หลังจากเดินทางมาทำภารกิจหลายอย่้างที่จันทบุรี อยู่จนเกือบจะครบสัปดาห์ ก็ได้เวลาเดินทางกลับบ้านกันแล้ว ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำมาตลอดทั้งวันทั้งคืน เมื่อต้องเดินทางไกลก็คิดหนักเหมือนกัน เพราะฝนตกทีไร เกิดอุบัติเหตุตามทางที่ผ่านทุกครั้ง แต่ก็ต้องเิดินทางกลับ เพราะถึงเวลาที่ต้องกลับแ้ล้ว นายบอนออกจากจันทบุรี ตอนก่อนเที่ยง ขณะนั่งรถที่คุณลุงสุเวศน์ขับออกมาส่ง ฝนก็ตกมาตลอดทาง
มาถึงสถานีขนส่งซื้อตั๋วรถ 99 ป.1 ซึ่งตอนนี้ลดราคาตามราคาน้ำมันที่ปรับลด จากจันทบุรี ถึงหมอชิต ราคาเดิม 193 บาท ลดเหลือ 184 บาท ตามที่เห็นในตั๋ว ซึ่งหลายบริษัทยังไม่ได้ลดราคาลงมา นั่งรถ บขส.99 นี่คุ้มจริงๆ แจกน้ำ ขนม นมกล่อง ได้มากกว่าบางบริษัทซะอีก ที่แจกแค่น้ำ และขนม 1 ห่อเล็กๆเท่านั้น
รถแล่นออกจากจันทบุรี ฝนตกโปรยปรายมาตลอดทาง มาจนถึง อ.แกลง บริเวณทางแยกไปบ้านบึง - ชลบุรี ดังภาพ ฝนน้อยลงหน่อย ไม่ตกหนักเหมือนที่จันทบุรี
รถแล่นไปเรื่อยๆ ผ่านวังจันทร์ หนองใหญ่ มาจนถึงสี่แยกไฟแดง หนองชาก - ชลบุรี ถนนเปียกตลอด ก่อนถึงแยกหนองชาก เจอรถชอปเปอร์จอดหลายคัน เห็นตำรวจสองคน มายืนตรวจอะไรบางอย่างกับชาวชอปเปอร์ 4-5 คนที่ยืมมุงอยู่ แต่ไม่ได้เห็นอะไรมากเพราะรถวิ่งผ่านไปอย่างเร็ว มาจอดตรงสี่แยกไฟแดง เห็นคนขายพวงมาลัยอยู่ตรงสี่แยก ฝนจะตกโปรยปรายยังไง ก็ยังคงต้องทำงานหารายได้ที่สี่แยกแบบนี้เป็นประจำ ถ้าเป็นคนอื่นคงหลบฝนนอนอยู่ในบ้านอย่างสบายใจแล้ว แต่ชีวิตคู่นี้ ต้องทำมาหากินต่อไป
รถแล่นเข้าเขตอำเภอบ้านบึง ฝนก็ลงเม็ดมาโปรยปรายมาอีกแล้ว ตกเรื่อยๆจริงๆ แต่บางช่วงถนนแห้ง ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ตรงถนนที่รถเมล์สีเขียว สายชลบุรี - ปลวกแดงวิ่งผ่าน ตรงนั้นแห้งสนิทจริงๆ
จากบ้านบึงรถแล่นมาเรื่อยๆ จนถึง "หนองรี" ที่พยายามมองหาบ้านคนรู้จักที่อยู่แถวๆนี้ แต่ไม่รู้อยู่ หลังไหน ได้แค่ส่ง SMS ทักทาย แล้วรถก็เข้า มอเตอร์เวย์ ลองถ่ายภาพจากหน้าต่างรถ ถ่ายภาพในขณะรถกำลังแล่นอยู่ ยากเหมือนกัน โฟกัสไ่้ม่ถูกจุดที่ต้องการ แต่ก็พอได้ภาพบรรยากาศทั่วไปอย่างที่เห็น
รถแล่นมาตามมอเตอร์เวย์ มาถึงหมอชิต 15.07 น. มาถึงก็สะลึมละสือ หาข้าวเที่ยงทาน ไม่รู้จะทานอะไร กับข้าวก้ไม่น่ากิน เลยสั่งก๋วยเตี๋ยวร้อนๆมาซด ก็ั้งั้นๆ ไม่ื่ิ่ิิ่อิ่มเลยต้องซื้อขนมมากินอีกถุง
หลังจากกินเสร็จ ก็ไปซื้อตั๋ว ได้ตั๋วกลับกาฬสินธุ์เที่ยว16.30 น.รถสองชั้น ที่นั่งยังว่างแยะ เลยได้จองที่นั่ง ขอนั่งชั้นล่างมั่ง ขึ้นง่าย ลงงาย แต่นั่งติดหน้าทีวีอีกด้วย ซึ่งก็เปิดเพลงลูกทุ่งให้ฟัง และหนังฝรั่ง 1 เรื่องที่พึ่งเคยดู มันส์ซะด้วย. ดีจริงๆ
รถออกจากหมอชิตตอน 16.45 น.ฝนตกปรอยๆตลอดทาง รถติดมากๆ กว่าจะึถึงสถานีรังสิต ก็ปาเข้าไป 18.15 น. รถติดตั้งแต่แถวดอนเมือง ค่อยๆขยับมาจนถึงรังสิต ดู MV ดูแล้วดูอีก มองไปนอกหน้าต่าง มองแล้วมองอีก มองดูน้ำท่วมริมถนนน มองข้ามไปตามคลอง เห็นไฟสัญญาณจากรถกู้ภัยอยู่ไกลลิบ เกิดอุบัติเหตุอีกแล้ว แต่กล้องซูมไม่ถึง ใกล้จะถึงสถานีรังสิต ซึ่งเลยฟิวเจอร์พาร์คไปนิดหน่อย ผ่านร้านที่ขายพระพุทธรูป เอามาวางตั้งริมทางเท้า น้ำก็ขึ้นมาปริมๆถนน
แต่พอพ้นรังสิต รถก็แล่นได้ไวขึ้น มาถึง บขส.สระบุรี ตอน 19.45น.ช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง มาถึงสถานีนี้ มีผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วที่นี่ขึ้นรถกันหลายคน
มีผู้โดยสารสาวคนหนึ่ง อุ้มลูกมาด้วย มีญาติพี่น้องมาส่งขึ้นรถ เธอนั่งชั้นล่างแถวหลัง พอดีมีูผู้โดยสารผู้ชายคนหนึ่ง ที่ขึ้นที่สระบุรี มานั่งเบาะข้างๆ ญาติคนที่มาส่งแม่ลูกอ่อนเลยถามเป็นภาษาอีสานว่า
" ไปลงทางใด๋ล่ะ"
"นครพนม"
"ฝากเบิ่งหลานแน่เด้อ"
นายบอนหันไปเห็นรอยยิ้มแทนคำตอบนั้น
เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของคนอีสานที่ฝากให้ดูแลกัน แม้ไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม น้ำใจไม่เคยเหือดหายไปจากที่นี่
21.15 น. รถแล่นมาถึงร้าน 199 ที่ อ.สีคิ้ว โคราช จุดจอดพักรถให้ผู้โดยสารแวะทานอาหารเย็น ก่อนเดินทางต่อไป รถจอดพัก 30 นาที พอถึงเวลาออก ก็มีผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วที่นี่ขึ้นรถ มาหานั่งเบาะว่างข้างนายบอน เป็นทหารเกณฑ์ พอรถออก ก็หยิบโทรศัพท์มาคุยกับแฟน แหม.... จ๊ะจ๋ากันหวานเชียว ชักอิจฉาตาร้อนท่ามกลางความมืด พอดีนั่งติดทีวี เสียงดัง ทหารหนุ่มเลยเอาผ้าห่มคลุมโปง คุยโทรศัพท์กะหวานใจ แหม ... กะลังฟังเพลงเพลินๆ มีเสียงมาแทรกซะงั้น
ออกจากสีคิ้วมาไม่ไกล ก็เจออุบัติเหตุข้างถนน มีรถกู้ภัยเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน มีคนกำลังมุงช่วยคนเจ็บ เป็นภาพชินตาซะแล้วกับการเดินทางทุกครั้ง ที่จะต้องเห็นอุบัติเหตุข้างทาง
เมื่อรถวิ่งมาถึง บขส.โคราช มีผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วขึ้นรถจะมาขึ้นรถ แต่ทว่า ไ่ม่มีที่นั่ง เกิดปัญหานิดหน่อย คนขับบอกให้ไปถามคนขายตั๋วว่าขายมาได้ยังไง ที่จริง ตั๋วจะระบุที่นั่งไว้แล้ว แต่เมื่อมีคนซื้อตั๋วขึ้นที่สีคิ้ว ที่นั่งก็ไม่่ว่าง แม้จะซื้อตั๋วที่โคราชก่อนหน้านั้น แต่คนที่รอที่สีคิ้ว ขึ้นรถก่อน รถก็เลยไ่้ม่มีที่นั่งว่าง ... เวลาที่นายบอนมารอขึ้นรถที่โคราช มักจะเจอรถที่ไม่มีที่นั่งว่าง ต้องยืนจนถึงกาฬสินธุ์มั่ง ถ้าเป็นไปได้ เลยจะต้องขึ้นรถจากต้นทาง ขอนั่งสบายๆหลายชั่วโมงจนถึงบ้านดีกว่า
รถวิ่งฝ่าสายฝน มาเรื่อยๆ มาถึงกาฬสินธุ์ตอน ตี 2.30 น.ลงจากรถ ก็เจอฝนโปรยปรายต้อนรับ ออกจากประตูรถ มีชาวสามล้อเครื่องเข้าแถมรอถามผู้โดยสารว่า มีใครจะไปสามล้อมั่ง มีผู้โดยสารอีก 5 คนตามลงมา มีคนไปรถสามล้อแค่ 2 คน ชาวสามล้อ สกายแล็ปหลายคนก็เดินออกมา รอรถที่จะเข้ามาจอดคันต่อไป เปียกแฉะไปหมด แล้วก็หยิบกล้องมาถ่ายรูปบรรยากาศตอนตีสองไว้
อีักด้านหนึ่งของหน้าสถานี เป็นร้านเกม ร้านเครื่องดื่ม มีวัยรุ่นนั่งกิน ดื่มที่โต๊ะต่างๆ ฝนตกก็ยังนั่งสังสรรค์กันตามปกติ ราตรีนี้เป็นของพวกเขาจริงๆ
บรรยากาศที่กาฬสินธุ์ตอนตีสองครึ่ง ที่วงเวียนโปงลางเงียบสนิท แต่ก็มีรถมอเตอร์ไซต์ผ่านมาเรื่อยๆ มาจนถึงตลาดทุ่งนาทองใกล้บ้าน เวลานี้ พ่อค้าแม่ค้าหลายชีวิต กำลังจัดเตรียมวางของ เปิดแผงขายของกันแล้ว แม่ค้าขายปิ้งไก่ ริมถนนกำลังเริ่มต้นวางไม้ลงบนตะแกรง ปิ้งกันควันโขมงตรงที่พวกเขาอยู่
เดินผ่านตลาดก็ชักหิวเหมือนกัน บางครั้งก็เลยแวะหาอะไรรองท้องตอนตี 2 ตี 3 เมื่อมาถึงบ้านอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้ ไม่ค่อยหิวข้าว หิวนอนมากกว่า เดินผ่านตลาดมาถึงบ้าน มะหมา 4 ตัว กระดิกหาง วิ่งกระโจนเข้าใส่ ไม่ได้เจอกันหลายวันคงคิดถึงแย่
14 ชั่วโมงกับการเดินทาง สำหรับหลายคน คงรู้สึกว่า การเดินทางแบบนี้ เหนื่อยแย่ แต่การได้พบกับผู้คนหลากหลายบรรยากาศ หลายอารมณ์ กลับทำให้เพลิพเพลินและได้มุมมองหลายอย่างแบบที่คาดไม่ถึง ..อย่างน้อย คงไม่ค่อยเห็นใคร หยิบกล้องมาถ่ายรูปตอนตีสองครึ่ง แน่นอน....
..อย่างน้อย ภาพบรรยากาศหลายมุม ไม่มีใครได้สัมผัสเห็นกับตาแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น