วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เสี้ยวหนึ่งถึงเธอในยามที่เธอท้อแท้ในคืนเดียวดาย

            "ฉันนึกถึงใครบางคน ี่มักจะปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มเสมอ
             ในบางช่วงที่เขา หายหน้า หายเสียงไป
             ฉันรู้สึกขาดๆ แต่ก็เพียงชั่วเวลาสั้นๆ
             ในบางครั้ง ฉันพอใจที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ในวันที่ไม่แข็งแรง


              คนเราจะรู้คุณค่า ก็เมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไป......."

              ข้อความจากใจเธอ ในบางความรู้สึก ในห้วงเวลาที่หลายอย่างรุมเร้า กดดัน บีบคั้น จนเกินจะรับหลายสิ่งที่เข้ามาสู่ชีวิต ..ไม่ไหว หลายสิ่งมันมากจนเกินไป ในเวลาที่คนๆหนึ่งจะตั้งสติรับมือได้

               แต่ด้วยภาระหน้าที่ ความรับผิืดชอบ บังคับให้ต้องก้าวเดินต่อไป

               ภายนอกที่หลายคนมองเห็น เธอดูเข้มแข็ง ไม่หวั่นไหว แต่ภายในกลับไม่แข็งแรงดังภาพที่หลายคนเห็นจนคุ้นตา

              ในยามที่ต้องอยู่คนเดียว ที่เธอไม่มีฉันอยู่เคียงข้าง สิ่งเดียวที่เป็นเพื่อนเธอ แทนฉัน ก็คือ น้ำตา และการร้องไห้ ที่ช่วยชะล้างความกดดัน หวั่นไหวในใจ ให้ลดลงไป แล้วจึงเริ่มต้นตั้งสติ ทำงานต่อ

             ถึงแม้เธอ จะมีท่าทีเข้มแข็ง ในหลายครั้ง เธอก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้  ...แ่ต่เธอก็ไม่อยากให้ฉันเห็นน้ำตา จึงทำได้เพียงก้มหน้า ใช้ฝ่ามือปิดบัง ซ่อนคราบน้ำตาไม่ให้ใครเห็น

           อาจมีเพียงบางครั้งที่ไหล่ของฉัน ได้ทำหน้าที่ซ่อนคราบน้ำตาและซึมซับความหวั่นไหวที่ไหลออกจากใจ ผ่านน้ำตา ออกจากตัวเธอได้บ้าง

           ถึงแม้ในวันนี้ เงื่อนไข และวันเวลายังทำให้เรามีโอกาสอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาสั้นๆ็ก็ตาม  แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันได้อยู่ข้างๆเธอ ได้เห็นเธอในอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ทั้งในยามที่แข็งแรง และไม่แข็งแรง

           มีหลายสิ่งที่เธอต้องพบเจอ ทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่อยุติธรรม ที่เข้ามาในชีวิต

          แต่เธอก็ต้องเดินต่อไป ตามเส้นทางที่เริ่มต้นเดินมา.. จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง  แล้วตัดสินใจเลือกเส้นทางสายใหม่ต่อไป

           เมื่อถึงวันนั้น ฉันจะเดินไปกับเธอ ทั้งหน้าและเสียงของฉันจะอยู่กับเธอเสมอ เพื่อชดเชยในช่วงเวลานี้ ที่ฉันหายหน้าและเสียงจากเธอไป !!!

จิตอาสาเอาหน้า บทสะท้อนจากการทำงานช่วยผู้ประสบภัย

            ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในเมืองไทย มีผู้คนเดือดร้อนมากมาย ในความเดือดร้อน มีธารน้ำใจจากคนไทยที่ไม่ได้ประสบภัย มอบสิ่งของบริจาคไปที่ศูนย์รับบริจาคที่จุดต่างๆ และมีเหล่าคนมีน้ำใจ จิตอาสา เสียสละเวลาไปช่วยกันแพ็คของ ขนสิ่งของไปบริจาคให้กับผู้ประสบภัย ท่ามกลางความชื่นชมของบรรดาผู้ปิดทองหลังพระเหล่านี้

           แต่ในความเป็นจริงแล้ว สังคมมีทั้งคนดี และคนที่จ้องหาผลประโยชน์ ในอีกมุมหนึ่ง คนที่ีจิตอาสาที่มุ่งหาชื่อเสียง หรือ ที่บางคนเีรียกว่า เป็นจิตอาสาเอาหน้า ก็แฝงตัวอยู่เช่นกัน

          มีกรณีที่น่้าสนใจ และเป็นบทเรียนตัวอย่างหนึ่ง คือ คนที่ทำงานอาสานั้น ทุกคนเป็นนายของตัวเอง ทุกคนมาด้วยใจ และเข้ามาช่วยเหลือกิจกรรมในส่วนต่างๆด้วยหัวใจตัวเอง ไม่มีใครมาบังคับหรือสั่งการใดๆได้

         มีกรณีตัวอย่างหนึ่ง ที่มีคนจิตอาสาจากภาคใต้ อายุมากในกลุ่ม ซึ่งชอบมาแสดงฤทธิ์เดช สั่งโน่นสั่้งนี่ ให้คนนั้นทำอย่างนั้น อย่างนี้ ทั้งที่ความจริงแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ ทุกคนรู้ว่าจะต้องทำอะไร ไม่ต้องมาสั่ง หรือกำกับทุกขั้นตอนหรอก แต่เขาคนนั้นยังแสดงบทบาทผู้ใหญ่มาสั่งทำโน่นทำนี่ จนหลายคนรำคาญ

        บางจังหวะ เข้ามาทำดี แต่เอาเปรียบผู้อื่น เช่น การเดินทางขนสิ่งของไปแจกให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ออกเดินทางจากศูนย์รับบริจาคที่วัดแห่งหนึ่งใน กทม. ซึ่งมีหลวงพี่ หรือ พระในวัดนั้น คอยดูแลการทำงานในภาพรวม ในการขนสิ่งของไปมอบผู้ประสบภัย ต้องอาศัยรถทหารไป


       "หลวงพี่บอกไว้ และคอยบอกให้รับคนที่เขาจะเดินทาง เท่าที่รับได้ แบ่งเบาภาระเขา นี่ข้างหน้าก็พึ่งบอกมาให้ช่วยรับคน"

        แต่ท่านจิตอาสาเอาหน้ากลับบอกว่า "ช่วยบอกข้างหน้าด้วยว่าไม่ต้องรับคนแล้ว เฉพาะที่มากันก็ไม่มีที่นั่งแล้ว....."

          ใครคนหนึ่งทนไม่ไหวก็เลยบอกน้องๆ ให้ขยับกัน ซึ่งก็รับได้อีกสามสี่คน คนที่เค้าเดือดร้อนเรื่องการเดินทางถึงขึ้นมาไม่มีที่จะนั่งเค๊าก็พร้อมที่จะยืนเบียดๆ ไป การรอรถในสถานการณ์แบบนี้มันนานขนาดไหน ... 

       หลายพฤติกรรมที่ได้พบเจอในระหว่างการทำงานแบบจิตอาสาซึ่งมีทั้งคนที่ดี และคนที่แฝงตัวมาหาชื่อเสียงด้วย

      ท่านจิตอาสาเอาหน้า มักจะถ่ายภาพไว้เ็ป็นผลงานแล้วไปโพสต์ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของตนเอง ป่าวประกาศว่า ตนเองไปทำความดี น่าภูมิใจแค่ไหน แต่คนที่ทำงานจริงๆ เหน็ดเหนื่อยทุกขั้นตอน ต่างก้มหน้าก้มตาทำงาน มีภาพถ่ายเผยแพร่มากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีเวลาที่จะประชาสัมพันธ์ตนเอง จนกว่าพรรคพวกในกลุ่ม จะนำเรื่องราว ภาพถ่ายไปเผยแพร่ จึงเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปบ้าง

        นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในหลายส่วนของการทำงานแบบจิตอาสา ซึ่งมีทั้งจิตอาสาที่มีความตั้งใจจริง และจิตอาสาเอาหน้า !!!

        หลายคนอึดอัด แต่หลายคนก็เตือนสติว่า แม้จะพยายามมาเอาหน้ายังไงก็ตาม แต่สิ่งสำคัญ ขอให้คิดถึงคนที่เค้ารอความช่วยเหลือยังไงก็สำคัญกว่า!!!
       

เกร็ดเล็กๆของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติที่ศิริราช: ความตั้งใจสู่การยอมรับ

           เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่อไปนี้ ได้มาจากคำบอกเล่าของน้องขวัญ Weewii TGO กับบางสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ส่งผลในปัจจุบัน
          โดยทั่วไปแล้ว ในสถานที่ราชการหลายแห่ง จะมีการห้ามบุคคลภายนอกนำสินค้าอื่นใดเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ แล้วทำไม กลุ่มรักพ่อจึงสามารถนำเสื้อ "รักพ่อ" มาขายในพื้นที่ รพ.ศิริราชได้ ?


               Weewii Tgo  "ใครจะรู้ว่า ก่อนหน้านั้นเรากังวลว่าการที่เราไปทำกิจกรรมที่ศิริราช และมีการขายเสื้อ ในช่วงนั้นกลัวทางรพ.จะมาไล่จะตาย จนคิดว่าควรทำเรื่องแจ้งให้ ผอ.ทราบ จะขออนุญาตก็ไม่กล้า กลัวเค้าไม่ให้ เลยจะลักไก่ แต่สุดท้าย วันอาทิตย์ถัดมาก็มีโอกาสได้เจอกัน และอาทิตย์ถัดมาเราก็เป็นกลุ่มคนที่ทางรพ.ให้การยอมรับ หน่อยบอกว่าด้วยแรงปฏิญาณตนของพวกเรา ชักนำให้พวกเราได้มาอยู่ตรงนี้"

              ภาพเมื่อ 27 พ.ย.2554 photo by กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

           กิจกรรมสวดมนต์และถวายสัตย์ฯ ทุกเช้าวันอาทิตย์ ที่ลานพระบิดา ที่กลุ่มรักพ่อ ได้ทำกิจกรรมนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนหลายคนสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่น สิ่งที่เกิดขึ้น ภาพที่ปรากฏ แทนคำพูดนับล้านคำ จึงเกิดการยอมรับจากทางโรงพยาบาล
          จากเสื้อรักพ่อ ที่กลุ่มรักพ่อ ตั้งใจให้ คนที่มาร่วมกิจกรรมได้สวมใส่เพื่อแสดงออกถึงความ "รักพ่อ" ร่วมกัน แต่ในวันนี้ เสื้อสีธุลีดินตัวนี้ ได้รับการยอมรับมากขึ้น เป็นเสื้อที่ทางบุคลากรในโรงพยาบาลศิริราช  ต้องมีไว้สวมใส่เช่นกัน!!

           ด้วยการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์ และมีการบันทึกภาพกิจกรรมไว้ทุกครั้ง ความ "รักพ่อ " ได้ส่งถึง "พ่อ" อย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง

       Weewii Tgo  "คณบดีเล่าให้ฟังว่า ตลอดเวลาที่พวกเราไปทำงานที่ศิริราช ทางนั้นเอารูปของทีมงานเราไปให้ทอดพระเนตร แล้วกราบทูลว่าพวกเรา บอกว่า ที่มาช่วยศิริราช เพราะศิริราชเป็นบ้านของพ่อ พระองค์ท่านก็ดูแล้วพยักหน้า 2 ที แค่นี้พวกเราก็ปลื้มจะอยู่แล้ว"

         วันเวลาที่ผ่านไป มีหลายคนเข้ามาร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง บ้างก็แยกจากไป วันเวลาที่ยาวนาน ก็เป็นบททดสอบคนแต่ละคนได้เช่นกัน บางคนที่เคยร่วมงาน วันนี้ก้าวจากไปด้วยความไม่เข้าใจ และหลายคนก็ก้าวเข้ามาร่วมกิจกรรมอย่างเต็มร้อย
         ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เห็น แ้ล้วคนทำกิจกรรมมาตั้งแต่เริ่มต้น....รู้สึกอย่างไรบ้าง ?

          Weewii Tgo  " พวกเราทำไปเรื่อยๆ สม่ำเสมอ เวลาจะพิสูจน์พวกเราเอง พี่เอบอกมา เวลาจะสกรีนเอง ว่าใครจะรักพ่อฯ แค่แฟชั่น ใครจะรักพ่ออย่างยั่งยืน  แต่สุดท้าย พวกนั้นก็ต้องเฟดตัวเองออกไปเอง น้ำดีกับน้ำเสียเข้ากันไม่ได้อยู่แล้วค่ะพี่ คนดีทำความดีไม่ยากหรอกค่ะ มัน Flow ของมันไปเอง"




....  ระยะทางพิสูจน์ม้า                  กาลเวลาพิสูจน์คน
ชัยชนะแลกมาด้วยความอดทน   ฟ้าฝนมาต้องไม่หวาดกลัว


....   พายุกระหน่ำ แรงลมพัด   วัดความกล้าเดินฝ่าไป
ระยะทางอาจแสนไกล             กล้าแกร่งไว้ใจมั่นคง
                                       บทกวี โดย daowdd

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ ร่วมBig Cleaning Day ม.เกษตรฯ 30 พย 2554

        @Rawangpai สถานีข่าวระวังภัย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ ร่วมBig Cleaning Day ม.เกษตรฯ ถ่ายโดยคุณจตุพล twitvid.com/JLFVK เื่มื่อ 30 พ.ย.2554


แม้แต่หัวใจดวงน้อยๆ พระองค์ก็ทรงเมตตา..ระบบลงทะเบียนสัตว์สูญหายจากน้ำท่วม

           "แม้แต่หัวใจดวงน้อยๆ พระองค์ก็ทรงเมตตา"


          "เป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ อย่างหาที่สุดมิได้"
          "ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

       "..โครงการนี้คำนึงถึงหัวจิตหัวใจ ของทั้งหมาทั้งคน  มากกว่าคิดจะสร้างผลงาน   ขอพระองค์ทรงพระเจริญ"


         นี่คือ
         ระบบลงทะเบียนสัตว์สูญหายจากน้ำท่วม ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพฯ
 
      ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้จัดทำระบบลงทะเบียนสัตว์สูญหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อค้นหาสัตว์ที่สูญหาย สัตว์ที่พบ และการประกาศหาผู้เป็นเจ้าของ ผู้สนใจสามารถเข้าไปในระบบลงทะเบียนสัตว์สูญหายได้ที่ http://emergency.thai.net/ หรือ http://emergency.thai.net/missing-animal/


      โฉมหน้าของระบบเป็นอย่างที่เห็นในภาพ




          เมื่อคลิกเข้าไปที่ระบบ รูปแบบดูง่าย เข้าใจง่ายจริงๆ



        ถือว่าเป็นโครงการที่ได้หัวใจคนรักสัตว์เลี้ยงจริงๆครับ

วิธีคิดของเรา กับการเปลี่ยนแปลง

        "เหตุการณ์" ไม่ได้ซ้ำเติมเรา แต่ "วิธีคิดของเรา" ซ้ำเติมตัวเอง


สิ่งที่ทำร้ายเราที่สุดไม่ใช่สิ่งที่ "เปลี่ยนไป"
แต่เป็นตัวเราเองที่ไม่เข้าใจการ "เปลี่ยนแปลง

      เจอข้อคิดดีๆนี้จากหน้า facebook ของ คุณ หน่อย Pianghathai WeloveourKing ซึ่งเธอมักจะนำข้อความที่ดีๆมาฝากเ้ป็นประจำ

        วันเวลาที่ผ่านไป มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย แ่่ต่หลายคน ปรับตัวไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความทุกข์ เกิดปัญหาหลายอย่าง

       เช่นเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ราคาสินค้า และการเปลีั่ยนแปลงอีกหลายอย่าง ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง มีความไม่เที่ยงแท้แน่นอนอยู่เสมอ

      แม้แต่คนที่เคยคบหา คนที่คิดว่าไว้ใจได้ แต่วันเวลาก็เปลี่ยนไปได้เช่นกัน
     หากเข้าใจการเปลีั่ยนแปลง ทุกสิ่งที่เป็นไป ก็จะไม่กลับมาทำร้ายจิตใจของเรา

เสี้ยม-แหล-ลวง คนดีเริ่มเสื่อมจากสิ่งมีชีวิตที่อ้างตัวว่าเป็นคนไทย

           คุณค่าของคน ตัดสินที่ผลงานและการกระทำ แต่น่าเสียดายที่ในยุค facebook ยุคที่คนเราเ้ข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็วฉับไว เพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น ก็จะพบกับข้อมูลมากมายให้เลือกสรร แต่หลายคนยังคงเลือกตัดสินคนไปตามอารมณ์และคำพูดของคนอื่น เชื่อตามคนที่เขาสนิทสนม ชื่นชอบและไว้ใจ

           แล้วก็ตัดสินคน จากคำคนอื่น

          มีใครคนหนึ่ง (01) เคยพยายามคบหาผู้หญิงคนหนึ่ง (02) ด้วยความรักใคร่เสน่หา แต่เื่ื่มื่อเธอ (02) ไม่เล่นด้วย เพราะไม่ได้คิดอย่างนั้น ความรักกลายเป็นความผิดหวังและความแค้น สิ่งที่เธอ (02) แสดงท่าทีออกมา ทำให้เขา (01) ไม่พอใจ เลยก่นด่า ประนามกับคนในกลุ่ม (03) ที่ทำงานจิตอาสาร่วมกัน ว่า เธอ (02) เป็นคนที่ไม่ดียังไงบ้าง

          นายบอนได้ิยินเรื่องราวของเธอ (02)  จากคนในกลุ่ม (03) ก็เริ่มคล้อยตาม เพราะ คุณ (03) เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ ศรัทธา แต่เมื่อได้รู้จัก เป็นเพื่อนทาง facebook กับ (02) ได้สื่อสารด้วย กลับพบว่า (02) ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ยิ่งได้มีโอกาสไปร่วมงานที่บ้านของ (02) ได้พบเจอ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เห็นนิสัยใจคอของคนทั้งบ้านว่าเป็นคนยังไง ...ก็ดีนี่นา ไม่เ็ป็นอย่างที่กล่าวหา น่าเสียดายที่ท่าน (03) ฟังแต่ข้อมูลของ (01) เลยเชื่อว่า เธอ (02) เป็นคนอย่างที่ (01) พูด

        เมื่อได้คุยกับ (02) เธอก็เล่าให้ฟังว่า นาย (01) พยายามจีบเธอ แต่แล้ว ก็มาพบรักกับ สาว (04) คบหาพูดคุยกัน รักกันปานจะกลืนกิน คุยกันทุกเืรื่อง เมื่อสาว (04) รู้ว่า นาย (01)  เคยมีใจให้กับ (02) จึงเริ่มป่วน รังควาน สาว (02) เพราะถือว่าเป็นมารหัวใจ

          ในช่วงกลางปี 2554 ที่นายบอนได้มีโอกาสไปช่วยกิจกรรมของ (03) ตอนนั้น ยังสื่อสารกับ (01) อย่างมิตร วันหนึ่งเมื่อสาว (04) เข้ามา chat สอบถามข้อมูลกิจกรรม เลยติดต่อสื่อสารอย่างเพื่อน และ (04) ก็พูดถึง (01) ซึ่งเป็นคนที่เธอรัก เมื่อรู้ว่า นายบอนเป็นเพื่อนใน facebook กับ (02)  สาว (04) ก็พูดเรื่อง (02) ให้ฟัง ๆๆ ไปเกือบเคลิ้ม แต่มาจับความผิดปกติได้ ในครั้งต่อมา เมื่อเล่าด้วยอารมณ์ต่างกัน เื้นื้อหาใจความต่างกัน มันเสี้ยมกันเห็นๆนี่นา เหมือนกับการแต่งเรื่องมาเล่า แต่ฟังหลายครั้งมันไม่เนียน พอเอาข้อความไปให้ (02) อ่าน เธอ (02) ก็บอกว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น พร้อมด่าฝากมาอีกชุดใหญ่ แล้วบอกข้อมูลให้ฟังคร่าวๆว่า (04) แหลตัวแม่ขนาดไหน



         ในตอนนั้น นายบอนก็รู้่ว่า (01 ) โคตรเจ้าชู้มากๆ ก็ คุณ (03) เป็นคนบอกเองว่า เจ้าชู้เปลี่ยนแฟนบ่อยขนาดไหน ทั้งที่มีลูก เมียอยู่แล้ว เลยหวังดี ไปเตือนสาว (04)  สาว (04) เลยไปฟ้อง (01) ซึ่งคุยกันทุกค่ำคืน แล้ววันหนึ่ง นาย (01) ก็ส่งข้อความเปิดใจมาขอเคลียร์ใจ สรุปเลยว่า (01) รัก (04) มากนะโว้ย อย่ามายุ่งกะผู้หญิงของกู  อ้าว มันไปคุยกันยังไงวะ ว่า นายบอนกำลังจะจีบสาว (04)   เริ่มจับโกหกได้ สะอิดสะเอียนจะตาย
 
         แล้ว (04) ก็ยังเข้ามาพุดคุย พยายามจะเสี้ยมให้นายบอนขัดแย้งกับ (02) แล้วเสี้ยมให้ (01) ขัดแย้งกะนายบอน ซึ่ง (01) ก็แอบไปฟ้อง (03) ที่ใกล้ชิดกัน ท่าน (03) ก็มาเตือนนายบอนว่า อย่าไปยุ่งกับ (04) ความจริงไม่อยากให้ (04) มาเข้าร่วมกิจกรรมด้วยซ้ำ แล้ววันหนึ่ง  (03) ก็บอกว่า ยินดีที่ (04) ยังคงร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม (ซึ่ง 01 คงไปออดอ้อนให้ (04) อยู่ในกิจกรรม)

        เมื่อได้ร่วมกิจกรรม นายบอนก็ได้รู้จักกับคุณ (05) ดูพี่เค้าเว่อร์ๆดี ตอนรณรงค์ Vote No ดูพี่แก บ้าๆยังไงไม่รู้  แต่ผู้ใหญ่ (06) ที่ 01-02-03-04 และ 05 ต่างเคารพท่าน ท่าน (06)เห็นก็เตือนว่า (05) แสดงออกแบบนี้มากเกินไป ท่านพูดไว้ตั้งแต่ มิ.ย.54 ระวัง (05) จะทำให้กลุ่ม เสื่อมเสียในอนาคต

       หลังจากที่ (04) มาเสี้ยม 02-01 และนายบอน จนได้ที่แล้ว ซึ่ง (04) ก็ไปป่าวประกาศ เสี้ยมข้อมูลให้เพื่อนๆของเธอรับรู้ไปด้วย ซึ่งในกลุ่มเพื่อนๆนั้น มี บรรดาเสี้ยมตัวแม่ (07) รวมอยู่ด้วย แล้วก็หันมาเริ่มเสี้ยม (05) เข้าอีก

      หลังจากที่ ทีม (07) เสี้ยมหลายคนให้ขัดแย้ง แล้วก็หันมางับข้อมูลจาก (04) เสี้ยมเข้าไปอีก ในที่สุด (05) ก็ขัดแย้งกะนายบอน โพสต์ด่าไปทั่วหน้าเพจของตัวเอง จนนายบอนอึดอัด เลยเขียนบันทึก เรื่องอีปลวก เข้าให้ แล้วทีมงานเสี้ยม (07) ก็ไปเสี้ยมให้ (08) ต้องโผล่มาเคลียร์เรื่องเงินบริจาค ASTV กับนายบอนเป็นการส่วนตัว ทั้งๆที่เรื่องที่เขียน ไม่ได้เกี่ยวกับเงินบริจาคแม้แต่นิด แล้วยังมีความพยายามที่จะเสี้ยมให้ขัดแย้งกับ ชาวกลุ่ม (09) แต่น่าเสียดายที่นายบอนรู้จัก ชาว (09) หลายคนมานานหลายปี รู้จักรู้ใจ  อุดมการณ์ยังตรงกันมาตั้งแต่ต้น มันเลยเสี้ยมไม่ขึ้น พอถามไถ่ดู ก็เห็นความผิดปกติ ที่เจอปัญหาเรื่องเสี้ยมเหมือนกันซะอีก




     เห็นความพยายามที่จะเสี้ยมต่อ จากที่เสี้ยมนายบอนกับ (08) จะเสี้ยมให้ไปถึง 2 เทพ แต่แป๊ก เพราะนายบอนยังไม่ได้เขียนเล่าเรื่อง (08) เพราะรอดูความผิดปกติบางอย่าง ตอนนี้เลยเห็นการเสี้ยม (05) แล้วไปเสี้ยม (03) ให้เชื่อแล้วถอยห่างออกมา เฮ้อ

   * สำหรับบุคคล (01-09 เฉลยหลังไมค์เ็ป็นการส่วนตัว)

    เจอแต่เสี้ยมๆ จนอึดอัด อายุมากๆเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ยังชอบเสี้ยมอยู่ได้



     เมื่อคืนเห็นข้อความระบายความอึดอัด แรงโดนใจ ว่า

     "กูสะอิด.. สะเอียนพวกมึง เหลือเกินแล้ว!!!!
      ไอ้ห่านนนนนนน... อีห่านนนนนนน ทั้งหลายยยยย... ="="

      เป็นข้อความจากใครคนหนึ่งที่เป็นเป้าถูกตัวเสี้ยมรุมถล่มอยู่บ่อยๆ จนเหลืออดจริงๆ

     และอีกหนึ่งข้อความชุดใหญ่ที่ระบายจากใจจากน้องสาวคนหนึ่งในที่แห่งหนึ่ง ที่ระบายออกมาได้สะใจจริงๆ


         หลาย วันมานี่ วันๆนึงอ่านเจอแต่คำพูดงี้เง่า ไร้สาระ สาดโคลนกันสารพัด ประเภท ถ้ามึงคิดไม่เหมือนกูมึงผิด มึงไม่ใช่พวกกู พวกกูถูกที่สุด พวกกูไม่เคยผิด พวกเราฟังนะไอ้นั่นมันไม่ดี มันเลว บราๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุดแท้แต่จะหาคำมา คนบอกก็บอกไป คนอ่านก็อ่านไป แล้วก็เชื่อตามๆกัน ไม่มีอีกแล้วทำว่า วิจารณญาณ ไม่มีกันแล้วสติในการเสพสื่อ ขอแค่กูสนิท กูชอบ กูก็เชื่อ ถ้ายังเป็นอยู่อย่างนี้ สามสถาบันอันเป็นที่รักจะดำรงอยู่ต่อไปอย่างไร??????? เคยย้อนตั้งสติคิดกันบ้างไหม???????
เอือมระอาและเบื่อเต็มทน เราจะหวังอะไรได้จากสิ่งมีชีวิตที่อ้างตัวว่าเป็นคนไทย เหล่านี้ได้ และสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็ช่างตายยากตายเย็น บางตัวแก่จะลงโลงอยู่รอมร่อก็ยังไม่วายคิดสร้างบาปก่อนตาย บางตัวยังไม่ตายแต่คาดว่าไม่น่าแก่ตายก็ยังแกว่งปากหาตีนอยู่ร่ำไป บางตัวก็คิดแต่จะเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น บางตัวสักแต่มีหูไว้ได้ยิน แต่กลับไร้สติไตร่ตรองสิ่งที่ได้ยินนั้น เสียดายวิญญาณหมาหลายดวงที่จะเกือบได้เกิดเป็นคน แต่กลับถูกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้แย่งร่างไป!!!


       "การเอาเรื่องส่วนตัว มาทำลายเหตุส่วนรวม"พวกนั้นคิดได้ยังไง ปากก็ว่ารักชาติ แต่เอาเข้าจริงก็เห็นแก่ตัว รักตัวเองมากกว่า 
ทุกวันนี้สังคมไทยเป็นสังคมพิกลพิการทางจิตใจเกินร้อยละ๕๐
คนดีๆก็ก้มหน้าก้มตาทำดี คนเลวๆก็เชิดหน้าชูคอทำชั่ว
นอยด์อ่ะ..สงสารประเทศไทย"

       สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นอย่างที่น้องของเราบอกออกมาจริงๆ
      น่าเสียดายที่คน (ที่ว่า) ดีๆเหล่านั้น ทำตัวไม่เข้าท่าซะเอง
   

      "......แค่มีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า "คนประเภทเดียวกันเท่านั้นจึงจะคบกันได้" ค่ะ่...."เจ้าของคำพูดนี้ สรุปได้ตรงประเด็นจริงๆ






       

Video ขงเบ้ง ด่า เฉลิม เรื่องช่วยทักษิณ Clip เด็ดที่โดนใจ

          ถือได้ว่า นี่เป็นวิดีโอใน Youtube ที่ฮิตโดนใจใครหลายคนมากมาย กับคลิป  ขงเบ้ง ด่า เฉลิม เรื่องช่วยทักษิณ


อัปโหลดโดย firststepkeng เมื่อ 27 พ.ย. 2011

ด่าได้ดี

       "พวกไร้ปัญญาหน้าซื่อใจคดจึงพากั­­นเป็นใหญ่เสวยสุข พวกเหี้ยมโหดเหล่านี้พากันเป็นใ­­หญ่ ทำให้บ้านเมืองเสื่อมทรุดอย่างห­­นักทวยราษฎร์เดือดร้อนกันทุกหย­่­อมหญ้า เมื่อได้มาเป็นขุนนางก็ควรช่วยเ­­­หลือบ้านเมืองสร้างความรุ่งเร­ื­อง แต่นี่กลับไปช่วยโจรแย่งชิงอำนา­­­จ โทษถึงหนักนักกรรมต้องตามสนอง


      "เจ้าไร้ยางอายไม่รู้หรือคนทั้งแผ่­นดินอยากฉีกเนื้อเจ้า"



ขงเบ้ง เตือนสติ เฉลิม ให้ทำความดีบ้าง นำมาจากตอนขงเบ้งด่า..อองลอง

เปิดตัวหนังสือ “King Bhumibol Adulyadej : A Life’s Work

          ใกล้วันเฉลิมชนมพรรษา 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธ.ค.2554  จะีมีกิจกรรมสำคัญและหลายสิ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาีที่คนไทยมีความสุขมากที่สุดในรอบปี การเปิดตัวหนังสือเกี่ยวกับในหลวงเล่มนี้ เป็นสิ่งที่หลายคนสนใจเช่นกัน





          “อานันท์” เปิดตัวหนังสือ “King Bhumibol Adulyadej : A Life’s Work” พ้อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยได้รับการวิจารณ์ค่อนข้างมาก โดยไม่ได้อยู่บนเนื้อหาข้อเท็จจริง แต่หนังสือนี้จะนำเสนอทั้งสองด้าน ทั้งจุดแข็งจุดอ่อน ไม่หนีความจริง-ข้อโต้แย้ง ไม่ต้องการโน้มน้าวความคิดหรือเปลี่ยนวิธีคิดของใคร แนะเป็นหนังสือที่คนไทยควรอ่าน

          วันนี้ (29 พ.ย.) ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาคณะจัดทำหนังสือ “KING BHUMIBOL ADULYADEJ :A LIFE S WORK” ไปเป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานาชาติ เอดิซิยองส์ ดิดิเยต์ มิลเยต์ โดยหนังสือดังกล่าวเป็นเรื่องราวพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า และน่าสนใจในประเด็นที่ไม่ค่อยมีการกล่าวถึง อาทิ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การสืบราชสันตติวงศ์ คณะองคมนตรี และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เขียนและเรียบเรียงโดยนายนิโคลัส กรอสแมน บรรณาธิการหนังสือ Chronicle of Thailand:Headline News Since 1946 และนายโดมินิค ฟาวเดอร์ อดีตบรรณาธิการเรียบเรียงหนังสือ The King of Thailand in World Focus โดยมีผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมงานอย่างคับคั่ง
     
        นายอานันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา คนไทยยังขาดความรู้ในการอธิบายประวัติศาสตร์ให้ต่างชาติเข้าใจ น้อยมากที่คนไทยจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม หนังสือเล่มนี้ได้พูดความจริงในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย จุดอ่อนเราก็นำเสนอ เราพูดถึงทั้ง 2 ด้าน ไม่หนีความจริง ไม่หนีข้อโต้แย้ง แต่เราก็ไม่ได้ต้องการโน้มน้าวความคิดหรือเปลี่ยนวิธีคิดของใคร
     
     
        ด้าน นายดิดิเยร์ มิลเยต์ ผู้จัดพิมพ์หนังสือ กล่าวว่า การเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ในช่วงนี้ก็เพื่อให้ตรงกับโอกาสวันเฉลิมชนมพรรษา 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธ.ค.2554 เพราะในหนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหาว่าด้วยพระราชดำริเกี่ยวกับการป้องกันน้ำท่วมและการบริหารจัดกาน้ำ และหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาที่อ่านง่าย มีการเรียบเรียงที่โดดเด่น มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ และภาพประกอบที่ผู้คนไม่ค่อยจะได้เห็นมากนักมาบรรจุลงในหนังสือและช่วยให้ทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าใจในพระราชกรณียกิจของพระองค์ได้ดียิ่งขึ้น
     
       ทั้งนี้ หนังสือ “King Bhumibol Adulyadej:A Life’s Work” ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำ ราคาจำหน่ายเล่มละ 1,200 บาท

ทำรายการรักพ่อจนฮาร์ดดิสก์พัง : อุปสรรคที่สำคัญยิ่ง

          เมื่อกลุ่มรักพ่อ มีแนวคิดที่จะรุกด้านสื่อ เริ่มต้นจากการทำรายการวิทยุ "รักพ่อ" โดยได้ คุณลุงสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ นักจัดรายการวิทยุมืออาชีพเป็นผู้ดำเนินรายการหลัก มีลุงสิงหาเป็นผู้บันทึกเสียงและตัดต่อไฟล์เสียง จนมีรายการวิทยุที่มีคุณภาำพเสียงที่ดีน่าฟัง

          ไปบันทึกเสียงที่ห้องบันทึกเสียงสิงหา จ.จันทบุรี ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานที่ห้องบันทึกเสียง ใช้หลายงาน และีไวรัสพันธุ์ดุ ที่เคยมีคนนำ Handy Drive ไปเสียบเพื่อเซฟข้อมูล ปรากฏว่า คอมพิวเตอร์ติดไวรัส ถึงขั้นต้องส่งซ่อมทันที

          ในการทำรายการรักพ่อ ต้องเตรียมไฟล์เพลงประกอบในรายการ ต้องมีการบันทึกลงแผ่น CD เพื่อยำไปใส่เครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องอัด เมื่อบันทึกเสียงและ  convert file แปลงไฟล์เสร็จ ก็จะ write CD แล้วนำไฟล์ที่ได้มาส่งงาน ผ่าน Internet โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านคุณลุงสุเวศน์

          อัดรายการมาทั้งหมด 11 เทป คอมพิวเตอร์เสียหลายๆครั้ง ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ที่มีคนหามาให้ + ซื้อให้ เลยต้องซ่อมบ่อยๆ

          หลังการอัดเสียงรายการรักพ่อ เทป 9-10-11 ส่งไฟล์งานตอนเช้า 23 พ.ย. พอตกบ่าย คุณลุงมาเปิดคอม ก็เปิดไม่ติด เลยยกไปซ่อมที่ร้าน 29 พ.ย.54 โทรไปถามที่ร้าน บอกว่า ฮาร์ดดิสก์พังซะแล้ว จะต้องจ่ายเงินซื้อลูกใหม่


          นายบอนโทรบอกคุณจอม เขาบอกว่า ที่บ้่านมีฮาร์ดดิสก์ที่ไ่ม่ได้ใช้อยู่หลายลูก เดี๋ยวบริจาคให้คุณลุงไปเลยละกัน เป็น IDE ใช่ไหม เดี๋ยวจะให้ไป ในการทำรายการรักพ่อ ที่ต้องแก้ไขปัญหาอยู่ตลอด กับปัญหาคอมพิวเตอร์ ที่แม้จะยากลำบาก พบอุปสรรคเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มากมาย แต่เพื่อพ่อ กับการทำรายการรักพ่อ ก็ขอสู้ ทำรายการต่อไป จนกว่า เครื่องมือและอุปกรณ์จะทำไม่ไหว จนทำไม่ได้จริงๆ

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Help! Help! "จับตา !! พวกแก๊งค้าหมา หา กิน กับ สัตว์ "

            สุนัขได้ชื่อว่า เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของมนุษย์ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ชอบกินเนื้อหมา ข่าวนี้ ทำให้คนรักหมารับไม่ได้ อย่างมากมายจริงๆ

           ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด คนต้ออพยพออกจากบ้านที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หลายคนหนีเอาตัวรอด ทิ้งเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ให้ติดอยู่ที่บ้าน ติดเกาะ อยู่อย่างเดียวดาย โชคดีที่มีธารน้ำใจของอาสาสมัครเข้าไปช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่แสนน่ารักเหล่านั้น

          แต่น่าเศร้าที่ยังมีกลุ่มคนที่หากินกับสัตว์ที่แสนน่าีัรักเหล่านี้ได้ลงคอ เลวจริงๆ

      หยิบข่าวประชาสัมพันธ์จากคุณ Yin Yang ใน facebook มาบอกต่อกัน....



Help! Help! "จับตา !! พวก หา กิน กับ สัตว์ " 
----------------------------------------------
เพื่อนๆจำพวกแก๊งค้าหมาได้มั๊ยคะ ?????
----------------------------------------------
ในขณะที่ทุกทีมกำลังช่วยเหลือหมาน้ำท่วมอยู่ 
แก๊งค้าหมาก็ยิ่งจับหมามากขึ้นทุกวัน 
และที่โหดร้ายไปกว่านั้นคือขั้นตอนการจับ มันช่างโหดร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ 
มันใช้ลวดมัดปากอย่างแน่น จนเลือดซึมออกมา 
หมาที่หนีตายรอดมาก็กลายเป็นหมาที่ช็อคกลัวคนจนเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก
พวกนรกมันใช้อาหารเป็นตัวล่อ โดยใช้อาหารผสมยาซึม จะทำให้หมาไม่มีแรง 
จากนั้นก็จะจับมัดปากด้วยลวด ตัวที่ดุมากจะถูกมัดขาหน้ากับขาหลักติดกัน
ซึ่งพูดกันง่ายๆก็คือ หักขามันนั่นเอง
จากนั้นจะถูกยัดใส่กรงอย่างที่เราเห็นตามหน้าข่าวหมาจรจัด
บางคน อาจคิดว่าพวกมันเก่งเอาตัวรอดได้ 
ซึ่งแท้จริงแล้ว พวกมันเก่งจริงแต่มันทนความหิวโหยไม่ได้ จึงตกเป็นเหยื่อของไอ้พวกนรกได้ง่ายดายนัก
-----------------------------------
ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้นั่นคือจับตาสอดส่องไอ้พวกนรก 
ถ้าใครพบเห็นการค้าหมา หรือหมาแลกถัง รีบแจ้งตำรวจท้องที่ทันทีนะคะ 
ถ้าไม่ชัวร์ก็โทรแจ้ง 191 ย้ำ แจ้ง 191 นะคะ


ขอวิงวอนนะคะ อยากให้ทุกท่านที่ทราบข่าวนี้ ช่วยกัน ร่วมมือกัน 
เรามั่นใจว่าสิ่งที่เราเรียกร้องเฝ้ารอคอย พรบ.คุ้มครองสัตว์
และการหยุดค้าสุนัขจะต้องหมดไป 
ถึงหมดไปไม่ได้ก็จะต้องให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
--------
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ความแตกต่างที่ทำให้เราสองคนรักกัน

          "...คนนึงขี้ร้อน อีกคนนึงขี้หนาว...คนนึงกินข้าววันละมื้อ อีกคนนึงกินข้าวครบ 3 มื้อ ...คนนึงใจร้อน อีกคนนึงใจเย็น...คนนึงชอบนอนเวลาว่าง อีกคนนึงชอบอ่านหนังสือ...คนนึงทำงานตลอด อีกคนนึงเดินทางตลอด...ไม่มีอะรัยเหมือนกันเลย...แต่เราสองคนก็รักกัน..."

         ในความแตกต่าง ความตรงกันข้าม คล้ายดั่งจิ๊กซอที่ต้องหาช่องทางที่จะเชื่อมต่อกันให้ได้

         ข้อความที่ post ใน facebook จากเธอ ทำให้ฉันอมยิ้มพักใหญ่ หลังจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เธอจะโพสต์ข้อความนี้ เธอยังอยู่ในอารณ์ทุกข์หนัก เศร้าสร้อย จนแทบจะทนไม่ไหวอยู่เหมือนกัน

        แต่วันนี้..นาทีนี้..เธอสู้ต่อ หันหน้าสู้ ทำงานที่คั่งค้างให้เสร็จตามกำหนดเวลาให้จงได้

       18.40 น. วันที่ 29 พ.ย.2554 เธอส่งข้อความมาบอกว่า ถึงเวลาทานข้าวมื้อเช้า+เที่ยง+เย็นแล้ว และจะกลับเข้าบ้าน งานที่ต้องทำมันเยอะจริงๆ....
        ..แต่ความจริง เพื่อนร่วมงานของเธอ ชวนไปทานข้าวกันต่อ ไ่ด้กลับเข้าบ้านจริงๆ เกือบ 6 ทุ่ม

          เดือนก่อน เธอไปหาหมอ เพราะอาการหนัก หมอตรวจดูแล้วบอกว่า มีอาการแพ้พวกแมลงทำให้คันตามผิวหนังอยู่บ่อยๆ และยังมีอาการเกี่่ยวกับระบบลำไส้ ..ลำไส้อักเสบ คงเพราะทำงานหนัก ไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ หมอให้ยามากินก็ไม่สนใจกินซะเลย

        เธอยังคงดื้อในแบบของเธอ ยังเคยชินในการใช้ชีวิตในแบบที่เธอเคยเป็นมา แต่ถึงแม้ว่าเราจะแตกต่างกันคนละขั้ว แต่สิ่งหล่านั้น ทำให้เราสองคนรักกัน

       ความแตกต่างเหล่านั้น ทำให้ฉันดูแลเธอไ้ด้อย่างที่ฉันอยากจะทำ .จะแตกต่างแค่ไหน แ่ต่เราสองคนก็รักกัน!!

บันทึกการเดินทางเสี้ยวหนึ่งของกิจกรรมรักพ่อภาคปฏิบัติ 27 พ.ย.2554

           เ็ป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว สำหรับการจัดกิจกรรมสวดมนต์และถวายสัตย์ฯ ที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งในวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2554  ยังคงมีการจัดกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหลายคนจะเหน็ดเหนื่อยจากภารกิจจิตอาสาอื่นๆ มาพอสมควร แต่กิจกรรมนี้ ก็มีความหมาย สำหรับผู้ที่รอคอย ณ ลานพระบิดา รพ.ศิริราช และวันนี้ เป็นครั้งแรกที่นายบอนไ่ม่ได้แอบมาถ่ายภาพ มาถ่ายให้เ็็ห็นกันแบบจะจะเลยทีเดียว

          ด้วยภารกิจจิตอาสาหลายอย่างที่ต้องทำในเวลาี้นี้ หลายคนอาจจะมองว่า กิจกรรมสวดมนต์และถวายสัตย์ฯ มีความสำคัญน้อยกว่ากิจกรรมอื่นๆ แต่หลายคนยังคงยืนหยัดสานต่อกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง

         ปกติ จะได้เห็นภาพกิจกรรมในวันอาทิตย์จากภาพถ่ายที่นำมาลงใน facebook ทุกอาทิตย์ คราวนี้ ตามมาดูอีกมุมหนึ่ง เสี้ยวหนึ่งของกิจกรรมรักพ่อภาคปฏิบัติกันบ้าง ในอีกมุมมองหนึ่งกันบ้าง ในช่วงครึ่งวันกับกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ จากเช้าัยันบ่ายวันนั้น



       ท่ามกลางหลายสิ่งที่คอยบั่นทอนกำลังใจอยู่ตลอดเวลา แต่กิจกรรมนี้ยังคงอยู่  มีคนมาร่วมกิจกรรม มากบ้าง น้อยบ้าง ตามสถานการณ์ ในครั้งนี้ พี่มิเกล - สุกัญญา มิเกล ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย พร้อมทั้งนำทีมงานมาบันทึกวิดีโอ นำไปเผยแพร่ในรายการ "ตัวโน้ตพันธมิตร" ทาง ASTV อีกด้วย

        บรรยากาศของกิจกรรมสวดมนต์และถวายสัตย์ฯ เริ่มต้นในรูปแบบปกติที่เคยทำมา มีน้องๆไปเชิญชวนมาร่วมกิจกรรม นายบอนซึ่งยืนสังเกตการณ์กับดีเจน้องเอ๋ หนึ่งในผู้ร่วมดำเนินรายการ "รักพ่อ" ของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ ก็ตอบรับและเข้าร่วมตามขั้นตอน แต่น้องเมย์ เห็นนายบอนเข้า ก็ทักทายว่า มายังไงเนี่ย!! แล้วกิจกรรมก็ดำเนินไปตามขั้นตอน ที่น้องขวัญ  อธิบายขั้นตอนต่างๆ พร้อมทั้งนำสวด นำถวายสัตย์ จนเสร็จสิ้นกระบวนการ

        ที่น่าสนใจในวิดีโอนี้ คือ น้ำเสียงที่มุ่งมั่น ตั้งใจนำ ในการสวดมนต์และถวายสัตย์อย่างเต็มที่ เสียงนำสวดที่อ่านอย่างชัดเจนดังกังวาน มีหลายช่วงที่น้องขวัญ และหลายคน เงยหน้าขึ้นมองไปยังตึกชั้นบน ที่พ่อหลวงของพวกเราประทับอยู่ที่นั่น เหมือนกับการส่งพลัง ถ่ายทอดความจงรักภักดีไปในทิศทางที่จ้องมองไปนั้น เป็นแบบนี้ทุกสัปดาห์!! และในวิดีโอจะเห็นหลายคนเหลียวมองไปยังตึกชั้นบน เหมือนกับการพร้อมใจถ่ายทอดพลังความจงรักภักดีไปให้ถึง ณ ห้องนั้น ใครเป็นใครกันบ้าง ดูในวิดีโอกันได้

          เช  Chez Chez'   เขียนเม้นใน facebook บอกว่า "การปฏิญาณตนที่ศิริราชทุกวันอาทิตย์ไม่อยากให้ยกเลิก ตอนนี้เป็นเหมือนโลโก้หนึ่งของรักพ่อฯ เรายึดหัวหาดตรงนี้ได้ หากเลิกไปแล้วมีคนมายึดแทน จะเสียดายเป็นอย่างมาก ลองคิดหาวิธีต่อยอดจากกิจกรรมตรงนี้ด้วยน่าจะดีนะครับ... ตอนนี้เรามีน้องๆ มาร่วมกิจกรรมเยอะ   " เหมือนกับน้องขวัญ Weewii ที่เล่าให้ฟัง พร้อมกับมองไปที่น้องๆ คนใหม่ๆว่า มีน้องหลายคน มีความตั้งใจสูง เข้ามาช่วยงานได้อย่างดีทีเดียว ได้คนใหม่เข้าร่วมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

        เมื่อนายบอนมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ พยายามที่จะรายงานสด ผ่านทาง facebook พิมพ์ข้อความ รายงานสดผ่านมือถือ เท่าที่สามารถทำได้ ตั้งแต่ช่วงเริ่มกิจกรรมไปเรื่อยๆ ดังตัวอย่าง













          ในกิจกรรมครั้งหนึ่ง มีรายละเอียดหลายอย่างเกิดขึ้้นมากมาย แต่ชาวกลุ่มรักพ่อ ไม่ค่อยจะมีเวลาได้บอกเล่า หรือบันทึกเรื่องราวมากนัก เฉพาะงานที่อยู่ตรงหน้า ก็แทบจะทำไม่ทัน แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว เสี้ยวหนึ่งของกิจกรรมในวันนี้ นอกจากการสวดมนต์+ถวายสัตย์ แล้ว เรื่องของเสื้อรักพ่อ ที่ทีมงานส่วนหนึ่งมาเช็คยอดหลังกิจกรรม ก็มีฉากหลั่งน้ำตาเล็กน้อยกับความกดดันและอุปสรรคหลายอย่างที่เกิดขึ้น แต่ทุกคนยังมีความตั้งใจมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง


            นอกจาก ทีมงานรักพ่อแล้ว คนที่มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นครั้งแรก อย่าง คุณเอ๋ ก็ได้ค้นพบและเติมเต็มหลายสิ่งให้กับชีวิตของตัวเองอีกหลายอย่าง ภายในช่วงเวลาครึ่งวันที่ได้ร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม "รักพ่อ" ในครั้งนี้ด้วย

        หลังจากกิจกรรมสวดมนต์และถวายสัตย์ เสร็จสิ้นลง หลายคนที่ร่วมกิจกรรม ต่างแยกย้ายกันกลับไป แต่ชาวรักพ่้อ ยังคงมีกิจกรรมต่อเนื่องจากนั้น ....กล้องวิดีโอเลยตามติดกันต่อไป กับการนำสิ่งของที่บริจาค จากวัดบวร มามอบให้กับพี่น้องทหารที่ประจำอยู่ที่ศิริราช กับภารกิจคอยดูแลคันกั้นน้ำ กำแพงกระสอบทรายริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งพี่น้องทหารๆ มาประจำการ พักอยู่ที่นี่นานพอสมควร นี่จึงเป็นการส่งมอบน้ำใจ ส่งต่อใ้้ห้ถึงมือพี่น้องทหารของพวกเรา ดังในวิดีโอที่ได้เห็นนี้



          ความจริงแล้ว มีการถ่ายภาพหลายมุมเพื่อเป็นหลักฐานว่า มอบให้ตามเจตนารมณ์แล้ว  ซึ่งอาจจะนำมาลง เร็วหรือช้าบ้าง ตามจังหวะเวลาของการทำงาน ....นายบอนก็โพสต์รายงานสดทันทีใน facebook

ตัวแทนกลุ่มรักพ่อ นำสิ่งของจากวัดบวรมามอบให้หหาร ที่ศิริราช

· วันวันอาทิตย์เวลา 13:48 น. ผ่านทาง Social App by dtac

NongnongTgo LoveourKing หนูรายงานพระอาจารย์อานิลแล้วค่ะ ว่าทางกลุ่มเรานำของไป

มอบให้ทหารเรียบร้อย


วันวันอาทิตย์เวลา 22:31 น



        อ่ะ เรียบร้อยตามความตั้งใจของผู้ให้ถึงผู้รับแล้วครับ


    ...... หลังจากนำสิ่งของไปมอบให้กับทหารแล้ว ก็ถึงเวลาที่ชาวกลุ่มรักพ่อ พักทานอาหารกัน แต่ใช่ว่า ภารกิจจะเสร็จเพียงเท่านี้ หลังจากทานอาหารเสร็จ ส่วนหนึ่งก็ไปที่วัดบวร ไปช่วยกันขนส่งของบริจาคลงจากคอนเทนเนอร์.. ธารน้ำใจจากชาวพุทธมาเลเซีย น้ำพระทัยสมเด็จพระสังฆราชช่วยผู้ปรเสบอุทกภัยไทย ยังคงมีสิ่งของบริจาคที่ส่งมายังวัดบวรเป็นระยะๆ มีเหล่าจิตอาสาทยอยมาช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง มากน้อยตามสถานการณ์

       ที่วัดบวร เราจะได้เห็นหลายคน ออกแรงช่วยกันขนสิ่งของลงจากคอนเทนเนอร์อย่างสุดกำลัง แม้หลายคน ใส่กระโปรงชุดสวยมาร่วมกิจกรรม อย่างน้องรัช แต่เื่ื่้มื่อถึงเวลาลุย ก็ไม่ห่วงสวยอีกล่ะ เต็มที่กับการขนสิ่งของ บางคนเล็บฉีกบ้าง เล็บไปข่วนกับคนใกล้ๆที่ช่วยกันขนน้ำบ้าง แต่ทุกคนก็เต็มที่ร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือ  ช่วงหนึ่งที่หลายคนพักเหนื่อย มีคนช่วยลำเลียงขนขวดน้ำบริจาค ที่มาจากอิตาลี นายบอนก็ไปช่วยออกแรงขนลำเลียงขวดน้ำอยู่ช่วงหนึ่ง ได้ความปวดเมื่อยมาเป็นของที่ระลึก แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็แ่่ค่ไม่ได้ออกแรงมากๆแบบนี้มานาน ก็เท่านั้น ไปบีบนวดสักหน่อยก็หาย ถ้าได้เข้ามา กทม.อีก ก็จะแวะมาช่วยขนลำเลียงกันอีก



      หลังจากช่วยกันขน ลำเลียงจนสิ่งของบริจาคหมดตู้คอนเทนเนอร์ และยังไม่มีคอนเทนเนอร์ใหม่เข้ามา หลายคนก็เข้าไปช่วยกันแพคสิ่งของลงถุงที่ด้านใน มีหลายคนช่วยกันอยู่ที่นั่นอย่างอบอุ่น ซึ่งสิ่งของมีปริมาณมากจริงๆ ทำให้ต้องมาช่วยกันแพคของทุกวัน จากภารกิจตรงนี้ ยังจะต้องนำสิ่งของไปบริจาคผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ หลายแห่ง ซึ่งภาพกิจกรรมต่างๆ สามารถติดตามชมได้ในเพจ รักพ่อ ที่มีการทยอยนำมาให้ชมเป็นระยะๆ


        ที่มา https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10150375687337102.345763.557472101&type=3

        ที่เล่ามานี่ เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของกิจกรรมรักพ่อภาคปฏิบัติในช่วงเวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น มีภารกิจต่อเนื่องที่ต้องทำกันอีกหลายอย่าง และอีกหลา่ยเรื่องราวความประทับใจที่หลายคนยังไม่รู้อีกเยอะ กิจกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติน้ำท่วม ซึ่งทำให้หลายคน เปลี่ยนชีวิต หลายคนรู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่ามากกว่าเดิม กับการได้ทำสิ่งดีๆหลายอย่าง แม้จะเหนื่อย แต่ก็ไม่ท้อถอย


Siripen Suvandara ทีมงานรักพ่อทุกคนเยิ่ยมมากค่ะ ขอให้เข้มแข็งอย่าท้อและสู้ต่อไปค่ะ


Bee Siriwan ‎"ขออย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้ จงลุกขึ้นสู้ไป จุดหมายไม่ไกลเกินจริง"


Rush Anchittha ไม่ท้อ ไม่ถอย แต่บางครั้งก็อดนอยด์ไม่ได้ ๕๕๕๕



...... แล้วพบกันใหม่กับบันทึกการเดินทางครั้งต่อไป
..........ในช่วงเวลาสำคัญ  

                ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔

Video บริเวณที่ถูกน้ำท่วมขังมานาน ที่เห็นด้วยตา

        บรรยากาศที่มองจากรถทัวร์ ป.2 ในช่วงที่วิ่งผ่านบริเวณน้ำท่วมก่อนถึง ม.ธรรมศาสตร์รังสิต น้ำยังคงท่วมมานานแรมเดือนแล้ว บันทึกเมื่อ 28 พ.ย.2554





        เห็นต้นไม้แห้งเฉาตายท่ามกลางน้ำที่ยังท่วมขัง จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานมั้ยน้อ

ข้อคิดที่เกิดจากแสงไฟแยงตาในยามดึกจากผู้พักพิง

          ในสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ทำให้หลายครอบครัวต้องอพยพมายังศูนย์พักพิงหลายแห่ง ที่ปทุมธานี หลายครอบครัวตัดสินใจทิ้งบ้านเรือนมายังศูนย์อพยพที่หน่วยงานราชการได้จัดเตรียมไว้ให้

       มีน้องคนหนึ่ง อพยพหนีน้ำจากบ้านพักในปทุมธานี มาอยู่ที่ศูนย์อพยพแห่งหนึ่ง จากเดิมที่มีห้องส่วนตัวที่เป็นสัดส่วน ไม่มีใครมารบกวน เวลานอน เขาจะนอนในห้องที่เงียบสงบ ไม่ีมีแสงไฟใดๆ แม้แต่นิดเดียวที่จะแยงตาในยามมืดมิด

     ปกติในห้องนอนของเขา จะปิดม่าน ไม่ีมีแสงสว่างใดๆเล็ดรอดเข้ามา เพื่อให้นอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม หากมีแสงใดๆลอดเข้ามา หรือมีเสียงรบกวนแม้แต่นิดเดียว คืนวันนั้นเขาจะนอนไม่หลับ เมื่อมาอยู่ที่ศูนย์พักพิง เขาอยากจะได้ที่พักได้ห้องที่เ็ป็นที่ส่วนตัวเหมือนที่บ้านบ้าง

      แต่ในศูนย์พักพิง ที่ทุกคนอยู่รวมกัน นอนในห้องใหญ่ๆห้องเดียวกัน ภายใต้ข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่มีใครเลือกสิ่งต่างๆได้ตามความพอใจมากนัก

      แม้เขาพยายามจะเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ แต่ก็ยากที่จะได้ในสิ่งเหล่านั้น เพราะหลายคน ก็หลายความต้องการ

     ผ่านไปหลายวัน ทำให้เขาคิดได้ และมองเห็นสัจธรรมจากความเดือดร้อนที่ทุกคนต้องเผชิญร่วมกัน

      "การจะปรับให้ทุกอย่างเพื่อความพอใจของคน 1 คน ย่อมจะกระทบกับคนอื่นด้วย เหมือนคนเราที่พยายามเอาชนะธรรมชาติ เหมือนเรื่องน้ำ่ท่วมในครั้งนี้ เพราะคนเราพยายามฝืนธรรมชาติมิใ่ช่หรือ  แต่ถ้าคนเราปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติได้ อยู่กับธรรมชาติได้ จะง่ายกว่ามั้ย

     เมื่อคนพยายามเอาชนะธรรมชาติ ธรรมชาติก็พยายามจะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง ทำให้หลายคนเดือดร้อน...

     แต่ถ้าคนที่ปรับตัวให้อยู่กับธรรมชาติได้ ไม่ว่าธรรมชาติจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร คนนั้นก็จะไม่เดือดร้อนมากนัก"

      เช่นเดียวกับการมาพักที่ศูนย์พักพิง ที่มีแสงไฟแยงตาอยู่ตลอด คงไม่สามารถที่จะเอาม่านมาคลุมห้องโถงใหญ่ได้ทั้งหมด บางคนก็กลัวความมืด ส่วนบางคนชอบความมืด



    "ถ้าไม่อยากให้แสงแยงตาเวลานอน ก็ใส่ผ้าปิดตาไว้ ไม่อยากได้ยินเสียงก็เอาอะไรอุดหู แล้วก็นอนหลับไป ความลำบากทำให้ได้ฝึกใจ และฝึกสมาธิไปด้วย คนอื่นยังลำบากมากกว่านี้อีก หลายคนที่ยังไม่ยอมย้ายออกมาจากบริเวณที่น้ำท่วม ต้องทนลำบาก ในพื้นที่ที่จำกัด มากกว่าี้นี้อีก ซึ่งทุกคนต้องอยู่ให้ได้"

       เปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับธรรมชาติ ง่ายกว่า การเปลี่ยนธรรมชาติให้เข้ากับตัวเอง

ภารกิจปลดแผ่นผ้าใบที่เปื่อยเพื่อไม่ให้บดบังพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง เมื่อ 26 พ.ย.2554

              นี่เป็นอีกหนึ่งภารกิจเล็กๆ ที่น่าประทับใจของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติที่ลงพื้นที่ออกปฏิบัติกิจกรรมนี้ ในช่วงวันเสาร์ที่ 26 พ.ย.2554 ที่ผ่านมา  และภาพนี้ถูกโพสต์ใน facebook รักพ่อภาคปฏิบัติ ที่ต้องใช้เวลาค้นหาพอสมควร เพราะในแต่ละวันมีโพสตฺ์ใหม่ๆมากมาย จนดันโพสต์เ้ก่าๆให้ตกลงไป

          กิจกรรมนี้ นายบอนได้ฟังจากน้องขวัญ Weewii  TGO ที่เล่าให้ฟังระหว่างเสร็จกิจกรรมสวดมนต์และถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่ลานพระบิดา ในช่วงสายวันที่ 27 พ.ย.2554 หลังจากหลายเรื่องราวที่เล่าสู่กันฟัง แล้วน้องขวัญก็หยิบยกเื่หตุการณ์นี้มาเล่าให้ฟังในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ประทับใจยาวนาน

       ในช่วงที่เดินทางไปยังย่านสีลม ทีมงานกลุ่มรักพ่อ ได้มองเห็นแ่ผ่นผ้าใบเก่าๆ ที่เปื่อย มาคลุมปิดทับพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง ซึ่งเป็นภาพที่ไม่น่ามองและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทุกคนมีความคิดตรงกันที่อยากจะปลดผ้าใบผืนนั้นออกไป แต่อุปสรรคสำคัญ คือ ความสูง ที่ไม่ใช่จะขึ้นไปปลดแผ่นผ้าใบออกอย่างง่ายดายนัก

       หลังจากที่คิดหาวิธีการต่างๆ แล้ว ในที่สุด ก็ได้มีการต่อตัวขึ้นไปแล้วใช้ขาตั้งกล้อง พยายามที่จะเขี่ยแผ่นผ้าใบนั้นออกไป



        แล้วความพยายามนี้ก็บรรลุผล

       (นี่คือ บางส่วนของความคิดเห็นใน facebook)

       Siripen Suvandara อีกหนึ่งภาระกิจของทีมรักพ่อลงพื้นที่ ณ ถ.สีลม พระฉายาลักษณ์ที่มีผ้าใบคลุมทับ เนื่องจากกาลเวลาทำให้ผ้าใบตลอบเปิดขึ้นให้เห็นเพิยงแค่ท่อนล่างจนถึงลำคอ ปฏิบัติการนี้มีอุปสรรคมากมาย ด้วยโครงสร้างของป้ายที่กร่อนมาก สูง และติดถนนงานต้องแข่งกับเวลา มีทั้งคนกำลังใจและคนไม่ชอบ เย่......เราทำสำเร็จจนได้ ^^
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยื่นนานเทอญ


       Nuttapon Chanthanakorn เยี่ยมมากๆครับ

        Pely Aiko ขอบคุณค่ะ ขอบคุณแทนคนไทยทุกคน

      รักพ่อภาคปฏิบัติ เราเป็นกำลังใจให้กันในการทำเพื่อพ่อหลวงของเรานะคะ

     ..และนี่คือ อีกหนึ่งกิจกรรมในการทำความดีเพื่อพ่อหลวง ไม่ว่างานเล็กหรือใหญ่เพียงใด หากลงทำทำด้วยหัวใจ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีคุณค่าและความหมายทั้งนั้นครับ

ส่วนเสี้ยวหนึ่งของบรรยากาศ 25 นาที ที่หมอชิต

          25นาทีสำหรับหลายคนคงเป็นเวลาทีไม่มีความหมายใดๆ แต่เวลาเพียงเท่านี้กลับเป็นช่วงเวลาที่ทรมานใจที่สุด เมื่อนั่งมองคนที่เรารักตลอดเวลา25นาที แล้วเห็นสีหน้าที่แสดงความทุกข์ และการที่ต้องแบกหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้ โดยที่บอกใครไม่ได้ทั้งหมด นอกจากรอยยิ้มและความร่าเริงที่แอบซ่อนทุกข์ไว้กับตนเองเพียงผู้เดียวเท่านั้น
         28 พ.ย.2554 - 15.30 น.




A เมื่อวานที่คิวรถหมอชิต นั่งคิดเรื่องงานทีนพลัสนะ แล้วก็คิดที่จะกระโดดขึ้นรถไปกับพี่แล้ว


B ถ้าบอก จะหายเมื่อยเลย ห่วงมาก เ็ห็นนั่งทำหน้าอย่างนั้นที่หมอชิต ก็ลังเลเหมือนกัน นั่งมองก็ว่าจะลงจากรถแล้ว


A เมื่อวานร้องไห้เยอะมาก ยิ่งอ่านข้อความของพี่ 25 นาทีนะ ยิ่งร้องมากกว่าเดิมอีก กลับมาบ้านก็มาร้องอีก


B นั่งมองบนรถน่ะ รู้มั้ย ทรมานมาก ยิ่งตอนเห็นยกมือปาดน้ำตา ทรมานใจมากๆ

A ร้องจนถึงตอนเข้านอนเลย มันเยอะจนไม่รู้จะทำงัยดี และตอนนี้ก็ร้องอีกแล้ว

บูมเมอแรงที่เริ่มย้อนกลับไปหาคนดีมีแต่เสี้ยม

         ในแวดวงคนที่เล่น facebook มีข้อกล่าวหาถึงความไม่โปร่งใส ความไม่ชอบมาพากลต่อกลุ่มคนจิตอาสาในกลุ่มที่ทำเพื่อพ่อหลวง เกี่ยวกับเรื่อเงิน เื่รื่อเสื้อและอีกหลายประเด็น จนทำให้เกิดความขัดแย้ง ที่ดูเหมือนจะบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องที่น่าจะเคีลยร์ักันได้จบ ก็ไม่ยอมจบเสียที จนในที่สุด เกิดการเปิดเผย และแฉ ความจริงออกมาให้รับรู้กันบ้าง ในเวบ "เสี้ยมหน้าศึก"



     
          ประเด็นความขัดแย้งที่สื่อสารกับทางหน้าเพจ facebook กับชื่อของบุคคลที่กล่าวถึงใน เสี้ยมหน้าศึก ดังภาพ



        หลายคนที่เป็นเพื่่่อนใน facebook ของทั้งสองฝ่าย เมื่อได้เห็นข้อความเรื่องราว ต่างสงสัยว่า มันเกิดเ่รื่องอะไรขึ้น จนเกิดคำถามว่า ทำไม ชื่อบุคคลที่เ็ห็นในภาพ ถึงได้ตัดสินคนอีกกลุ่มไปแบบนั้น ตัดสินด้วยอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว หรือ มีเหตุผลอื่นหรือไม่

      คนวงนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่เชื่อมั่น ศรัทธา มั่นใจในเพื่อนใหม่ที่รู้จักใน facebook เื่ื่มื่อรู้เรื่องราวความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน เมื่อเพื่อนของทั้งสองฝ่าย มีโอกาสได้คุยกัน ถามไถ่กันไป ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า กลุ่มรักพ่อ ถูกอีกฝ่าย กล่าวหาโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว จนผิดสังเกต ฝ่ายโจมตี็ก็กล่าวหาไป อีกฝ่ายก็คอยชี้แจง ตอบโต้กลับไปตามเกม

      หลายคนที่ซื้อเสื้อรักพ่อ และได้รู้เรื่องความขัดแย้งนี้มาบ้าง พยายามถามไถ่ หาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมีคนมากล่าวหากลุ่มรักพ่อด้วยข้อหารุนแรงอย่างนั้น จนเกิดคำถามว่า


      กลุ่มคนที่เอาแต่กล่าวหามาตลอด (กลุ่มคนดีมีแต่เสี้ยม) แล้วคนกลุ่มนี้เป็นคนดี 100% จริงหรือ แล้วทำไมถึงมีสิทธิ์ตัดสินคนอื่นได้อย่างนั้น เป็นบุคคลสำคัญมากแค่ไหน มีคนเคารพนับถือมากเพียงใดแล้วมีผลงานอะไรเป็นที่น่าชื่นชม น่ายกย่อง ศรัทธาบ้างไหม???

     หลายคนมองว่า กลุ่มคนดีมีแต่เสี้ยม มีท่าทีที่อิจฉากลุ่มที่พวกเค้ากล่าวหา เมื่อตามเข้าไปดูในหน้าเพจของกลุ่มคนดีมีแต่เสี้ยม ได้เห็นกลุ่มที่พวกเค้าเลือกที่จะเข้าไปทำิกิจกรรมร่วมกันนั้น

      "...กลุ่มนั้น ผ่านการตรวจสอบของคนพวกนี้แล้วหรือ??"

        เมื่อเหล่าเพื่อนใหม่ใน facebook เข้าไปตามอ่านข้อมูลต่างๆ รวมทั้งในเวบ "เสี้ยมหน้าศึก" แล้ว ค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง ไ่่ม่ได้ฟังคำพูดของใครแล้วตัดสินใจเชื่อตามที่ได้ยินนั้น พวกเค้ามีข้อสงสัยถึง สาวน้อย และพรรคพวกที่มีชื่อในรูปว่า

     "พวกคุณรักในหลวงจริงหรือ ทำไมใช้วิธีการของพวกล้มเจ้า มายุแยงให้คนแตกแยกกัน ให้คนที่ตั้งใจทำเพื่อพ่อหลวง ต้องสะดุด เสียจังหวะในการทำงานไปบ้าง แทนที่จะต้องทุ่มเทเต็มร้อย กลับต้องมาเสียเวลารับมือกับการป่วนของพวกคุณอีก..."

       "... พวกล้มเจ้า พยายามโจมตีสถาบันอยู่ตลอดเวลา แทนที่พวกเสี้ยมเนี่ยจะร่วมใจปกป้องสถาบันร่วมกัน กลับหันมาป่วนพวกที่ปกป้องสถาบันกันเอง ทำเหมือนที่พวกล้มเจ้ากำลังทำอยู่ เห็นชอบกล่าวถึงในหลวง เอาพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาแปะไว้มั่ง แต่ไม่เคยทำตามข้อความที่เอามาแปะ หันมาบ่อนทำลายกันเอง .."

       " ขนาดกลุ่มที่เคยร่วมงานกัน ยังหันมาป่วน มาบ่อนทำลายกันเองได้ แล้วที่เห็นไปร่วมกิจกรรมกับกลุ่มดินรักษ์ฟ้า วันข้างหน้า พวกคุณจะทำกับกลุ่มดินรักษ์ฟ้า เหมือนกับกลุ่มรักพ่อ หรือเปล่าล่ะ ????"

     เหลือบไปเห็นโพสต์ของคุณ Kosin Tharatmettachai ที่โพสต์ไว้เมื่อเช้า 29 พ.ย.54 กับข้อความโดนใจ ว่่า   


คนเราแม้จุดหมายปลายทางจะเหมือนกัน
แต่ถ้าวิธีปฎิบัติหรือเส้นทางที่จะเดินไปให้ถึงจุดหมายนั้นต่างกัน
แล้วไม่รู้จักรับฟังซึ่งกันและกัน แล้วนำข้อมูลวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่
ก็ไม่อาจนำมาซึ่งความสามัคคีแล้วความก้าวหน้าของประเทศชาติได้

..... ความแ่น่นอน ก็คือความไม่แน่นอน ใครจะไปนึกว่า เพื่อนที่เคยร่วมงานกันมานาน ที่สุดแล้วจะกลับกลายหันกลับมาบ่้อนทำลาย กล่าวหากันเอง มีหลายคำถามจากกลุ่มเพื่อนใหม่ใน facebook  ที่ได้รู้เรื่องราว และ้เปิดดูข้อมูลหาความจริงด้วยตัวเอง

      ปิดท้ายด้วยคำถามที่หลายคนฝากถามเหล่าคนชอบเสี้ยม ซึ่งถามในประ้เด็นที่คล้ายๆกันดังนี้

      1. สิ่งทีุ่คุณทำไป เพื่อตรวจสอบความผิดปกติหรือเพื่อความแค้นส่วนตัวกันแน่
      2. กลุ่มที่พวกคุณเลือกเข้าไปร่วมกิจกรรมด้วย พวกคุณตรวจสอบเรื่องเงิน เื่รื่องความโปร่งใสหมดแล้วใ้ช่ไหม
      3.พวกคุณจะเสี้ยม ยุแหย่ บ่อนทำลาย คนทำกิจกรรมเพื่อพ่อหลวงจะทำสิ่งเหล่านี้เพื่อถวายในหลวงในช่วง 5 ธค นี้ใช่ไหม
      4. ใันข้างหน้าคุณจะหักหลัง บ่อนทำลายกลุ่มที่คุณเ้ข้าไปร่วมกิจกรรมด้วย อีกเมื่อไหร่ล่ะ
      5. ในหลวงบอกให้ทุกคน รู้รักสามัคคี แล้วที่พวกคุณบอกว่า รักในหลวง ทำไมถึงทำตรงข้ามกับสิ่งที่ในหลวงบอก


     
     น่าคิดเหมือนกันว่า พวกนี้กำลังเล่นเกมอะไรกันแน่??
   



   

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

26 พ.ย.2554 วันเกิดของ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ กับบางมุมที่ขอบันทึกไว้

           26 พฤศจิกายน 2554 เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของครอบครัว "ภู่ระหงษ์" ที่จันทบุรี วันคล้ายวันเกิดของ คุณลุง "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ซึ่งวันนี้ อายุครบ 68 ปีพอดี

         วันเกิดปีนี้ คุณลุงไม่ได้อยู่ที่บ้าน  เพราะรับงานของกลุ่มดินรักษ์ฟ้า ไปร่วมกิจกรรมที่กำแพงเพชร  และทางกลุ่มนั้น คงจัดฉลองวันเกิดให้ตามธรรมเนียม

        สำหรับครอบครัวภู่ระหงษ์ ต้องยอมรับว่า เป็นหนึ่งครอบครัวที่้อบอุ่นมากๆ  แม้สภาพครอบครัว าสภาพของบ้านพัก จะเหมือนกับบ้านของชาวชนบททั่วไป แต่บ้านนี้มีความอบอุ่น มีความรัก ความเข้าใจกันในครอบครัว แม้คุณลุงจะเป็นคนรุ่นเก่า แต่วันนี้ท่านสามารถใช้คอมพิวเตอร์ เล่น facebook ได้ด้วย สามารถใช้ติืดต่อสื่อสารกับผู้คนมากมาย รวมทั้งคนในครอบครัวอีกด้วย ซึ่งลูกสาว รวมทั้งหลาน ได้ส่งภาพและข้อความมาให้ปู่ -  ตา ได้ดูด้วยความสุข ทุกๆวัน

      ในวันเกิดวันนี้ นี่คือ อีกหนึ่งภาพน่ารักๆ จากลูกสาวของคุณลุง


สุขสันต์วันเกิด…ค่ะพ่อ^.^
เตรียมแรงไว้แย่งเจ้าแสบ*ปลื้ม*เป่าเค้กด้วยนะííííí




            นี่คือ ภาพของครอบครัวภู่ระหงษ์ ในกรอบรูปที่วางไว้ภายในบ้าน สื่อถึงความรัก ความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี

      เปิดเข้าไปอ่าน facebook ของคุณลุง มีผู้คนทยอยเข้ามาอวยพรวันเกิดอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เมือ 26 ต.ค. เคยมีคนมาอวยพรวันเกิดแล้ว แต่นั่น ผิดวัน เพราะกรอกข้อมูลใน facebook ใส่เดือนผิด เลยต้องชี้แจงแก้่ข่าวกันไป แ่ต่วันนี้  26 พ.ย.2554 เป็นวันเกิดของคุณลุง ตามข้อมูลในบัตรประชาชน






         หลากหลายคำอวยพรที่มอบให้คุณลุง คงทำใหุ้คุณลุง มีความสุขกายสบายใจมากขึ้น ในส่วนของนายบอน ที่จะต้องร่วมงานกับคุณลุงอีกหลายๆครั้ง คงจะตั้งใจเตรียมงานต่างๆ ให้เป็นที่พอใจของคุณลุง และ่ี่ร่วมกันผลิตผลงานอย่างที่คุณลุงพอใจ ตามมาตรฐานของคุณลุงที่ตั้งเอาไว้ ให้เกิดผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องตามที่คุณลุงตั้งใจ แม้อาจจะยากลำบาก หรือมีอุปสรรคเพียงใดก็ตาม
      สุขสันต์วันเกิดครับ

เมื่อไหร่จะเลือกหื่นซะที กูจะรีบไปดูลูกกู และความรักที่เห็นแก่ตัว

          ที่สถานีอนามัยแห่งหนึ่งในอำเภอเขตรอยต่อระหว่าง มุกดาหารและกาฬสินธุ์ มีเจ้าหน้าที่ประจำที่เป็นหมออนามัยหนุ่ม 1 คน พยาบาลสาว 1 คน และพนักงานทำความสะอาด 1 คน  ดูภายนอกแล้ว ที่นี่ให้บริการด้านสุขภาพกับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี แต่อีกมุมหนึ่งแล้ว มีเรื่องที่ไม่ค่อยดีงามมากนัก เมื่อหมออนามัย พยายามที่จะขอความรักจากพยาบาลสาว ทั้งๆที่หมออนามัยมีเมียแล้วแถมมีลูก 3 คน ฝ่ายพยาบาลสาว เธอเป็นม่ายลูก 1 สามีไปเป็นทหารเสียชีวิตใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เื่ื่ื่มื่อปี 2553

          คุณหมออนามัยบอกกับพยาบาลว่า เขามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้พยาบาล อยากใช้ชีวิตร่วมกัน สร้างครอบครัวร่วมกัน แ่ต่พยาบาลรู้สึกอัดอัด ไ่ม่ได้คิดกับคุณหมอแบบนั้น ส่วนเมียของหมอก็เริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จึงตามมาดูสามีอยู่บ่อยครั้งด้วยความระแวง เมื่อเมียมาที่อนามัย คุณหมอก็จะออกมาอยู่ห่างๆ แต่เวลาที่เมียไม่มา หมอจะมานั่งใกล้ๆพยาบาลอยู่เสมอ

          พยาบาลทั้งอึดอัด และไม่สบายใจที่จะต้องทำงานอยู่ที่นี่ เธออยากจะย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ยังไม่มีตำแหน่งให้ย้ายไป  ฝ่ายหมออนามัย เมื่อว่างจากงานรักษาคนไข้ จะเข้ามาอยู่ใกล้พยาบาล พูดจาเปิดเผยความรู้สึก จนเธออึดอัดเหลือทน แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องร่วมงานกัน เพราะที่สถานีอนามัยมีบุคลกรแค่ 3 คน ถ้าตอนไหนที่พนักงานทำความสะอาด ที่เป็นหญิงชาวบ้านในตำบลนั้นอยู่ที่สถานีอนามัยด้วย เธอยังพอที่จะมีเพื่อนคอยกันไม่ให้คุณหมอเข้ามาใกล้ได้บ้าง แต่พนักงานทำความสะอาดก็ไม่สามารถอยู่ที่สถานีอนามัยได้ตลอดทั้งวัน เพราะต้องไปขายของที่ตลาดอีกด้วย

         คุณหมอยังคงพยายามบอกความรู้สึก คอยดูแลห่วงใย เวลาที่เมียมาก็จะคอยออกห่าง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  จนลูกของพยาบาลก็รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่อยากให้แม่ทำงานอยู่ที่นี่อีกต่อไป แต่เธอยังย้ายไปที่อื่นไม่ได้ในตอนนี้



         เริ่มมีเสียงซุบซิบนินทาถึงพฤติกรรมของหมออนามัยมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหมออนามัยรู้ เขาบอกว่า เขาไม่แคร์ในสิ่งที่คนอื่นพูด แต่เขาแคร์ความรู้สึกของพยาบาลมากกว่า ว่ารู้สึกอย่างไร แต่เธอก็พูดอะไรไม่ได้ ทั้งเกรงใจ ทั้งอึดอัด เพราะต้องร่วมงานกัน ทำได้แค่บ่นกับเพื่อนเท่านั้น

         กลับมาถึงบ้าน หลายครั้ง เธอต้องอึดอัด ร้องไห้ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไง ไม่อยากยุ่งด้วย แต่คุณหมอก็อยากจะเอาเธอเหลือเกิน

           แล้ววันหนึ่งช่วงใกล้เวลาเลิกงาน เมื่ออยู่ด้วยกันสองคนที่สถานีอนามัย คุณหมอก็เข้ามานั่งใกล้ๆ พูดจาเปิดหัวใจอีกแล้ว พยาบาลได้แต่อึดอัด พูดไม่ออก เฝ้ามองนาฬิกาที่ผนัง แต่คุณหมอก็พูดจาคำหวานๆ อยากให้เธอเห็นใจในความรักของหมอที่มีให้เธอ

         แล้วเสียงแตรรถเครื่องที่แล่นมาจอดที่หน้าอนามัย ทำให้พยาบาลรีบออกมาดู เพื่อนที่ขับรถเครื่องมาบอกข่าวสำคัญ ทำให้พยาบาลเข้ามาเอากระเป๋าถือ เพื่อจะออกไป แต่คุณหมอเข้ามาพูด มาจับไหล่ พูดจาบอกความรักจากใจให้ฟังอีก จนในที่สุด พยาบาลหมดความอดทนอีกต่อไป จึงตะโกนขึ้นมาดังๆว่า

        "เมื่อไหร่จะเลิกหื่นกะกูซะที กูจะรีบไปดูลูก ลูกกูถูกรถเฉี่ยว!!!"

        เป็นช่วงที่เมียของหมอเดินมาที่ประตูพอดี พยาบาลคว้ากระเป๋าถือได้ รีบสตาร์ทรถ มุ่งไปยังโรงเรียนทันที

+ + +  +

       ผ่านไป สองสามวัน พยาบาลนึกว่า หมอจะคิดอะไรได้บ้าง เพราะหมอไม่แสดงอาการเข้ามาบอกความรู้สึกเหมือนเิดิม เมื่อเข้าวันที่สี่ คุณหมอก็เข้ามานั่งใกล้ พูดจาหว่านล้อมเปิดความรู้สึกที่รักเธอเช่นเดิม ทำเอาเธออึดอัดอีกครั้ง แล้วเมียของหมอก็เข้ามาที่อนามัย หมอก็ถอยห่าง ไปทำงานเหมือนเดิม

        พยาบาลอยากให้เรื่องนี้มันจบลงเสียที เพราะเธอไม่มีสมาธิในการทำงาน ต้องกลับมานั่งคิด นั่งอึดอัด อยากจะร้องตะโกน แต่ก็ไ่ม่รู้จะทำยังไง เพราะลูกก็อยู่ที่บ้าน ไม่อยากให้ลูกเห็นแม่ทุกข์ทรมานใจ จึงต้องเก็บอาการไว้เหมือนคนปกติ ได้แต่ระบายความทุกข์ใจกับเพื่อนบ้านที่สนิทกันเท่านั้น จนวันหนึ่ง เสียงนินทาก็ไปถึงหูคุณหมอจนได้  ในช่วงที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง คุณหมอก็เอ่ยถามกับพยาบาลว่า

       "พี่ไม่แคร์ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรนะ พี่เพียงอยากรู้ว่า น้องรู้สึกอย่างไร มันแย่ อึดอัด หรือลำบากใจ มากน้อยเพียงใด สิ่งที่อยากเห็นหรือให้เป็นอย่างไร.."

       ไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบ เมียหมอก็เดินเข้ามาที่อนามัยอีกแล้ว หมอก็รีบผละออกห่างจากพยาบาล เช่นเคย

      เมียหมอเข้ามาพูดกะหมอ บอกว่า เสียงนินทาต่างๆ รู้ึถึงลูกๆแล้ว เพื่อนๆเอาไปล้อ เอาไปพูด จนลูกทั้งสามอึดอัดกับพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อแล้ว  

      คุณหมอนิ่งไปครู่ใหญ่ ดูเหมือนจะสำนึกตัวได้ สองสามวันผ่านไป คุณหมอเอาแต่นั่งทำงานเงียบๆ ไม่พูดจาหวานๆกับพยาบาลมากนัก แต่เ้ข้าวันที่สี่ เหตุการณ์ก็เหมือนเดิม หมอเข้ามานั่งใกล้ๆพยาบาล พูดจาหว่านล้อมเปิดความรู้สึกจากใจอีกครั้ง


      แล้วพยาบาลก็หมดความอดทน ตะโกนขึ้นมาดังๆว่า
     "เมื่อไหร่จะเลือกหื่นซะที กูจะรีบไปดูลูกกู"

     เรื่องยังไ่ม่จบซักที น่าเศร้าใจที่คุณหมอ ยังคงวนเวียนกับเรื่องนี้อยู่  ความรักที่คุณคิดว่่า ดี มันกลับทำลายคนที่คุณรัก และคนที่รักคุณอีกหลายคนอย่างที่คุณไม่ตั้งใจ


.......ทั้งที่มีลูกเมียอยู่แล้ว แต่ไม่พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ หลายคนยังคิดได้เลย

     Jakkaphan Na Pattalong "ถ้าผมมีลูกมีเมียแล้วนะเป็นผมคงไม่ยุ่งกับใครเหมือนกันเพราะมันเป็นการสร้างเรื่องให้ตัวเองเปล่าว่ามะต่อให้แค่แฟนด้วย และ ต่อให้เมียทิ้งผม ผมคงเอาเวลามาดูแลลูกดีกว่าหาคนใหม่ยังดีกว่าอีก"



     Jakkaphan Na Pattalong "ความพอใจของคนไม่มีวันสิ้นสุดครับ ผมว่า ควาพอใจบางอย่างที่ไม่สมควร ถ้าเขาตัดได้ถือว่าหมดกรรมครับผมคิดว่า คน เป็นสัตว์สังคมนะไม่มีวันที่เรียนรู้คนๆนึงได้หมดทุอย่างหรอกครับ เพราะ เวลา สถานะ และเหตุการณ์ข้างหน้ามันพร้อมที่จะเข้ามาทดสอบเราอยู่ตลอดเวลา คนเราคบกัน อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ ไม่มีพิษมีภัยต่อกัน เข้าใจในสิ่งที่คนๆนึงเป็น ซึ่งกันละ กัน กอโอเคแล้ว ^-"

      Tukta Saelim ผู้ชายคนนี้มีสัญชาตญาณของนักล่า ไม่ชอบอะไรที่ได้มาง่ายๆ เพราะไม่ท้าทาย เหมือนมีคนเอาหนังเสือมาให้แต่ไม่อยากได้อยากออกป่าล่าสัตว์เองแม้จะได้เพียงเขากวางก็ดูจะพอใจกว่า สัณชาตญาณนี้เมื่อขาดการควบคุมจากจิตสำนึก คนเราก็จะไม่แตกต่างจากสัตว์ เพราะการเป็นมนุษย์ควรถูกควบคุมโดยมโนธรรม ความถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้ Id หรือความต้องการทางเพศ ความท้าทายอยากเอาชนะ มาเดิมพันครอบครัว มโนธรรมsuperego ถ้าขาดมากๆ ความต้องการด้านความพึงพอใจ(Id) ก็จะชนะ พูดง่ายๆคือ ผู้ชายชอบผู้หญิงที่มีลักษณะที่ไม่ชอบการผูกมัด ไม่พร้อมมีครอบครัว รักอิสระ มีปมเกี่ยวกับเรื่องความรัก เพศ ไม่มีความรับผิดชอบ ผู้หญิงที่ชอบแย่งของชาวบ้านมักคิดว่าตนเองมีดี มีเสน่ห์ด้านเพศ ไม่แคร์อะไร ส่วนใหญ่ไม่นานก็เลิกกัน ผู้ชายก็จะกลับไปตายรัง เห็นครอบครอบเป็นที่พึ่งเพื่อรอโอกาสรักใหม่ คนเป็นแม่ก็เฝ้ารอคอยการเปลี่ยนแปลงของสามีที่เป็นนิสัยถาวรแก้ไม่ได้ บาปทั้งหมดจึงตกลงกับเด็กที่อาจเติบโตมามีปัญหาได้คะ

    Tukta Saelim ผู้หญิงอย่าเพียงแต่เก่งงานอย่างเดียว ต้องเข้าใจสัญชาตญาณของเพศชาย ต้องดูแลตนเองให้ดูดี งานบ้าน การเรือนทำได้ พูดจาอ่อนหวานมีเหตุผล ไม่หึงหวงเกินเหตุ เว้นระยะให้แต่ละคนมีอิสระ ไม่ข่ม ไม่อวดรู้ แสร้งโง่ แต่คมในฝักเป็นนักแก้ปัญหา อย่าเอาแต่ใจ หากทำดีแล้ว ยังแพ้ความเจ้าชู้สันดานดิบก็ต้องปล่อยให้เขาไปเผชิญโลกอันกว้างอย่าได้จมปลักเสียใจนาน singer mom เก่งๆเยอะแยะ ศึกษาธรรม ไม่มีอะไรที่ต้องยึดมั่น ไม่มีอะไรเป็นของเรา ผู้หญิงสู้ๆคะ



      Mavin Fangky ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ...เฮ้อเรียกว่ากว่าจะรู้เดียงสา ก็หมดน้ำตาไปเป็นปี๊บ...รักคืออะไร? รักคือการให้และเสียสละ แต่ถ้ารักแบบผิดๆไม่คิดถึงศีลธรรม....นี่เค้่าจะเรียกว่าอะไรครับรักตัวเองหรือเห็นแก่ตัวหรือเปล่าน้อ....ผมคนหนึ่งที่มีลูกน้อย จะทำอะไรหรือคิดอะไร ภาพเจ้าตัวน้อยลอยมาเต็มไปหมด..ดวงตาคนเรามหัศจรรย์ยิ่งนักสามารถมองสิ่งของอื่นๆได้กว้างใกลแต่ไฉนเลยมิสามารถมองเห็นคิ้วของตนเองได้ขนาดขนคิ้วอยู่ห่างไม่กี่เซ็น....

    Warintira Khiewchan ศีลธรรม...และความยับยั้งชั่งใจของทุกฝ่าย ถ้ามีศีลธรรม เรื่องเช่นนี้ไม่เกิดทั้ง ผู้ชาย และผู้ญิงที่อ้างว่าผู้ชายมาหาเอง..


        พ.ย.2554 พยาบาลคนนั้น ย้ายไปทำงานที่อื่นแล้ว จบปัญหาที่ค้างคาซะที

รักพ่อกับการประเมินผลก่อน 5 ธ.ค.2554

           ยิ่งใกล้วันที่ 5 ธ.ค.2554 ช่วงเวลามหามงคล แต่กลับมีเรื่องของเวบหมิ่น ข้อความหมิ่นออกมามากมาย และอีกข่าวที่ได้ยินแล้ว ไม่สบายใจกับข่าวการเปิดหมู่้บ้านเสื้อแดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  (

โด่ง – ดา เปิดหมู่บ้านแดงเพิ่ม 3 แห่ง  )



            คนไทยหลายคนมีความตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ดีๆถวายในหลวง ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ใกล้ถึง 5 ธ.ค.2554 ก็ถึงเวลากลับมาทบทวน สิ่งที่ได้ทำไป หลายสิ่ง มันเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือยัง เช่นเดียวกับการทำงานต่างๆ ที่จะต้องมีการประเมินผลงานว่า ทำได้ตามเป้าหรือไม่อย่างไร 
         8 กันยายน 2554 เมื่อได้รับการติดต่อให้ทำรายการวิทยุ ชื่อ "รักพ่อ" วันนั้น ได้ฟังแนวทางที่จะขยายผลเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆมากมาย วันนั้นฟังแล้ว ดูเข้าท่า น่าทำเพื่อพ่อหลวงของไทย และคิดไว้คร่าวๆว่า 5 ธค 2554 น่าจะมาดูกันอีกทีว่า สิ่งที่พูดไว้ จะเกิดขึ้นได้จริงมากน้อยแค่ไหน

       แม้จะมีหลายอย่างที่ได้ยินได้ัฟัง แต่นายบอนตั้งความหวังไว้ว่า วันที่ 5 ธค 2554 ถ้าทำแค่ี้นี้ได้สำเร็จก็ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว

            1. ทำให้เวบ lovethekinginaction.com เป็นแหล่งข้อมูลน้ำดีไล่ข้อมูลน้ำเสีย และรวมข้อมูลของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ
           2. ทำให้รายการวิทยุ "รักพ่อ" มีข้อมูลดีๆ น่าฟัง ทำให้ผู้คนรับรู้เรื่องราวของพ่อหลวงมากขึ้น 


          ความจริง ที่เคยคุยกัน มีแนวทางมากกว่านี้ แต่ไม่เคยตั้งความหวังว่า ทุกอย่างจะทำได้ทั้งหมด หวังไว้เท่าที่ทำได้ จะดีกว่า
        
            มาดูข้อ 1. จะทำให้เวบ 
 lovethekinginaction.com เป็นน้ำดีไล่น้ำเสียอย่างไร
           - ช่วยกันเขียน blog น้ำดี ไล่น้ำเสีย  
 (ที่บอกหลายคนให้ทำ บอกเฉพาะข้อนี้)
           -  ความจริงยากมาก เพราะน้ำเสียมีเยอะ แต่ถ้าเราสร้าง blog น้ำดีหลายแ่ห่ง แ้้ล้วดึงข้อมูลมารวมไว้ที่ เวบ lovethekinginaction.com + เชื่อมกับ facebook การทำ ranking มันจะง่ายมากขึ้น           -  รอเวลาให้เวบ lovethekinginaction.com ใส่ข้อมูล เขียนหน้าเวบ ลงโปรแกรม ให้เป็นเวบที่สมบูรณ์ มีข้อมูลหลากหลายรวมอยู่ที่เดียว (บอกคุณจอมข้อนี้)
         - blog เกิดขึ้นแล้ว ทำ ranking บ้างแล้ว แต่มีเรื่องฉุกเฉินอื่นๆ ให้ต้องทำก่อน blog น้ำดีเลยค่อยๆซาไป 

         - เวบ lovethekinginaction.com ที่ว่า จะมีการพัฒนาใส่ข้อมูล ตกแต่งหน้าเวบให้ดูมาตรฐานมากขึ้น จะลงโปรแกรมสร้างเวบสำเร็จรูปก็ได้

           - แต่วันนี้ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก
           * ทำ ranking หลักไม่ได้ /


 มาดูข้อ 2. ทำรายการวิทยุรักพ่อ

         - ต้องการเชื่อมรายการให้เข้ากับกิจกรรม แนวทางของกลุ่มรักพ่อ
         - มีการติดต่อสถานีวิทยุนำรายการไปออกได้ จำนวนหนึ่ง ออกสัปดาห์ละเทป
         - เอาไฟล์เทปรายการ มาเผยแพร่ทาง facebook บ้าง แต่ยอดรวมคนคลิกฟัง น้อยมากๆ อาจเพราะไม่มีเวลา
         - ข้อมูลหลากหลาย กระจัดกระจาย ฟังยาก เลยทำให้เป็นวิทยุออนไลน์ ให้ฟังง่ายขึ้น ทำไ้ว้รอเวบ 
 lovethekinginaction.com  จะได้เป็นแหล่งรวมข้อมูลทุกอย่าง และฟังรายการรักพ่อได้ด้วย  
         - ถ้ามีการประชาัสัมพันธ์ดีๆ เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย สิ่งที่ทำทุกอย่าง จะเชื่อมโยงไปด้วยกัน


          มาถึงวันนี้ 26 พ.ย.2554 ใกล้จะถึง 5 ธ.ค.54 แ้ล้ว นึกทบทวนหลายอย่างที่คุยกัน คงต้องประเมินกันตามจริงแล้วว่า พวกเราสามารถทำสิ่งที่อยากทำ ทั้งหมดได้มากน้อยแค่ไหน

             ประเมินตามความเป็นจริงว่า ควรจะเลิกหรือ ลด หรือไปยังไงกันต่อ       
         
            - มีหลายสิ่งที่ต้องทำ และสำคัญตามช่วงเวลา


             - เป็นไปได้ไหม ที่จะเอาหลายสิ่งหลายอย่าง มารวมกัน ไปในแนวทางเดียวกันได้
            - ไม่อยากให้เหมือนเรื่องน้ำท่วม ดูคนแก้ไขปัญหาก็แก้ไปวันๆ ถูกด่าไปวันๆ ไม่มีแนวทาง+ยุทธศาสตร์เลย


             ทำไมไม่เอามารวมกัน
              - นักเขียนน้ำดี + เสื้อ + รายการรักพ่อ + ภาพกิจกรรม + facebook + web lovethekinginaction.com ฯลฯ



            ความเป็นจริง กลุ่มทำงานมีจำนวนคนจำกัด
            
ต้องตั้งสติ แล้วมาทบทวนเป้าหมาย

             ทำในสิ่งที่ำทำได้ และมีประสิทธิภาพดีกว่า

             ถ้าอะไรที่มันเกินตัว ทำไม่ได้ ก็สมควรตัด!! ทำในสิ่งที่เกิดผลจริงๆดีกว่า



             ถ้าจะทำแล้ว ก็น่าจะมองเห็นแนวทางว่า จะเป็นไปอย่างไรต่อไป



        + ถ้า
เวบ  lovethekinginaction.com  ไม่มีแนวโน้มว่าจะทำต่อ วิทยุออนไลน์ น่าจะปิดตัว เพราะวิทยุทำไว้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ เวบ  lovethekinginaction.com  ให้เป็นแหล่งรวมข้อมูลหลายอย่างของรักพ่อภาคปฏิบัติ (ถ้าไม่มีอนาคตก็ต้องยุติ)
       + เสื้อรักพ่อ อยากเ็ห็นสกรีนที่อยู่เวบ 
lovethekinginaction.com เติมเข้าไป แต่ถ้าเวบไม่ทำ ก็คงไม่้ต้องเชื่อมโยง ขยายผล


         อยากรู้ว่า แนวทางต่อไป จะเน้นที่เรื่องไหน แล้วอันไหนที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจริง ส่วนที่ไม่ไปตามแนวทางในอนาคต ก็สมควรต้องเลิก หรือ ลดลงไป อาทิเช่น รายการรักพ่อ อาจต้องลดความเข้มข้นลงไป ถ้าไม่ไปตามแนวทางหลักๆที่จะเดินกันต่อไป

          สิ่งไหนที่เกินไป ก็ตัดออกดีกว่า