถึงวันที่เดินไม่ได้ แล้วอยากจะเดิน จะได้ไม่เสียดายโอกาสในชีวิต
ฝากวิดีโอปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพให้ชมกัน
วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554
ลงพุง กับการเดิน เพื่อสุขภาพและชีวิต
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น