วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

รสชาติชีวิตบนรถด่วน บขส. ช่วง 23-27 เม.ย.2554

          การเดินทางด้วยรถโดยสาร แ้ม้จะไม่สะดวกเหมือนกับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่มีสิ่งที่แตกต่างกัน คือ ทุกครั้งที่เดินทาง จะมีสีสัน รสชาติ ความทรงจำ และความประทับใจเกิดขึ้นมากมาย เป็นบทเรียนชีวิต บางเหตุการณ์พัฒนาจิตใจ ได้เห็นชีวิตของผู้คน ในสังคมที่เป็นอยู่

            23 เม.ย.2554 นายบอนออกเดินทางจากกาฬสินุธุ์ เข้า กทม.ในช่วงเช้า รถสายยาวจะมีตอนเกือบเที่ยง เมื่อต้องรีบออกแต่เช้า จึงต้องต่อรถหลายสาย ขึ้นรถไปขอนแก่นเที่ยว 8.40 น. บนรถเปิดวิดีโอให้ผู้โดยสารดู เป็นวิดีโอรายการชิงร้อยชิงล้าน สมัยที่ออกอากาศทีวีช่อง ททบ.5 ถึงจะเอาของเก่ามาเปิด แต่ก็ยังฮาอยู่ดี  นั่งดูเพลิน จนรถแล่นมาถึงขอนแก่น ตอน 10.05 น. เ็ห็นรถสายอุดร-โคราช กำลังจะออกจาก บขส.ขอนแก่นพอดี มองขึ้นไปในรถ เห็นคนยืนอยู่ แสดงว่า ที่นั่งเต็ม เลยตัดสินใจ รอไปรถคันต่อไปดีกว่า จะได้นั่ง

            10.30 น. รถเบอร์ 210-23 ก็แล่นเข้ามาที่คิว ไม่มีใครลงจากรถเลย เด็กรถเลยให้ผู้โดยสาร เด็ก และผู้หญิง ขึ้นรถไปก่อน คนที่ขึ้นรอบหลังเลยได้ืยืน แถมเบียดกันมากๆ แน่นกว่าคันแรก ยืนชิดกันอีก นายบอนเอากระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปด้วย จะยัดไว้ในช่องใส่ของก็ไม่ได้ เพราะทำช่องไว้แคบมาก เลยต้องวางกระเป๋าตรงเท้า ที่ว่างสำหรับยืนก็แ็ทบไม่มี เบียดกันมากๆ


            เมื่อคนตรวจตั๋ว เก็บค่าโดยสารเดินมา ก็บอกให้ชิด ให้เดินขยับไปหน่อย เขาจะได้เดินเข้าไปข้างในได้ พอคนตรวจตั๋วเดินมาเช็คตั่ว เห็นกระเป๋าวางอยู่ที่เท้า ก็ช่วยยกกระเป๋าแล้วเอาสอดเข้าไปใต้เก้าอี้ของคนที่นั่งใกล้ๆให้ เลยมีพื้นที่ยืนเพิ่มขึ้น ไม่มีกระเป๋าทับรองเท้า   รถติดไฟแดง แวะรับคนที่โบกข้างทางด้วย คนที่ยืนก็ต้องขยับถอยหลังมา จนก่อนจะออกจากตัวเมือง รถก็แวะเข้าไปเติมแก๊ส ผู้โดยสารต้องลงจากรถ เลยรีบเอากระเ๋ป๋าจากใต้เก้าอี้ ลงไปไว้ที่เก็บกระเป๋าข้างตัวถังรถ เพราะกลัวจะลืม และตอนลงจากรถ จะมีแต่คนรีบลงๆๆ จะไปเอากระเป๋าคงจะยาก

            พอเต็มแก็สเสร็จ ผู้โดยสารก็ทยอยขึ้นรถ เลยขึ้นรถเป็นคนท้าย ๆจะได้อยู่ใกล้ทางลง อยู่ฝั่งข้างหน้า ไม่เบียดกับผู้คนมากนัก แต่ก็มีคนโบกขึ้นรถมาอีก คนเก็บตั๋ว ก็บอกให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ บอกว่า ไปออกันอยู่ข้างหลัง เพราะข้างหลัง รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ข้างหน้า 2 ล้อเอง หลายคนก็ถอยตามๆกันมา แต่มีหนึ่งหนุ่ม ยืนข้างๆเก้าอี้แฟนสาว ก็เบี่ยงหลบให้คนข้างหน้าเดินผ่านไป จะขออยู่ใกล้ๆแฟนอย่างนั้นแหละ แอบมองหน้าแฟนสาวของเขาคนนั้นแล้ว ถือว่า น่ารักเหมือนกันนะ

            รถแล่นออกจากขอนแก่น เข้า บ้านไผ่ เมืองพล ก็มีผู้โดยสารลงจากรถเรื่อยๆ ที่เมืองพล ได้นั่งช่วงหนึ่ง เพราะคนที่จะลง ขอทางลง เลยบอกให้เข้าไปนั่งที่เบาะ จะได้เปิดทางเดิน พอมีผู้โดยสารชุดใหม่ขึ้นมา เลยลุกให้ผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งได้นั่ง ขอยืนต่อจนถึงโคราช ก็ยืนขยับขา บิดตัวไปเรื่อยๆ ยืนนิ่งๆก็กลัวตะคริวจับเหมือนกัน ยืน 3 ชั่วโมง ก็เหนื่อยพอสมควร

            รถแล่นมาถึง ขบส.โคราช เช้าจอดที่คิว ก็รีบลงจากรถมาเอากระเป๋าเสื้อผ้า จะรีบไปกินข้าว ทำเวลาเข้า กทม. พอลงมาข้างล่าง เด็กรถเปิดช่องเก็บกระเป๋า ขนสัมภาระทุกอย่างลงมาวางที่ข้างรถ เดินไปดูทุกกอง อ้าว ไม่มีกระเป๋าของเราเลยสักใบ หายไปไหนหว่า เลยถามเด็กประจำรถ

            "พี่ฝากกระเป๋ากับใครให้ขนขึ้นรถ , พี่ขึ้นจากไหน"

            ซักพัก ก็มีอีกคนมาบอก มีการเอาของลงผิดที่เืมืองพล เดี๋ยวกระเป๋าที่เอาลงผิดจะติดรถเบอร์ 211-7 อีก 15 นาทีจะมาถึงนะ ได้ยินแ้ล้วก็พยักหน้า แล้วรีบเดินไปกินข้าว ไปเข้าห้องน้ำ เดินออกมา รถเบอร์ 211-7 ก็แล่นมาถึงจริงๆ  เลยเดินตามไปยังที่จอดรถ

            คนที่ตรวจตั๋ว กำลังเดินตามหา บอกว่า กระเป๋ามาแล้วนะ ตามหาพี่ตั้งนาน นึกว่าหายไปไหนแล้ว แล้ว คนตรวจตั๋วอีกคนก็รีบวิ่งไปที่รถ ไปเอากระเป๋ามาให้  พูดหยอกๆว่า "เกือบซวยแล้วมั้ยล่ะ " นายบอนรับกระเป๋ามา ยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ

            แม้จะเ้ป็นรถ ป.2 ที่วิ่งทำเวลาระหว่างอุดรธานี -  โคราช แต่ก็ดูแลผู้โดยสารอย่างดี ถ้ากระเป๋าไม่ลงผิดที่ ก็คงไม่รู้ถึงน้ำใจในการให้บริการของรถด่วนสายนี้

            ความจริงแล้ว การวางกระเป๋าที่ใต้ท้องรถ เขาจะวางเป็นระบบ แบ่งเป็นกองๆ กองไหน เอาลงบ้านไผ่ กองไหนลงที่เมืองพล นอกจากกระเป๋าผู้โดยสารแล้ว อาจจะมีสัมภาระที่มีคนฝากให้ไปส่งลงที่อำเภอต่างๆ ผู้ที่เอาสัมภาระขึ้นรถ จึงต้องจัดวางกระเป๋าไว้เป็นกองๆ และจำไว้ว่า กองไหน ช่องไหน เอาลงที่ไหน ความผิดพลาดเกิดจากนายบอนเอากระเป๋าไปใส่ช่องเก็บของตอนที่รถลงเติมแก๊สที่ปั้มก่อนออกตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งเอาไปวางในช่องเก็บสัมภาระที่จะขนลงที่เมืองพล เลยเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย แต่พนักงานของรถโดยสารสาย 211 หรือ คนตรวจตั๋ว ก็โทรตรวจสอบประสานงานอย่างดี และเอากระเป๋่าที่ลงผิด กลับคืนตามรถอีกคันที่กำลังแล่นตามมา

            ดูแลบริการอย่างดี นายบอนจึงเป็นผู้โดยสารขาประจำของรถโดยสารสาย 211 อุดร-โคราช มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

            จากโคราช ก็นั่งรถเข้า กทม. โดยสวัสดิภาพ จนถึงเช้าวันที่ 25 เม.ย.2554 ก็ได้เวลาเดินทางอีกครั้ง จากบ้านอำเภอ - ใกล้ๆพัทยา ขึ้นรถตู้ที่วิ่งมาจากสัตหีบ เพื่อไปลงยังหมอชิต 2  หลังจากที่พี่ไก่ แมลงสาบ ขับรถออกมาส่ง ตอน 9.30 น. ก็เดินมาซื้อตั๋วทันที คนขายตั๋วรีบโทรไปเช็คจากต้นทาง แล้วบอกว่า ได้รถเที่ยว 9.40 น. มีที่นั่งว่างที่สุดท้ายพอดี ค่รถ 135 บาท ตั๋วเป็นแบบในรูป

photo

photo


            จากสัตหีบ รถมาถึงเกือบ 10.00 น. ขึ้นรถ คนขับก็มาเก็บตั๋วไป เมื่อรถมาถึง คนขายตั๋วจะบอกว่า ต้องขึ้นคันไหน เพราะสายเดียวกัน มีทั้งคันที่วิ่งไปเอกมัย ไปสายใต้ใหม่ และไปหมอชิต ก็ขึ้นตามที่เค้าบอก รถวิ่งเข้าพัทยา แวะไปรับคนที่คิวรถตู้ พอที่นั่งเต็ม ก็วิ่งเข้าทางด่วน เข้ามอเตอร์เวย์ ไปโผล่ใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัย ส่งผู้โดยสารลงชุดแรก แล้ววิ่งลัดไปอีกทางมาเข้าหมอชิต 2 ถึงตอน 12.30 น.กว่าๆ แล้วรีบหารถไปทำภาระกิจ 2-3 อย่างใน กทม.ทันที

                ช่วงเย็น ต้องไปจันทบุรี ก็กลับมาที่หมอชิต ขึ้นรถ บขส.99 ป.1 ออกตอน 17.00 น. ค่าตั๋ว 193 บาท


photo




            สีสันของตั๋ว สดใสดี ส่วนของว่าง ของแจกบนรถ เป็นอย่างที่เห็น
photo


            รถแล่นมาถึงจันทบุรี ตอน 20.50 น. ถึงไวมากๆ ขาออกมาไว

            วันที่ 27 เม.ย.2554 ถึงเวลากลับเข้า กทม. ขึ้นรถเที่ยว 9.00 น. ตั๋วเป็นสีเขียวแบบที่คุ้นเคย แต่กล่องของว่าง ที่แจกบนรถ กล่องน่ารักดี

photo

photo

photo

photo


photo


            เปิดดูในกล่้อง มีขนม และกาแฟ แถมแก้วด้วย และยังให้กล่องน้ำผลไม้ และน้ำเปล่า 1 ขวด รถมาเที่ยวเช้า คนไม่เยอะ เลยนั่งสบายๆแต่รถก็แวะรับผู้โดยสารตามจุดขายตั๋วระหว่างทาง เช่น ที่นายายอาม , อ.แกลง แล้ววิ่งเข้า กทม. คราวนี้ มีคนที่จะลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ รถก็วิ่งเข้าไปส่งถึงที่ เลยได้เข้าไปในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรก แล้วก็ขึ้นทางด่วน มาโผลที่หมอชิต 2 ตอนเกือบ 13.00 น.  แล้วขึ้นรถเที่ยว 15.00 น. กทม-นครพนม กลับถึงกาฬสินธุ์ตอน 23.30 น.
                      

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ธรรมทาน อาหารสมอง - ของฝาก 2 เล่มจากพี่หน่อย เพียงหทัย



            ช่วงบ่ายๆวันที่ 25 เม.ย.2554 มีโอกาสได้พบปะกับพี่แคท และพี่กู๋ ดินรักษ์ฟ้า ที่เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ เพื่อหารือเรื่องที่จะร่วมกันทำเกี่ยวกับในหลวงในปี 2554 นี้ ไหนๆ ก็โผล่มาทั้งที พี่แคท เลยเอาหนังสือ ที่พี่หน่อย เพียบงหทัย ฝากมาให้นายบอน

            คือ หนังสือสองเล่มนี้

           1.ทางสายเอก
            2. ทุกข์ำเพราะทำ ธรรม..ไม่ทุกข์


photo

photo

            พี่แคท ใส่ซองกระดาษมาให้อย่างดี พร้อมกับสติกเกอร์ "ดินรักษ์ปวงประชารักษ์ในหลวง" ที่มอบให้ไปแจกต่อ และยังมี "บทสวดชัยมงคล คาถา" ติดโลโก้ดินรักษ์ฟ้า  ที่พลิกดูแล้ว มีรายนามผู้จัดพิมพ์อยู่ในนั้น และมีชื่อของพี่หน่อย กับแฟนอยู่ในลำดับที่ 1  ของรายนามผู้จัดพิมพ์นี้ด้วย  ..ถือว่า สำคัญเหมือนกันนะ ที่ชื่อผู้จัดพิมพ์เป็นลำดับแรก ในขณะที่กลุ่มดินรักษ์ฟ้า มีชื่อผู้จัดพิมพ์อยู่ในลำดับที่ 4


photo

photo

photo

            นายบอนรู้จักพี่หน่อยจากใน facebook นี่แหละ หลังจากที่รู้จักกับดินรักษ์ฟ้า ก็จะพบพี่หน่อย เข้ามาแสดงความเห็นในเรื่องที่ดินรักษ์ฟ้า แท็ก หลังจากนั้นได้มีโอกาสเข้าไปอ่านที่พี่หน่อย เขียน โพสต์ไว้ หลายครั้งนำข้อความธรรมะมาโพสต์ อ่านแล้วเข้าท่าเหมือนกัน บางข้อความเข้าไปเขียนแสดงความคิดเห็นด้วยความไม่เข้าใจ แต่พี่หน่อย ก็อธิบายหลักธรรมะ จนนายบอนหายโง่ไปเลย

            ความจริงแล้ว นายบอนกะพี่หน่อย เกิดปี พ.ศ.เดียวกัน แล้วทำไมนายบอนเรียก "พี่" ล่ะ  อาจจะคิดว่าแกล้งเรียก หรือคิดว่าอายุมากกว่าหรือเปล่า  แต่เหตุผลที่เรียกว่า "พี่"   ก็เป็นดังข้อความที่อ่านเจอในหนังสือ "ทางสายเอก" ที่พี่หน่อย ให้มาน่ะแหละ

            "ในทางโลกเราดูอาวุโสที่อายุ แต่ในทางธรรมเราดูอาวุโสที่ธรรมะ"

            หลายครั้งที่เข้าไปอ่าน และเีขียนคอมเมนท์ในหลักธรรมที่พี่หน่อย ถ่ายทอดออกมา คราวนั้น เลยชมว่า แหม รู้ข้อมูลดีจัง พี่หน่อยบอกว่า อ่านจากหนังสือธรรมะหลายเล่ม ก็เลยบอกว่า ขอยืมมาอ่านมั่งสิ พี่หน่อย เลยฝากหนังสือสองเล่มนี้มาทางพี่แคท

            หลังจากกลับออกมาจากรัตนาธิเบศร์ มาที่หมอชิต 2 เพื่อเดินทางไปยังจันทบุรี หยิบหนังสือทางสายเอก ขึ้นมาเปิดอ่าน อือม เป็นหนังสือที่อ่านเข้าใจง่ายจริงๆ พี่หน่อยเข้าใจเลือกอ่านหนังสือ อีกเล่มหนึ่งหยิบมาเปิดอ่าน ก็เข้าใจง่าย มีบางหน้าที่พี่หน่อยพับมุมกระดาษเอาไว้ คงมีข้อความโดนใจ หรือข้อความสำคัญในหน้านั้น

            อ่านแล้ว เข้าท่าเหมือนกัน ว่าแต่ให้ยืมหรือให้เลย จะได้ส่งคืนเพื่อยืมเล่มใหม่มาอ่านอีก หรือถ้ายกให้เป็นธรรมทาน ก็แบ่งปันให้คนอื่นได้อ่านด้วย

            แต่ที่พี่หน่อยแบ่งปัน ธรรมทานมาให้อ่าน ก็ทำให้นายบอนได้อะไรดีๆเติมใส่ชีวิตเยอะเหมือนกันนะ

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

หนังสือแจกฟรี กับน้ำใจของการแบ่งปันในหมู่มิตร กับสิ่งที่เกินคาดที่ได้รับกลับมา





          นายบอนได้หนังสือ "ทำใจสบายให้หายเครียด" และ " ลอร์ด ออฟ จัสทิช" เขียนโดย อ.สุเทพ อัตถากร ซึ่งพี่แคท มอบให้มาอ่าน ในช่วงที่ได้พบปะกัน


 


          เป็นหนังสือที่ดี ได้รับจากทายาทของผู้เขียนหนังสือ เนื้อหาดี อ่านเข้าใจง่าย อ่านแล้วชอบ เลยแบ่งปันให้มวลมิตรที่ขอนแก่้นได้อ่านมั่ง


          พี่แคท ทำกิจกรรมกับพรรคพวกในนาม กลุ่มดินรักษ์ฟ้า เมื่อมีโอกาสได้ไปช่วยงาน เลยช่วยถ่ายรูป + ถ่ายวิดีโอ เขียนบันทึกเรื่องราวการทำงาน เผยแพร่ทางเวบ พอเขียนแล้ว ก็ส่งเมล์ให้มวลมิตรที่ขอนแก่นเปิดดู เปิดอ่าน ให้ได้สัมผัสถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของคนที่รักในหลวงอีกกลุ่มหนึ่งในเมืองไทย


          เมื่อวาน ได้พบเจอมวลมิตร เขาเอาหนังสือมาคืน เพราะอ่านจบแล้ว ชอบว่า เนื้อหาดี ชอบที่ อ.สุเทพเขียน ซึ่งในวันที่มาเอาหนังสือไปอ่าน ก็ได้สอบถามเรื่องราวของกลุ่มดินรักษ์ฟ้าว่ากำลังจะทำกิจกรรมอะไรบ้าง แล้วก็เสนอแนะไอเดียมาให้หลายประเด็น ทั้งการแต่งเพลง , การทำหนังสือถ่ายทอดเรืองราวของในหลวงจากมุมมองของดินรักษ์ฟ้าที่อยากบอก และเมื่อรู้ว่า พี่แคทเป็นทายาทของ อ.สุเทพ ยิ่งรู้สึกประทับใจ ขนาดทายาทยังรักในหลวงขนาดนี้ แล้ว อ.สุเทพ จะรักในหลวงมากขนาดไหนล่ะ


          มวลมิตรท่านนี้ ได้ติดตามงานของ อ.สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ทางอินเตอร์เนตเช่นกัน เมื่อเอาหนังสือมาคืน ก็เสนอไอเดียว่า ในเมื่อทั้งสอง "สุ" ต่างก็รักในหลวงทั้งคู่ น่าจะให้ทั้งสองท่าน มาทำงานร่วมกัน ถ่ายทอดความจงรักภักดีต่อในหลวง ในแบบของแต่ละท่าน เอาจุดเด่นของแต่ละท่านออกมา แล้วลูกหลานได้ร่วมเรียนรู้ ทำงานร่วมกับทั้ง 2 ท่าน


          นายบอนจึงสรุปประเด็น เขียนบอกพี่แคทส่งไปทาง facebook พี่แคทคงเก็บเอาไปคิด และคงจะหาทางทำออกมาในแบบที่ถนัด และทำออกมาให้ดีที่สุด ในรูปแบบการทำงาน และมาตรฐานของเธอ


          เมื่อวาน ที่มวลมิตรเอาหนังสือที่อ่านจบมาคืน ได้ถามความคืืบหน้าว่าไอเดียที่เสนอไป ทางกลุ่มดินรักษ์ฟ้าว่าอย่างไร ก็ตอบไปว่าคงกำลังพิจารณาและรอพบปะพูดคุย ปรึกษาหารือกันอีกครั้ง


          ว่าแล้วก็เลยถามกลับไปว่า ทำไมมวลมิตรถึงกระตือรือร้น เสนอไอเดียดีมาให้ล่ะ ในขณะที่บรรดาเพื่อนๆใน facebook ของพี่แคทมากมายหลายคน ที่คุยกัน สื่อสารกันตลอด ไม่เห็นมีใครเสนอไอเดียแบบนี้บ้างเลย (หรือมี แต่เราไม่รู้นะ) ต่างกับมวลมิตรที่แทบจะไมไ่ด้คุย สื่อสารกับพี่แคททุกวันทาง facebook เลย


          คำตอบของเขา คือ ความประทับใจ กับเรื่องราวการทำงานเมื่อ พ.ย.2553 ที่ปากช่อง ได้อ่านบันทึก ดูวิดีโอ โดยเฉพาะตอนที่พี่แคทพูดถึงในหลวงในวิดีโอให้เด็กนักเรียนฟัง เลยติืดตามเรื่องราวของดินรักษ์ฟ้ามาต่อเนื่อง เห็นถึงความตั้งใจจริง และคิดว่า น่าจะทำอะไรได้มากกว่านั้น


- แง้มหัวใจของกลุ่มดินรักษ์ฟ้ากับ Kat Atthakor ดินรักษ์ฟ้า
http://บอนกาฬสินธุ์.blogspot.com/2010/11/kat-atthakor.html


- คำพูดที่กล่าวถึงในหลวงแบบชาวบ้าน..พูดง่ายกว่าที่คิดกับต้นไม้ของในหลวง
http://บอนกาฬสินธุ์.blogspot.com/2010/11/blog-post_26.html


          "อยากให้คนยุคไอที คนยุคใหม่ เอาวิธีคิด และการทำงานแบบคนยุคเ่ก่า ที่ไม่เก่งไอที แต่ทำงานกับคนจริงๆ ในพื้นที่จริงๆ ด้วยวิธีการง่ายๆ แต่ได้ผล อย่างวิธีการพูดถึงในหลวงแบบง่ายๆแต่ออกมาจากใจของคุณแคท แต่ดูแล้วประทับใจ และเอาไปเล่าต่อได้"


          ฟังแล้ว ก็ทึ่งครับ 5 เดือนผ่านไปแล้ว กับเหตุการณ์เล็กๆ บันทึกเรื่องราว เล่าแบบง่ายๆ แต่คนจำได้ เอาไปเล่าต่อได้ และรักในหลวงมากขึ้น ง่ายๆ แต่ได้ผลเกินคุ้ม


          น่าสนใจที่เรื่องราว เื่ืมื่อ 5 เดือนก่อน คนจำได้ แล้วคนใน facebook จะมีใครจำเรื่องราวนี้เมื่อ 5 เดือนก่อนได้บ้างล่ะ จำเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังบ้างไหม หากไม่ใช่เรื่องของตนเอง เ็ป็นเรื่องง่ายๆที่คาดไม่ถึง




          ถ้ามีเรื่องราวของในหลวง ที่ถูกบอกเล่าออกมาอย่างง่ายๆ หลายเรื่อง แล้วมีคนจำได้ เอาไปเล่าต่อได้แบบนี้ แม้เวลาจะผ่านไป
หลายเดือน ... แบบนี้ ถือว่า เกินคุ้ม กับการทำงานเพื่อให้ผู้คนรับรู้เรื่องราวของในหลวงของปวงชน


:))))

หา นสพ.นิตยสารออกใหม่ในกาฬสินธุ์ ที่ร้านนานาบุคสโตร์+วรสุบุคเซ็นเตอร์ ใหม่กว่า ซีเอ็ดบุคเซ็นเตอร์



        วันหยุดสงกรานต์ปี 2554 หยุดหลายวัน ร้านค้าหลายแห่งปิด แต่ร้านขายหนังสือไม่ปิด จึงไปหาซื้อ นสพ. นิตยสารได้

            เย็นวันที่ 16 เมษายน 2554 ผ่านพ้นช่วงสงกรานต์ หมดช่วงเวลาสาดน้ำบนถนนแล้ว ออกจากบ้านไม่เปียกแล้ว เลยเดินไปหาซื้อนิตยสารออกใหม่ รายสัปดาห์ อย่าง ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์, และอยากดู เนชั่นสุดสัปดาห์ มติชนสุดสัปดาห์ ว่า หน้าปกฉบับใหม่เป็นยังไง มีเรื่องอะไรน่าสนใจ เผื่อซื้อมาอ่าน

แวะไปที่้ร้านซีเอ็ดบุคเซ็นเตอร์ ที่กาฬสินธุ์พลาซ่า สาขา 2 ตรงข้ามตลาดทุ่งนาทอง เห็นหน้าปกนิตยสาร เป็นปกเก่าของวันเสาร์ก่อน แสดงว่า ยังไม่มามั้ง วันหยุดยาว หนังสือคงไม่เอามาส่ง หาดูนิตยสารธรรมลีลา ดูกระดาษ เล่มใหม่ แต่เป็นฉบับมีนาคม 2554 ..เป็นไปได้ยังไง ตอนนี้กลางเดือนเมษายนแล้ว ทำไมฉบับล่าสุด ไม่มีวางขายละ

ไปที่ร้านซีเอ็ดบุคเซ็นเตอร์ ร้านใหญ่ ตรงข้ามธนาคารทหารไทย สาขากาฬสินธุ็์ ดูนิตยสารก็เหมือนกัน ยังเป็นฉบับของสัปดาห์ที่แล้ว เอ้อ.. วันหยุึดยาว ไม่เอามาส่งเลยหรือ

ค่ำๆ ตัดสินใจเดินไปดูที่ร้านนานาบุคสโตร์ พอไปถึง อ้าว นิตยสารฉบับล่าสุด มาแล้ว ทั้ง ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ที่วางตรงแผงขาย นสพ.ฉบับใหม่เลย ส่วน เนชั่นสุดสัปดาห์, มติชนสุด , สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ถูกเสียบอยู่บนแผงนิตยสาร เป็นฉบับใหม่ล่าสุด รวมทั้งนิตยสารธรรมลีลา ก็เป็นฉบับเดือนเมษายน 2554

เฮ้อ ร้านใหญ่ที่มีสาขาทั่วประเทศ แต่นิตยสารออกใหม่ ยังไม่มีขาย ร้านใหญ่ ระบบใหญ่ ซับซ้อนขั้นตอนเยอะ ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่คนมาเดินเยอะแยะ แต่ไม่มีนิตยสารออกใหม่ๆสดๆ มาวางขายทันที

แต่ร้านหนังสืออย่าง นานาบุคสโตร์ หรือ วรสุบุคเซ็นเตอร์ ที่อยู่หน้าอนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร จะมีนิตยสารฉบับออกใหม่มาวางแผงทันที ลูกค้าผ่านไป ถามหา ควักเงินซื้อแล้วได้หนังสือที่ต้องการทันที เป็นระบบที่หนังสือเหลือ ก็ส่งคืนแล้วรับฉบับใหม่มาวางแผงขายต่อ เลยได้อ่านฉบับใหม่ทันใจ

ดังนั้นอย่ามองข้ามร้านค้าชุมชน ร้านค้าในท้องถิ่น อย่าเชื่อมั่นในร้านใหญ่ ที่มีสาขาทั่วประเทศ ที่จัดร้านดูดีมีระเบียบ ภาพพจน์ดี แต่ไม่มีนิตยสารใหม่ วางแผงขาย

วันที่ 17 เม.ย.2554 แวะไปที่ขอนแก่น เข้าไปที่ร้านซีเอ็ดบุคเซ็นเตอร์ ที่โฆษะคอมเพลกซ์ ก็เห็นเนชั่นสุด, มติชนสุด ยังเป็นฉบับของสัปดาห์ก่อน อ้าว นี่เป็นทุกสาขาเลยหรือนี่ ที่นิตยสารฉบับใหม่ล่าสุดยังไม่ส่งมาถึง ให้วางแผงขาย

แหม มาช้าจัง เจอวันหยุดยาว เลยวางแผงนิตยสารรายสัปดาห์ ช้ากว่าร้านค้าในท้องถิ่นไปเลย

บันทึกสงกรานต์ 2554 กับ 80 วิดีโอบันทึกเหตุการณ๋์ต่างๆที่กาฬสินธุ์


            ช่วงวันสงกรานต์ ปี 2554 วันหยุดยาวตั้งแต่ 12-17 เม.ย. มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งด้านดีและไม่ดี มีทั้งความสนุก ความเหงา รอยยิ้ม เฮฮา ความประทับใจ


              มีการเล่นน้ำ สาดน้ำ รดน้ำขอพร ไปเที่ยว กลับบ้าน อุบัติเหตุ ฯลฯ บางคนสนุก แต่บางคนก็เฉยๆ


               นึกถึงคนที่ไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเพราะเหตุผลหลายประการ หลายคนอยู่หน้าจอคอมตลอด ไมไ่ด้ออกไปไหน เมื่อเรามีโอกาสได้ไปสัมผัสบรรยากาศต่างๆ เลย ถ่ายวิดีโอไว้ซะเลย


               11-14 เม.ย.2554 เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์จัดงานประเพณีสงกรานต์ ทั้งที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัด ถนนปลอดแอลกอฮอล์ และถนนข้าวก่ำ - อนรรฆนาค มีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการประกวดผู้สูงอายุ, ประกวดคนคุยใหญ่, ประกวดหัวเราะ, ประกวดส้มตำลีลา, ประกวดสตรีข้ามเพศ, วันน้ำทิพย์กตัญญู, ขบวนแห่งานวันสงกรานต์, ถนนปลอดแอลกอฮอล์กับการแสดงต่างๆ เลยไปถ่ายวิดีโอเอามาลง youtube เอาไปแปะใน facebook ให้คนคุ้นเึคยได้ชมกัน หลายคนหัวเราะ ไม่เคยเห็นบรรยากาศสนุกสนานแบบนี้


              แม้ไม่มีโอกาสมาสัมผัสบรรยากาศจริงๆ นั่งดูคลิปวิดีโอก็ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน


              เมื่อถ่าย 11-12 เม.ย. เมื่อกลับมาเปิดดูย้อนหลัง ยังสนุกกับสิ่งที่พึ่งผ่านไป เลยตั้งใจถ่ายวิดีโอซะเต็มที่ 13-14 เม.ย. แล้วเอาลง youtube ทำ playlist และลิงค์เชื่อมโยงมาที่ playlist หากใครค้นดูคลิปวิดีโออันไหนก็ช่าง จะเชื่อมมาที่ playlist สามารถดูได้ทุกวิดีโอ ถ้าต้องการจะชม


http://www.youtube.com/playlist?p=3612AF7452981408


              ถ่ายจนเกร็ง ปวดหลัง เพราะยืนนาน จนเพลิน


             จากการค้นดูข้อมูลใน youtube พบว่า มีคนเปิดดูวิดีโอเก่าๆของสงกรานต์ปี 2553 ด้วย ดังนั้น ข้อมูลสงกรานต์ปี 2554 ที่ลงเอาไว้ ก็จะมีคนสามารถค้นดูย้อนหลังได้ด้วย ได้เผยแพร่เหตุการณ์เรื่องราวของสงกรานต์กาฬสินธุ์อีกทางหนึ่ง แม้สงกรานต์กาฬสินธุ์จะไม่ติดอันดับความน่าสนใจเหมือนสงกรานต์ในเมืองท่องเที่ยวหลายจังหวัด แต่ขอโทษ ข้อมูลใน youtube มีไม่น้อยเลยนะครับ มากกว่าหลายจังหวัดด้วยซ้ำ


            ถึงเอาลงไว้เยอะ ตั้ง 80 วิดีโอ แน่นอนว่า หลายคนไม่มาเปิดดูหมดทุกอันหรอก แม้จะดูบางส่วน บางอัน หรือดูเท่าที่อยากจะดู จะดูแค่ไหน ก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศของสงกรานต์เมืองกาฬสินธฺุแล้วล่ะ


             ทำได้ขนาดนี้ ก็ดีใจแล้วกับสถิติที่ทำได้ ปลื้มเล็กๆ


(ดูวิดีโอสงกรานต์2554 ทั้งหมดคลิก http://goo.gl/bXwi1 )

น้ำใจของร้านค้าชุมชน ร้านถ่ายเอกสารเล็กๆ ที่ร้านใหญ่ๆไม่มี

            เมื่อต้องเดินไปถ่ายเอกสาีรในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้ว เวลาจะถ่ายเอกสาร มักจะไปที่ร้านใหญ่ๆ มีเครื่องถ่ายเอกสารหลายเครื่อง มีคนให้บริการหลายคน ซึ่งร้านนั้นจะถ่ายได้ชัด กระดาษดี ไม่รอนาน บริการครบวงจร

             ปกติ มักจะมองข้ามร้านถ่ายเอกสารร้านนี้มาตลอด เพราะเห็นเป็นร้านเล็กๆ มีเจ้าของร้านอยู่ 1-2 คน คงจะทำให้ช้า รอคิวนาน แต่วันนี้ ไม่อยากออกไปไกลๆ อากาศร้อน เลยเดินมาร้า่นถ่ายเอกสารใกล้บ้าน

             ตอนนั้นมีเจ้าของร้านเป็นผู้หญิงนั่งอยู่ในร้าน เลยเดินเข้าไปยื่นเอกสารที่ต้องการถ่าย พร้อมบอกจำนวนที่ต้องการให้ถ่ายเอกสาร เจ้าของร้านบอกให้นั่งรอสักครู่ แล้วจัดการถ่ายเอกสารให้ แป๊บนึงก็มาที่เค้าเตอร์ รีบยื่นบัตรประชาชนให้ บอกว่า ลูกค้ามักจะลืมไว้บ่อยๆ ต้องรีบให้คืน ไม่งั้นลืม หลังจากนั้นก็นับจำนวนแ่ผ่น แล้วบอกว่า ค่าถ่ายเอกสารทั้งหมด 12 บาท

             นายบอนหยิบเงินมา 10 บาท เหรียญเดียว คิดว่าพอ แต่เอ้า ไม่พอซะงั้น เลยรีบบอกว่า เดี๋ยวไปเอาเงินมาให้อีก 2 บาท แป๊บนึง แต่เจ้าของร้านบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ ผ่านร้านมาตอนไหน ก็เอา 2 บาท มาหย่อนไว้ตอนไหนก็ได้ แ้ล้วเอกสารใส่ถุงส่งให้และรับเงิน 10 บาทไป

         นายบอนเลยรีบกลับไปเอาเงิน 2 บาท แล้วกลับมาให้เจ้าของร้าน เธอรับเงินแล้ว บอกว่า "ขอบคุณค่ะ"

             ที่จริงแค่ 2 บาท เงินเล็กน้อย ไม่น่าจะต้องให้ความสำคัญมากถึงขั้นเอามาเขียนบันทึก แต่ทว่า เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของคนในชุมชน ที่ต่างจากร้านใหญ่ๆ ที่ไม่ค่อยเจอแบบนี้ ถ้าเงินไม่ครบ ก็ไม่ให้ของไป คนในร้านใหญ่บางร้านจะบ่นว่า กะอีแค่ 2 บาท ยังไม่ยอมจ่ายอีกเหรอ แต่ร้านนี้บอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ ผ่านร้านมาตอนไหน ค่อยเอามาหย่อนใส่กล่องที่ร้านก็ได้

            ร้านค้าชุมชน แม้เป็นร้านเล็กๆ ร้านไม่ใหญ่ แต่ก็มีน้ำใจ สามารถคุยกันได้ ต่อได้ ติดไ้ว้ได้ ด้วยไมตรีจิตรมิตรภาพ ซึ่งต่างจากร้านใหญ่ๆอย่างชัดเจน

            ร้านค้าเล็กๆ จึงอยู่ได้ ได้เพื่อน ผูกใจลูกค้า ได้มิตรใหม่ แม้เป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีลูกค้าประจำที่มาใช้บริการที่ร้านนี้ แม้บางช่วงบางเวลา จะไม่มีลูกค้าเลยก็ตาม เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ถ้าเป็นช่วงปิดเทอม ก็งานน้อยหน่อย

             อย่าลืมอุดหนุนร้านค้าชุมชนด้วยนะครับ อย่าติดแต่ความหรูหรา ใหญ่โต สะดวกสบาย ร้านค้าเล็กๆ ก็มีน้ำใจและมิตรภาพดีๆที่่่คาดไม่ถึงเหมือนกัน

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

บันทึกการเดินทางร่วมสัมมนา Vote No ครั้งหนึ่งในชีวิต ไปใช้สิทธิ์ เพื่อประเทศชาติ ที่ขอนแก่น 17 เม.ย.2554


         เวทีรณรงค์โหวตโน สัญจรที่ขอนแก่น ช่วงบ่ายวันที่ 17 เม.ย.2554 ความจริงแล้วมีการถ่ายทอดสดทางช่อง E-san TV และ FMTV แต่นายบอนอยากไปร่วมสัมผัสบรรยากาศสดๆ กับงานที่พันธมิตรขอนแก่นเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่โรงแรมโฆษะ จึงออกเดินทางไปที่โรงแรมโฆษะทันที มาถึงหน้าโรงแรมเกือบบ่ายโมง ไม่มีป้ายผ้าบอกว่ามีงาน Vote No ที่หน้าโรงแรม  รอสักพักก็เห็นกลุ่มคนที่ใส่เสื้อของพันธมิตร จึงเดินตามเข้าไปในโรงแรม จึงเห็นป้ายประชาสัมพันธ์หน้าล็อบบี้ ดังภาพ เออ.. นึกว่า มาผิดที่แล้วซะอีก เดินตามเข้าไป จนถึงขึ้นบันได ก็ดูเงียบๆ เอ.. จะมีคนมารึเปล่าเนี่ย

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk


photo vote no kk



            เดินขึ้นมาใกล้จะถึงห้องมงกูฏเพชร ถึงเจอการ์ด พธม.ขอนแก่น หนุ่มผมหยิกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นทีมงานของ ASTV เห็นนายบอนก็ทักทายว่า กินข้าวเที่ยงมาหรือยังครับ เชิญทานข้าวที่ห้องทางโน้นเลย สักพักก็มี พธม.เริ่มทยอยเข้ามา ตรงบันได มีจุดประทับตราบัตรที่จอดรถ บริการจากใจ พธม.ขอนแก่นผู้จัดงาน ใครเอารถมาจอด เอาบัตรจอดมาประทับตราได้เลย จะได้ไม่ต้องเสียค่าที่จอดรถ เพราะงานรณรงค์ครั้งนี้ จัดหลายชั่วโมง 13.00-18.00 น. นายบอนก็เดินตาม พธม.กลุ่มที่เห็นไปยังห้องอาหาร

photo vote no kk


photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk


           โผล่เข้าไป เห็นชาว พธม นั่งกินอาหารกันหลายคน  อาหารบริการฟรี เลยขอชิมกันหน่อย ทั้งข้าว ไข่เจียว ก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด และผัดไท ที่ทางเจ้าภาพจัดมาให้บริการเต็มที่ นายบอนจัดการ 3 ถาดอย่างรวดเร็ว มองสำรวจทั่วบริเวณ คุณประพันธ์ คูณมี นั่งคุยกับ พธม.อยู่ทางโต๊ะโน้น เลยถ่ายรุปไว้ซะเลย  แหม หันมามองกล้องอย่างกะรู้มุมกล้องแน่ะ

photo vote no kk


photo vote no kk


         ได้ยินกลุ่มสาวๆ พธม. ที่พึ่งเดินเข้ามา "อุ๊ย คิดถึงบรรยากาศที่มัฆวานจัง เอ้า เข้าแถวๆ ดังภาพที่เห็น แต่ละคนดูมีชีวิตชีวาจริงๆ

photo vote no kk

photo vote no kk


photo vote no kk


            สักพัก คุณสุนันท์ ศรีจันทรา ก็เดินลงมา บรรยาสาวๆ พธม.กรี๊ดยกใหญ่ รีบขอประกบถ่ายรูปด้วยทันที คุณสุนันท์ ก็โอเค ตามใจแม่ยกทุกอย่าง ตอนนั้น นายบอนกำลังยืนกินผัดไทอยู่ เลยหยิบกล้องมาเก็บภาพคุณสุนันท์ไว้ แล้วก็มาหม่ำต่อ  คุณแม่ยกที่คอยตักผัดไท ก็บอกว่า อยากถ่ายรูปกะคุณสุนันท์จังเลย เลยหันมาถามนายบอนว่า อยู่แถวไหน จะให้ถ่ายรูปให้ แล้วส่งรูปให้ด้วย พอบอกว่า อยู่กาฬสินธุ์ คุณแม่ยกเลยเซ็งนิดๆ พอดีเพื่อนของคุณแม่ยก มีกล้อง เลยจะถ่ายรูปให้ คุณสุนันท์เลยไปยืนถ่ายกับคุณแม่ยก ข้างๆกาละมังผัดไทดังภาพ สักพัก คุณประพันธ์หม่ำข้าวเสร็จ  เดินออกมา เหล่าแม่ยกก็ขอถ่ายรูปอีก เลยไปแจมเก็บภาพนี้มาอีกภาพ


photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk



           เดินตามคุณประพันธ์ไปยังบริเวณหน้าห้องจัดงาน  เห็นจุดขายเสื้อ จุดรับบริจาค และมีเอกสารที่แจกฟรีวางบนโต๊ะ กิจกรรมบนเวทีเริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้านหน้าของงานเลยมีคนนั่งประจำโต๊ะอยู่แ่ค่ไม่กี่คน

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk


            เดินเข้าไปในห้องมงกุฎเพชร ผู้คนยังมีไม่มาก ก็ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ห้องอาหารกันอยู่ แต่น้าเศกก็เล่นดนตรีบนเวทีแล้ว มี พธม.ออกไปฟ้อนรำหน้าเวทีกันหลายคน ทำการถ่ายทอดสดทาง E-san TV และ FMTV แ้ล้ว เห็นชื่องาน "สัมมนา Vote No ครั้งหนึ่งในชีวิต ไปใช้สิทธิ์ เพื่อประเทศชาติ" แหม ตั้งชื่อได้มีความหมายมากๆ พันธมิตรขอนแก่นจัดเตรียมงานได้เป็นอย่างดี พิถีพิถันทุกจุดจริงๆ







photo vote no kk


photo vote no kk

photo vote no kk


photo vote no kk



           แม้จะเป็นเวทีสัมมนาต่างจังหวัด  แต่ทุกคนก็อยากให้มีบรรยากาศเหมือนที่มัฆวาน ชาว พธม.ชัยภูมิ ก็ชูป้ายแล้วเดินแถวเข้ามาในบริเวณงาน ให้ พธม.ที่นั่งอยู่ชูมือตบต้อนรับ เป็นบรรยากาศเหมือนที่มัฆวานที่หลายคนคิดถึง

photo vote no kk

         คุณพานิชย์ เตียสวัสดิ์ แกนนำ พธม.ขอนแก่น ซึ่งเป็นตัวหลักในการจัดงาน และรับหน้าที่พิธีกรในวันนี้ด้วย เขาบอกว่า ตอนที่ไปมัฆวานช่วง 193 วัน เอาเงินไปบริจาคร่วมแสนบาท ขอพูดบนเวที 10 นาที แต่ผู้ควบคุมเวที ให้แค่ 5 นาทีเท่านั้น จะขอต่อรองยังไง ก็จะให้พูดแค่ 5 นาที  ในงานนี้ เลยขอเป็นพิธีกรบนเวทีซะเลย จะได้พูดได้ไม่จำกัดเวลา

photo vote no kk

         ช่วงผูกผ้าขาวม้าเพื่อสื่อถึงการต้อนรับแขกที่มาเยือนเมือง เสมือนญาติมิตร



photo vote no kk


photo vote no kk


photo vote no kk


photo vote no kk




         ช่วงที่ตัวแทน พธม.จังหวัดต่างๆในภาคอีสาน ขึ้นพูดบนเวทีคนละ 2 นาที มี พธม.จาก อุุดร, เลย, หนองบัวลำภู , มหาสารคาม, กาฬสินธุ์

photo vote no kk


photo vote no kk

photo vote no kk


photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk



           ผู้ร่วมงาน ได้ขอรดน้ำดำหัวคณะวิทยากรทั้ง 4 ราย ตามประเพณีสงกรานต์ไทย

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk


photo vote no kk



          มางาน พธม.ขอนแก่นทั้งที นายบอนไม่เคยพลาดเจอ คุณอ้อ บุณฑริกา พิทักษ์ ผู้สื่อข่าว ASTV ประจำศูนย์ข่าวขอนแก่น ตัวจริงเสียงจริงที่ติดตามการรายงานข่าวของคุณอ้อมานาน ในภาพเป็นช่วงเตรียมรอสัมภาษณ์ อ.สมเกียรติ นายบอนโผล่มาได้พบเจอหน้า ก็เป็นการให้กำลังใจเธอไปด้วยในตัว

photo vote no kk


photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk





          หลังการรดน้ำดำหัวเสร็จ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ก็เดินมาให้คุณอ้อ สัมภาษณ์ และที่เห็นคือ ทีทีมข่าว ASTV มีคุณอ้อ เป็นนักข่าว มีช่างกล้อง และอีกคนจดประเด็นอยู่ใกล้ๆ ทำให้การรายงานข่าวของทีมคุณอ้อ เข้มข้น เกาะติดทุกข่าว แล้วคนที่ถ่ายภาพมาลงข่าวในเวบ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ก็อยู่ใกล้ๆนายบอน ระหว่างที่นายบอนถ่ายรูปไป ช่างภาพก็มาถ่ายอีกมุมใกล้ๆ มองดูมุมกล้่องที่เขาถ่ายแล้ว เมื่อกลับมาเปิดดูในเวบที่รายงานข่าวนี้  http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000047199 รู้เลยว่า เขาถ่ายรูปมุมไหน นายบอนก็เลยหลบมุมกล้องซะ ก็ไปยืนถ่ายข้างๆเขานี่ รู้มุมกล้องหมด

photo vote no kk

         คุณดา พิธีกรของงานนี้ (น่ารัก...ซะ)

photo vote no kk

     แหม อุ้มหมีคู่ใจ มาฟังเวที Vote No ด้วยนะ ไม่ธรรมดา


photo vote no kk

photo vote no kk


photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk


photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk





        ช่วงเวลาการสัมมนาบนเวที ได้สาระความรู้ครบรสจริงๆ ทั้งเสียงมือตบและตบมือ ดังทุกๆนาที วิทยากรพูดได้ดีมาก

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk


         อ.สมเกียรติ ใส่เสื้อของท่านมา คุณพานิชย์ เลยให้ทีมงานไปเอาเสื้อ Vote No มาให้ อ.สมเกียรติเปลี่ยน ท่านก็เดินลงมาเปลี่ยนเสื้อที่ข้างๆเวที มีคุณพานิชย์ตามมาคอยดูแล นายบอนเลยเก็บภาพซะ ดูเหมือนคุณพานิชย์จะรู้ว่ามีคนจับตาดู เลยหันมามอง ไม่รู้บอกว่า "เอ๊ย มองอะไรวะ" :))

photo vote no kk

photo vote no kk


photo vote no kk



         ในระหว่างการสัมมนา อภิปรายบนเวทีอย่างเข้มข้น มีการยกถาดอาหาร ไม่ว่าจะเป็นข้าวไข่เจียว , ผัดไท, ผัดกระเพรา, ของหวาน, ก๋วยเตี๋ยว, น้ำ, กาแฟ มาเดินเสิร์ฟถึงที่ ให้ผู้ฟังทานไปด้วย ฟังไปด้วย จนคุณสุนันท์ ออกอาการอิจฉา พอถึงคิวพูด เลยแซวว่า "นี่งานสัมมนา หรืองานคอนเสิร์ตกันแน่นะ แหม ยกมาเสิร์ฟให้ถึงที่เลยนะ เห็นแล้วอยากกินมั่ง ไม่เห็นยกมาเสิร์ฟมั่งเลย" เห็นท่าทางพี่สุนันท์ นั่งมองผู้ร่วมงานกินข้าวแล้วก็ชักสงสาร ที่ต้องนั่งน้ำลายไหลบนเวที :))

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk

photo vote no kk


photo vote no kk


photo vote no kk



          ในงานนี้ คนที่มาไกลที่สุด คือ พธม.จากชิคาโก้ สหรัฐอเมริกา พิธีกรบนเวทีมองเห็นว่า ท่านมาร่วมงานนี้ เลยเชิญให้มาพูด เพราะมาไกล

         นั่งฟังจนเพลิน แป๊บเดียวก็ถึงเวลา 17.00 น.แล้ว นายบอนต้องเดินทางกลับกาฬสินธุ์แล้ว มางานวันนี้ หายคิดถึงบรรยากาศที่มัฆวานได้พอสมควร มีเวทีในต่างจังหวัดแบบนี้ ทำให้ พธม.ได้มาเจอกัน  หลายคนไม่มีโอกาสไปที่มัฆวานเพราะมีภาระหลายอย่าง แต่เมื่อมีงานนี้เกิดขึ้น หลายคนช่วยบริจาค ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ มีหลายคนที่ตกข่าว ไม่รู้ว่ามีการจัดงานในวันที่ 17 เม.ย.นี้ หลายคนปิดร้าน ไปเที่ยวต่างจังหวัด ทำให้งานในวันนี้ พธม.หลายคนไม่ได้มาร่วมด้วย หลายคนที่รู้ข่าวต่างเสียดายพอสมควร        






ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พันธมิตรฯประเดิมเวทีโหวตโนที่ขอนแก่นลั่นจุดเทียนเล่ม 2 ปฏิรูปการเมืองไทยดีขึ้น

เวที “โหวตโนขอนแก่น” สุดอบอุ่น ร่วมรดน้ำดำหัวแกนนำพันธมิตรฯ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์