วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

กษาปน์ จำปาดิบ - มีอะไรอ๊ะเปล่า / ภุชงค์ - ลิปซิงค์ เพลงเก่าที่คุ้นเคย


"ไม่รักฉัน มันก็เรื่อง ของเธอ
จะรักเธอมันก็เรื่อง ของฉัน
มีอะไร อ๊ะเปล่า ก็ทำแล้ว มันภูมิ ใจ
มีอะไร อ๊ะเปล่า ก็ทำแล้ว สบาย ใจ.."


  ท่อนฮุคโดนใจในเพลง  - มีอะไรอ๊ะเปล่า ของนักร้อง " 

กษาปน์ จำปาดิบ" เพลงในยุคที่มีค่ายเพลงที่ชื่อ "มูเซอร์"



     ส่วนเพลงนี้  ลิปซิงค์ = 
ภุชงค์  เป็นอีกเพลงที่คุ้นหู ที่ตามหามานาน ในยุคของค่ายคีตา


ลงพุง กับการเดิน เพื่อสุขภาพและชีวิต

        ไปเจอพรรคพวกเพื่อนฝูง เห็นหลายคนอ้วนลงพุง นั่งลูบพุง แล้วบอกว่า นี่คือ การกินดีอยู่ดี สุขสบาย มีสง่าราศรีจับ หุ่นแบบเจ้าสัว อาเสี่ย แล้วก็มองว่า คนที่ผอม หรือ  ไม่มีพุง เป็นคนที่ลำบาก ยังไม่สุขสบาย ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต

   แหม การวัดความสุขสบาย กินดีอยู่ดี เดี๋ยวนี้วัดกันที่ขนาดของพุงงั้นเหรอ แต่เวลาที่เห็นขยับกาย ลุกขึ้นเดิน ไม่เห็นจะคล่องแคล่วเลย ดูลำบากกว่าจะขยับ เคลื่อนร่างกายได้

   เดี๋ยวนี มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่ทำให้คนเราสบายมากขึ้น จากที่ต้องออกแรง ออกกำลังในการทำงานหลายอย่าง แต่เดี๋ยวนี้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องออกแรงมากนัก เมื่อกินๆ นั่งๆ นอนๆ ร่างกายก็เลยอ้วนลงพุง


   มีโอกาสได้พบผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เช่น คุณลุงสุเวศน์ คุณตา คุณป้าหลายท่าน ทีมีรูปร่างดี ไม่ลงพุง หน้าตาสดชื่นแจ่มใส เดินได้คล่อง เหมือนคนหนุ่ม อย่างคุณลุงสุเวศน์ อายุ 67 ปี ยังเดินได้คล่อง แต่เมื่อได้เจอคุณครูท่านหนึ่ง ที่พึ่งจะเกษียณอายุราชการ อายุ 60 ปี แต่เดินเหินลำบาก ต้องมีไม้เท้าค้ำไว้




   น่าคิด เมื่อคนอายุ 67 ปี เดินเหินได้คล่องกว่า คนอายุ 60 ปี ทั้งๆที่ความจริงแล้ว คนอายุ 60 ปีน่าจะเดินเหินได้คล่องกว่าคนอายุ 67 ปี


   เทคนิคง่ายๆ คือ การเดินนั้นเอง มีคำแนะนำของหมอหลายคนบอกว่า คนที่เดินมากๆ นอกจากจะทำให้ไม่อ้วนแล้ว ยังทำให้อายุยืนอีกด้วย เพราะตามสถิติแล้ว คนอ้วนจะอายุสั้นกว่าคนผอม


   การเดิน เป็นการทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว เหตุที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีตีน หรือเท้าก็เพื่อไว้ให้เดิน เดินมากเท่าไหร่ ก็แข็งแรงเท่านั้น ไม่ได้สร้างมาให้นั่งรถ


   มีคำแนะนำหนึ่งว่า หลังกินอาหารแล้ว อย่านั่ง ให้เดิน เพื่อให้ลำไส้เคลื่อนไหว ถ่ายท้องได้สะดวก


      สำหรับคนที่มีอาการท้องผูก มีตำราหนึ่งแนะนำว่า ตื่นเช้าขึ้นมา ให้ดื่มน้ำแก้วใหญ่ๆ แล้วเดินไปเดินมาในบ้าน เพื่อให้ลำใส้เคลื่อนไหว ถ่ายสะดวกนั่นเอง


  เราสามารถที่จะเดินได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งในช่วงของการทำงาน และช่วงเวลาอื่นๆ อยู่ที่ว่า เราจะเดินหรือไม่

 ถ้ายังเดินได้ ให้เดินกันเถอะ ถ้าถึงวันที่เดินไม่ได้ แล้วอยากจะเดิน จะได้ไม่เสียดายโอกาสในชีวิต

ฝากวิดีโอปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพให้ชมกัน


ข้อคิดจากโคราช เติมพลังใจ + พลังจิต คิดบวก

         มีหลายเรื่อง หลายเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนมักจะมองโลกในแง่ร้าย แง่ลบ แล้วเกิดความรู้สึกที่บั่นทอนกำลังใจของตนเอง ทำให้หวาดกลัวเิกินเหตุ ในการไปประชุม อบรม ทำกิจกรรมต่างๆ จึงมักจะมีการสร้างพลังใจ พลังจิต และให้คิดบวก เพื่อให้กิจกรรมนั้น ดำเนินไปตามเป้าหมายที่วางไว้

        แต่ทว่า หลายคนเมื่อกลับมาจากการอบรมก็ยังคงคิดลบ เช่นเดิม ตามความคุ้นเคยที่ติดตัวมา

        ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปอบรมไปเติมพลังใจ พลังจิต คิดบวก แต่ก็ีข้อคิดดีๆจากโคราช ที่ถูกส่งต่อมาให้อ่าน  กับข้อความ 4 บรรทัดนี้


      1.รู้จักตนเองทุกมิติ ทั้งทาง กาย จิต สังคม

      2.รู้จักปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตื่นตัวอยู่เสมอ
      3.รู้จักปลุกพลังจากข้างในยืนหยัดได้ด้วยตนเอง
      4.เตรียมพร้อมเสมอเมื่อมีโอกาสดีดีที่จะเข้าในชีวิต
      ที่มา http://www.gotoknow.org/blog/kmanamai5/462666

      เป็นแนวทางเตือนสติที่สามารถทำได้เช่นกัน

       มีคำแนะนำ วิธีการ เคล็ดลับเทคนิคต่างๆ มากมาย แต่หลายคน มักไ่ม่จำ ไม่เอามาทำกัน ลองทำสักอย่าง สักประเด็นดูละักัน เพื่อให้สิ่งดีๆเข้ามาสู่ชีวิตของเรา

คนดนตรี "ไม่รู้โน๊ต ก็ดังได้ "จริงหรือ

           รายการ Super Music ทางช่อง Super บันเทิง เปลวเพลิงแห่งโลกมายา รายการดนตรี ที่ให้ความรู้ทางดนตรีที่น่าชมอย่างมาก เสียดายที่ไม่ได้เผยแพร่ทางฟรีทีวี





          ...ไม่รู้ "โน๊ต" ก็ดังได้ พูดถึงเรื่องราวของทฤษฏีดนตรี เชื่อว่า ณ ปัจจุบันนักดนตรีหลายๆ คนเริ่มต้นจากการเรียนดนตรีด้วยตัวเอง หลายคนถึงตอนนี้เล่นกีตาร์ได้แล้ว แต่ก็ยังอ่านโน๊ตไม่ออก ไม่รู้ทฤษฏีดนตรีเลยแม้แต่น้อย เรียกว่าเป็นการเรียน และพัฒนาตนเองขึ้นมาจากการปฏิบัติมากกว่า ไม่เน้นทฤษฏี ก็เลยเกิดคำถามขึ้นว่าแล้วจริงๆ จำเป็นมั้ยที่จะต้องรู้โน๊ต รู้ทฤษฏีดนตรี เพราะเท่าที่เรารู้ศิลปินหลายๆ คนก็เขียนเพลงขึ้นมาโดยไม่รู้เรื่องดนตรีเลย เช่น ส้ม อมรา / น้อย พรู / กบ ไมโคร ฯลฯ เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างไร หาข้อสรุปใน Music Click... การหยิบประัเด็นมานำเสนอในรายการ น่าสนใจมากทีเดียว


ขอบคุณ ช่อง Super บันเทิง

จุดต่ำสุดคือ จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด..ณ จุดนี้ฟ้าลิขิตให้เธอสู้

        หลายช่วงจังหวะของชีวิตคน ที่พบกับ "จุดต่ำสุดของชีวิต"  จุดที่หลายคนไ่ม่อยากประสบพบเจอ แต่อะไรก็เกิดขึ้นในจังหวะชีวิตได้ทั้งนั้น

      "จุดต่ำสุดของชีวิต" ทำให้หลายคน ได้เริ่มต้นใหม่ พิสูจน์ธาุตุแท้ของตนเองว่า มีความเป็นนักสู้มากน้อยเพียงใด หรือ ถอดใจยอมแพ้ ทุกอย่าง

        ในยามที่ถึงจุดต่ำสุดของชีวิต หลายคนสับสน วกวน ทุกข์ระทม มีคำถามมากมายว่า จะทำอย่างไรต่อไป คนที่เคยหวังว่า จะเป็นที่พึ่ง จะคอยช่วยเหลือ กลับไม่เป็นอย่างที่คิืด

       ณ จุดนี้ ทำให้หลายคน คิดสั้นๆ คิดจบทุกอย่างด้วยความตาย หรือ หนี 

       แต่ ณ จุดต่ำสุด เราจะพบคนๆหนึ่งที่สำคัญที่สุด คนๆนั้น คือตัวเราเอง

       จุดต่ำสุด เป็นจุดเริ่มต้นให้คนเราได้ปีนขึ้นไป ในขณะที่คนที่อยู่จุดสูงสุด หลายคนใ่ช่ว่า จะมีความสุขมากนัก อาจยิ่งทุกข์กว่าเดิม หลายคน หาทางลงจากจุดสูงสุด แต่ไม่รู้จะลงมาอย่างไร

       ถ้าคิดย้อนกลับไปถึงตอนเริ่มต้นจริงๆ คือ เริ่มต้นชีวิต หรือ ตอนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ตอนเกิดมา ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ตอนตายก็ไปตัวเปล่าๆ  ถ้าไม่ยึดติิดให้มากนัก จะทำให้สบายใจ และพร้อมเริ่มสู้ใหม่อีกครั้ง

      หลายคนมองวิกฤติให้เป็นโอกาส ณ จุดต่ำสุด เราอาจจะได้สัมผัสกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยมองข้ามไป ต้องกินอาหาร ต้องไปติดต่อกับผู้คนในอีกสังคมหนึ่งที่ไม่เคยติดต่อสื่อสารกันเลย ต้องปรับตัวเองใหม่ ทำให้รู้ตัวว่า อะไรที่เกินไป ขาดไป จะได้แก้ไขให้สมดุล เหมาะสมกับวัน และเวลานั้นๆ



       มาฟังเพลง "จุดต่ำสุด" กันบ้าง ผลงานของ พี่ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ จากชุด หัวโบราณ  เป็นเพลงที่ให้กำลังใจที่ดีอีกเพลงหนึ่ง



".....ถ้าจุดนี้ ที่เธออยู่ ต่ำสุดที่เจอในชีวิต
ณ จุดนี้ฟ้าลิขิตให้เธอสู้
ถึงจะพลาดจะพลั้ง ล้มลงอีก
ต่ำก็เท่าเดิม เธอคงรู้
ถ้าชนะได้ขึ้นสู่ ผู้ไม่แพ้ จะไปแคร์อะไร

ใช้ศรัทธาที่มีอยู่ในหัวใจ ลุกขึ้นยืนอีกทีสู้ใหม่
หมดหัวใจทุ่มไปให้พอ ใช้สมองที่มีอยู่ในหัวเรา
คิดหาทางอีกทีเรื่องเก่า คราวนี้เราไม่ยอมนั่งรอ
ฮู   ทุกข์รุนแรงเพียงใด เชื่อว่ามีทางไปทำใจให้ดี

Steve vai - For The Love Of God! เราอาจจะเป็นมนุษย์ แต่เราก็ยังคงเป็นสัตว์!!

         หาเพลงโปรดที่เคยฟังเมื่อหลายปีก่อน มาฟังอีกครั้ง นั้นคือเพลง For The Love Of God! ของSteve Vai  หรือ Steven Siro Vai  มือกีต้าร์เทพชาวอเมริกัน-อิตาเลี่ยน ที่เป็นขวัญใจชาวร็อค ด้วยฝีมืออันเเพรพราว และการ Entertain ซึ่งเพลง For The Love Of God! ซึ่งอยู่ในอัลบั้มที่มีชื่อว่า Passion and Warfare อัลบั้มแห่งประวัติศาสตร์ของโลกกีตาร์ในยุค'90 ...เป็นการแจ้งเกิดจุติให้ใครหลายๆคนได้รู้จัก เขาในฐานะเทพเจ้ากีตาร์ และเพลงนี้ เป็นเพลงเด่นในอัลบั้มชุดนี้

          เพลงนี้ ถือเป็นสุดยอดของเพลงบรรเลงโซโล่กีตาร์เลยทีเดียว  ดู MV เพลงนี้แล้ว ให้ข้อคิดหลายอย่าง แต่ช่วงปิดท้ายของเพลง ทิ้งท้ายด้วยข้อความเด็ดๆว่า

      We may be human But we're still animals
     เราอาจจะเป็นมนุษย์ แต่เราก็ยังคงสัตว์





 


           ภาพใน MV มีหลากหลาย ทั้งศาสดา ในศาสนาต่างๆ แม้กระทั่ง ฮิตเลอร์ สงคราม และความวุ่นวายต่างๆ ที่โลกใบนี้ ยุ่ง วุ่นวาย สับสน ก็เป็นอย่างนี้แหละ

         มนุษย์ที่หมายถึงสัตว์ประเสริฐนี้ จะมีความประเสริฐจริงตามชื่อหรือไม่
แต่หลายสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้ประเสริฐตามคำที่ให้ไว้



        มาดูลีลาการเล่นสดในเพลงนี้กันหน่อย กับเทคนิคการเล่นกีตาร์ที่แปลกๆและเป็นเอกลักษณ์ของเขาจริงๆ เล่นสดแบบนี้ มันส์สุดๆ!!!






        กีต้าร์แนวRockแบบเมโลดี้สวยงามนอกจากJoe Satrianiแล้วคงจะไม่พลาดผลงานของมือกีต้าร์ระดับเทพผู้นี้

          Steve Vai โดดเด่นในฐานะของผู้ช่ำชองในการใช้เทคนิคการเล่นกีต้าร์แนวร็อค เขาเป็นสัญลักษณ์ของการบุกเบิกสไตล์การเล่นแปลกๆและเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าการศึกษาดนตรีสามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร

จดหมายถึงพี่ชายที่ (เคย) เคารพ รัก และศรัทธา

         เห็นข้อมูลในรูปข้างล่างนี้แล้ว ทีแรกก็งงเหมือนกัน แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ สำหรับผมแล้ว จากการที่ได้พบเจอ ได้ร่วมงานกัน ได้เห็นความมุ่งมั่น อุดมการณ์ ความตั้งใจหลายอย่างแล้ว รู้สึก รัก เคารพ และศรัทธา เหมือนพี่ชายอีกคนหนึ่ง โดยเฉพาะความตั้งใจที่จะทำสิ่งดีๆเพื่อพ่อหลวงของเรา




          นายบอนเจอพี่ชายที่เคารพ เจอตัวจริงๆครั้งแรก ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2554 พี่ชายมาร่วมกิจกรรมกับชาวกลุ่มที่มีความตั้งใจทำสิ่งดีๆเพื่อพ่อหลวง หลายครั้งแอบยิ้ม และโล่งใจกับพี่หัวหน้ากลุ่มนั้น ที่ได้คนดีๆมาช่วยงาน และในช่วงที่จัดกิจกรรมในช่วงก่อนวันแม่ 12 สิงหาคม พี่ชายได้ชักชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ มาร่วมกิจกรรมกันอย่างมากมายและอบอุ่น มาช่วยเติมเต็มกิจกรรมในวันนั้น ให้สำเร็จทะลุเป้าหมายที่วางไว้ ท่ามกลางเสียงชื่นชมมากมาย และเป็นพลังที่ขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมที่ดีๆตามมา

         แต่ผมก็เอะใจ ที่มีคนมาถามว่า พี่ชายเป็นคนยังไงกันแน่ ทั้งคนที่เคยเจอพี่ คนที่ให้สร้อยหิน คนที่ไปร่วมกิจกรรมช่วงในวันแม่ หลายคนที่รู้จักใน facebook นายบอนก็ช่วยชี้แจง ให้ข้อมูลว่า พี่ชายเป็นคนดีจริงๆ พยายามชี้แจงให้คนที่สงสัยเข้าใจและรู้จักกับพี่ชายในด้านที่นายบอนได้เห็น เอาคลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้ ส่งให้เขาได้ดู ว่าพี่ชายพูดยังไง คิดยังไง ตอนที่ร่วมกิจกรรม พี่ชายมีความตั้งใจ มุ่งมั่น ขนาดไหน คนที่สงสัยจะได้มองพี่ชายในมุมที่ดีขึ้นบ้าง

         แต่หลายวันผ่านไป เรื่องราวหลายเรื่องของพี่ชายก็มีออกมาเรื่อยๆ นายบอนไม่รู้ว่า จริงหรือไม่ แต่ทำไมเรื่องที่ไม่ดีๆ ถึงมีออกมาเรื่อยๆ เมื่อลองสอบถามหลายคนที่นายบอนรู้จัก คุ้นเคย หลายคนพูดถึงพี่ชายในแนวเดียวกัน ทั้งๆที่หลายคนที่ถาม ไม่รู้จักกัน อยู่คนละกลุ่ม แต่กลับตั้งข้อสงสัยในตัวพี่ชายในแนวเดียวกัน

       เมื่ออยากรู้ความจริงเป็นยังไง ก็สอบถาม ตามอ่าน ไปเรื่อยๆ เมื่อมาเห็นข้อความที่พี่ชาย เขียนถึงผม โดยมารยาทแล้ว เมื่อผู้ใหญ่ทักท้วงอะไรมา ผู้น้อยก็ต้องรับฟังและชี้แจง เมื่อพี่ชายเขีนนข้อความถึงนายบอน ใช้คำว่า  "จึงเรียนมาให้ผู้ที่เขียน blog นี้เพื่อทราบ ขอบคุณ" นายบอนก็ต้องขออนุญาต กราบเรียน ชี้แจงสิ่งที่พี่ชายเขียนมา ส่งไปบ้าง ด้วยความเคารพ รัก และศรัทธาในตัวพี่ชายครับ


    "S D....ผมไม่ทราบว่าคุณคิดอะไรและทำเพื่ออะไรที่เขียน blog นี้ขึ้นมา แต่ก็ขอบคุณผมจะได้เอาสิ่งที่คุณคิดว่าผมมองคนอื่นว่าเป็นแดงนั้น ผมจะได้ให้ทุกคนดูว่าคนที่อ้างตัวว่าเก่ง ฉลาด มีจารียธรรมเค้าด่าผมยังไง แล้วคำพูดแบบนี้ก็มีแต่พวกแดงเท่านั้นที่พูดกัน เพราะเห็นจากคำด่า ผมจึงเดาว่าเป็นแดง แต่พวกเค้าจะเป็นอะไรมันไม่ใช่ธุระของผมที่จะต้องไปรู้ จึงเรียนมาให้ผู้ที่เขียน blog นี้เพื่อทราบ ขอบคุณ"


        ขอตอบในแต่ละประเด็นเลยนะครับพี่ชาย

S D : ผมไม่ทราบว่าคุณคิดอะไรและทำเพื่ออะไรที่เขียน blog นี้ขึ้นมา

นายบอน : ผมก็เขียนแสดงความคิดเห็นของผมเท่านั้น จะผิดหรือถูกผมไม่รู้ ถ้าผิดไป พี่ชายก็ช่วยชี้แจงให้ผมตาสว่างด้วยนะครับพี่
   

S D : แต่ก็ขอบคุณผมจะได้เอาสิ่งที่คุณคิดว่าผมมองคนอื่นว่าเป็นแดงนั้น ผมจะได้ให้ทุกคนดูว่าคนที่อ้างตัวว่าเก่ง ฉลาด มีจารียธรรมเค้าด่าผมยังไง

นายบอน : ผมอยากให้พี่ชายช่วยชี้แจงให้ตรงประเด็นดีกว่าครับว่า ตรงไหนที่ผมผิด ผมจะได้แก้ไข ผมไม่เคยบอกว่า ผมเก่ง ฉลาด หรือมีจารียธรรมยังไง

       ก็เหมือนกับที่ผม (เคย) เคารพ รัก และศรัทธาในตัวพี่ชาย เพราะผมเห็นในสิ่งที่พี่ชายทำ เห็นในตอนที่ร่วมทำกิจกรรมเพื่อพ่อหลวงด้วยกัน แล้วพี่หัวหน้ากลุ่มและสมาชิกหลายท่าน ก็ชมว่า พี่ชายเป็นคนเก่ง มีความสามารถหลายเรื่อง ฉลาด มีคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม  เท่าที่ผมรู้จัก พี่ชายก็ไม่เคยอ้างตัวว่า ตัวเองเป็นแบบนั้น แต่คนอื่นๆ เป็นคนบอกว่า พี่ชายเป็นคนแบบนั้น สำหรับนายบอนแล้ว คนอื่นๆก็คงจะบอกพี่ชายว่า นายบอนคงจะเป็นคนอย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่นายบอนก็ไม่แน่ใจว่า ตัวเองจะดีถึงขนาดที่คนอื่นยกย่องหรือเปล่า รู้แต่ว่า เป็นคนธรรมดา เดินดิน กินข้าวแกง ชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็ด่า ก็เท่านั้น

S D :  แล้วคำพูดแบบนี้ก็มีแต่พวกแดงเท่านั้นที่พูดกัน เพราะเห็นจากคำด่า ผมจึงเดาว่าเป็นแดง

นายบอน :  นายบอนได้ยินใครหลายคนในทีมงานของพี่ ชี้บอกว่า คนนั้นเป็นแดงหรือเปล่า ตอนแรกผมก็เชื่อ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทีมงานของพี่ชายบอกว่า คนที่ผมรู้จัก เค้าเป็นแดง ซึ่งเป็นคนที่ผมรู้จักดีมากๆ เขาเกลียดคนเสื้อแดงมากๆ โดนคนเสื้อแดงข่มขู่ คุกคาม ตามด่ามาตลอด แล้วพี่ชายไปบอกว่า เขาคนนั้นเป็นพวกแดง แล้วผมจะเชื่อใครดีล่ะ ผมถามเค้าแล้ว เค้าบอกว่า ไม่ได้คุยกับพี่ชายมากนัก ไม่เคยเจอตัวจริง ไม่ได้ร่วมงานกันจริงๆ ถ้าเทียบกันแล้ว เขารู้จักนายบอนมากกว่าพี่ชายซะอีก เพราะเจอกันบ่อย คุยกันบ่อย ไปชุมนุมด้วยกันบ่อย แต่พี่ชายกลับรู้จักเขาคนนี้ ดีกว่านายบอนซะอีก แล้วบอกว่า เขาเป็นพวกแดง !!!

แล้วผมจะเชื่อพี่ชายดีมั้ยครับ

ตอนที่มีคนสงสัย และถามว่าพี่ชาย เป็นคนยังไงกันแน่ นายบอนพยายามอธิบาย เอาคลิปวิดีโอที่เคยถ่ายพี่ชายให้เขาดู หลายช็อต เมื่อสงสัยอะไร ผมไม่เคยเดามั่วๆนะครับ ต้องมีข้อมูล หลักฐานที่ชัดเจน แต่ที่พี่บอกว่า "เพราะเห็นจากคำด่า ผมจึงเดาว่าเป็นแดง "  ........... นี่พี่ชายเดาเอาเองหรือครับ หรือมีหลักฐานที่ชัดๆ น่าจะเอามาให้ดูกันบ้าง ขนาดนายบอนยังมีวิดีโอของพี่ชายในหลายช่วงให้ดูเลย น่าจะเอาหลักฐานที่ชัดๆมาโชว์ดีกว่านะพี่ ถ้ามาเดามั่วแบบนี้ งานเข้าพี่ชายอีกเยอะเลย


S D :  แต่พวกเค้าจะเป็นอะไรมันไม่ใช่ธุระของผมที่จะต้องไปรู้

นายบอน : อย่างที่ผมว่าไป จะทำอะไรพูดอะไร ก็ต้องมีหลักฐาน แล้วรูปจับหน้าจอที่ผมเอามาแปะไว้ มันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ชายบอกเลยนะว่า "มันไม่ใช่ธุระอะไรของผมที่จะต้องไปรู้..." แต่พี่ชายเอามาด่า เอาไปเผยแพร่ ให้พรรคพวกของพี่ชายช่วยกันรุมด่า รุมว่า สารพัดความเห็น ทำไมสิ่งที่เขียนบอก กับสิ่งที่ทำ มันสวนทางกันละครับพี่ชายที่(เคย) เคารพ รัก และศรัทธา


S D : ...จึงเรียนมาให้ผู้ที่เขียน blog นี้เพื่อทราบ ขอบคุณ

นายบอน : ความจริงแล้ว บันทึกที่พี่ชายอ้างถึง จะมีช่องให้เขียน comment ไว้ด้วยนะหลายคนก็เข้าไปเขียนข้อความทิ้งไว้ เพื่อส่งถึงผมโดยตรง ที่พี่ชายบอกว่า ...จึงเรียนมาให้ผู้ที่เขียน blog นี้เพื่อทราบ  แล้วทำไมไม่เอาข้อความมาโพสต์ให้ผมโดยตรงละครับ ทำไมสิ่งที่เขียนบอก กับสิ่งที่ทำ มันสวนทางกันละครับพี่ชายที่(เคย) เคารพ รัก และศรัทธา!!!!

           ตั้งแต่ปี 2549 ผมเขียน blog ที่ mblog ในแวบผู้จัดการ ในช่วงนั้น ก็เขียนด่าคนเสื้อแดง แบบเปิดตัวกันไปเลย พี่น้องเสื้อแดงก็เอาไปด่าในเวบของพวกเค้า หลายคนตามมาด่าในช่องเขียนความคิดเห็น ผู้ดูแลเวบไซต์ต้องคอยกรอง คอยลบข้อความที่ล่อแหลมอยู่เรื่อยๆ เหมือนกับเพื่อนๆที่เขียน blog อีกหลายคน สำหรับจดหมายฉบับนี้ ผมก็ตั้งใจที่จะเรียนถึงพี่ชายโดยตรง หวังว่า พี่คงจะเข้ามาเขียนตอบ ส่งข้อความถึงผมโดยตรงนะครับ นอกจากจะเอาไปเผยแพร่ให้ทีมงานของพี่ชายช่วยกันรุมขยี้ กระทืบ สับแหลก ด่าว่า ฯลฯ แล้วน่ะ อย่าลืม ส่งข้อความมาถึงผมโดยตรงด้วยครับ ขนาดคนเสื้อแดงที่เคยเคารพ รัก และศรัทธา เค้ายังกล้าเขียนข้อความถึงนายบอนโดยตรง แต่สำหรับพี่ชายที่(เคย) เคารพ รัก และศรัทธา คงจะให้คำชี้แนะ คำตอบสำหรับน้องชายคนนี้ เพื่อจะได้แก้ไขปรับปรุงตัวเองให้ถูกต้องเหมาะสมต่อไปนะครับ


           พี่ชายเขียนอะไรมา ผมก็จะตอบพี่ทุกประโยค ทุกคำถาม ทุกประเด็นนะครับ เพราะผมถือว่า พี่เป็นพี่ชายที่(เคย) เคารพ รัก และศรัทธา ถ้ามีเวลา ผมจะหยิบคลิปวิดีโอที่เคยถ่ายพี่ชายไว้ เอามาให้ดูกัน บางที พี่ชายอาจจะหลงลืมสิ่งดีๆ คำพูดดีๆที่พี่ชายเคยพูด และเคยทำมาแล้ว คลิปวิดีโอของพี่ชายที่ผมมีน่ะ ดีๆทั้งนั้น ถ้ามีเวลา ผมจะเอาแต่ละช็อตของวิดีโอในวันวาน แล้วเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มาแปะเทียบกัน เผื่อว่า พี่ชายจะจำได้บ้างว่า พี่ชายก็มีสิ่งที่ดีๆ มีอุดมการณ์ ความตั้งใจ ความมุ่งมั่นที่ดีๆเช่นกัน เสียดาย ที่พี่ชายหยิบเอาสิ่งที่ไม่ดี ออกมาใช้มากเกินไปหน่อย


          ผมนึกถึงคำพูดคำนึง ที่พี่ชายเคยพูดไว้ และอัดวิดีโอไว้ด้วยนะครับ พี่ชายยกตัวอย่างถึงพ่อหลวง และบอกให้หลายคน ยึดเอาพ่อหลวงของเราเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อชีวิต แล้วพี่ชายล่ะครับ ลืมในสิ่งที่เคยบอกกับหลายคนแล้วหรือ

         ไม่ว่าจะนานแค่ไหน จะรอฟังคำตอบจากพี่ชายนะครับ


         ช่วงที่ยังไม่ตอบ ก็ฟังเพลงไปก่อนละกัน

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

แหล่งดาวน์โหลด Update ไฟล์โปรแกรม NOD32 Eset Offline Updates (Update Regularily) update for eset, eset nod update, nod eset update, eset 32 update,eset smart update,eset security update,eset smart security

           สำหรับคนที่ใช้โปรแกรม Eset NOD32 Antivirus System หลายท่านรู้วิธีการตั้งค่าให้ โปรแกรมดาวน์โหลดตัวอัพเดทมาแบบอัตโนมัติ บางท่านซื้อของที่ถูกลิขสิทธิ์ แต่หลายท่านก็อาศัยวิธีการดาวน์โหลดไฟล์โปรแกรมอัพเดท เพื่อให้   Eset NOD32  สามารถที่จะกำจัด block และ clean ไวรัสได้ทุกครั้ง


          หลายคนมักจะดาวน์โหลดไฟล์แบบ Offline  เพราะิิติดปัญหาที่โปรแกรมดาวโหลดไฟล์อัพเดทจาก Server ไม่สำเร็จบ้าง มีปัญหาบ้าง หรือสำหรับคนที่ไม่ได้ต่อเนต มีเวบหนึ่งที่หลายคนมักจะเข้าไปดาวน์โหลด คือ http://jkdramas.com/nodup/eset_v3_upd/  ซึ่งค้นหาเจอจาก Google แต่เวบแห่งนี้ จะแบ่งปันไฟล์ อัพโหลด โดยนำไปฝากไว้ที่ Ziddu.com ซึ่งบางครั้งก็ดาวน์โหลดได้ช้าบ้าง ขึ้นกับความเร็วของอินเทอร์เนตในบางช่วงเวลา






          วันนี้ก็หาดาวโหลดไฟล์มาอัพเดท ช้ามากๆ เลยลองหาเวบอื่นดูบ้าง ไปเจอเวบนี้  http://esetupdates4u.blogspot.com/ ซึ่งฝากไฟล์ไว้ที่ mediafire.com ซึ่งดาวน์โหลดได้ง่ายกว่า และ server น่าจะดีกว่า ziddu นะ








update for eset, eset nod update, nod eset update, eset 32 update,eset smart update,eset security update,eset smart security 






           ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น ยังมีความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่น่าสนใจตัวอื่นอีกด้วย แต่เป็นภาษาอังกฤษ ทีให้เข้าไปศึกษาหาเทคนิคความรู้ได้อีกด้วย


         สำหรับการอัพเดทไฟล์ Eset Offline Update ระหว่าง  http://jkdramas.com/nodup/eset_v3_upd/ และ  http://esetupdates4u.blogspot.com/  นั้น จะเอาไฟล์ที่อัพเดทมากกว่า มาให้ดาวน์โหลด เช่น ในวันที่ 25 ก.ย.54 เวบ esetupdate มีไฟล์เวอร์ชั่นที่ใหม่กว่า มาให้อัพเดทซะแล้ว สังเกตที่หมายเลขเวอร์ชั่น 6491 ที่เวบ esetupdates4u และ 6489 ที่ jkdramas



วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

รายการคุยจ้อกับรักพ่อภาคปฏิบัติ#2 เมื่อ 22 ก.ย.2554

            หลังจากรายการคุยจ้อฯ รายการเฉพาะกิจแบบไฮเปอร์ ตอนแรกเผยแพร่ออกไปเมื่อ 21 ก.ย.2554 หลายคนได้ข้อคิด กำลังใจ และคำแนะนำดีๆจากสุเวศน์ ภู่ระหงษ์หลายอย่าง ในการเตรียมสคริปรายการรักพ่อ #3 ที่จะทำการบันทึกในช่วงบ่ายวันนี้ (22 ก.ย.2554) เมื่อได้ดูข้อมูล ภาพกิจกรรมเพิ่มเติมของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติแล้ว .. รายการคุยจ้อกับรักพ่อภาคปฏิบัติ#2 ก็เกิดขึ้นทันที

          รายการในครั้งนี้ พูดถึงกิจกรรมต่างๆที่กำลังขับเคลื่อน 7-8 ประเด็น การพูดถึงคู่มือรักพ่อภาคปฎิบัติ, ความคิดเห็นต่อคำพูดของน้องขวัญ (Weewii Tgo) น้องเฟิร์นFern Tanida และกิจกรรมสำคัญที่จันทบุรี ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ เข้าร่วมได้อย่างเต็มที่ ติดตามฟังกันได้เลย



วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

6 Video เบื้องหลังการอัดเสียงรายการรักพ่อ #2

            หลังจากที่รายการ "รักพ่อ" รายการวิทยุที่ผลิตจากคนรักพ่อหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฎิบัติ เผยแพร่ออกไปแล้ว มีเสียงตอบรับและความคิดเห็นบางส่วนสะท้อนกลับมา และวันนี้ ได้เวลาในการผลิต รายการ "รักพ่อ" #2 ที่จันทบุรีอีกครั้ง ซึ่งหลังจากที่ได้นำไฟล์เสียงรายการรักพ่อไปให้หลายคนได้ฟังกันแล้ว ได้มีแนวทางหลายอย่างในการที่จะขยายผลของกิจกรรมต่างๆให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น ทั้งการนำรายการรักพ่อ ไปเผยแพร่ในสถานีวิทยุอีกหลายแห่ง และเผยแพร่ในหลายช่องทาง ทางคุณจอมได้รวบรวมข้อเสนอแนะต่างๆ มาให้ จึงทำให้การพัฒนารูปแบบรายการรักพ่อ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

             ในการอัดเสียงรายการรักพ่อ #2 ได้มีการปรับแบ่งเป็นช่วงต่างๆให้มีความชัดเจนของเนื้อหามากขึ้น นี่คือ วิดีโอตัวอย่างบางช่วงบางตอนของการบันทึกเทปการจัดรายการ รักพ่อ#2 





ช่วงการขับเสภา รอบแรก



ช่วงการอัดจิงเ้กิลเปิดรายการ



ช่วงคุยกันตอนเปิดรายการ



ช่วงการอ่านพระราชดำรัส



ช่วงลูกทำอะไรให้พ่อหลวง



ช่วงสุดท้ายของรายการ










photo

สคริปส์เปิดรายการรักพ่อ ที่คุณลุงเขียนไว้

photo

สคริปรายการทั้งหมดที่เขียนเป็น mind map แผนผังข้อมูล

photo

photo

บรรยากาศการอัดเสียง

photo

เขียนสคริปส์เพิ่มเติมในห้องอัด

รายการคุยจ้อถึงรักพ่อภาคปฏิบัติ 21 ก.ย.2554

          ในการทำงานด้วยจิตสาธารณะ การทำงานเพื่อเทิดพระเกียรติพ่อหลวง ซึ่งหลายคนต้องเสียสละทั้งเวลา ทุนทรัพย์ และหลายสิ่งหลายอย่าง เมื่อคนหลายคนมาร่วมมือร่วมใจกัน ในแนวทางและเป้าหมายเดียวกัน หลายครั้งที่เกิดปัญหา อุปสรรคหลายอย่าง เช่นเดียวกับ กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ ที่มีหลายเรื่องราวเกิดขึ้น ทั้งแง่บวกและแง่ลบ ผลงานชิ้นหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ คือ "รายการรักพ่อ" รายการวิทยุที่ถูกผลิตออกมาตามวัตถุประสงค์และแนวทางของ "รักพ่อภาคปฎิบัติ" 

           ในส่วนของผู้ดำเนินรายการ "คุณลุงสุเวศน์" ที่ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของชาวรักพ่อภาคปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความที่มีเป้าหมายตรงกัน อยากทำเพื่อพ่อหลวงเช่นเดียวกัน เมื่อทราบถึงปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้น ด้วยความห่วงใย จึงขอถ่ายทอดความรุ้ประสบการณ์และแนวคิดที่ดีๆ เพื่อการเติมพลังให้ชาวรักพ่อภาคปฎิบัติ ได้ก้าวเดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ และฝันไว้ร่วมกัน หลายสิ่งที่อยากจะบอกด้วยความรักความห่วงใย จึงเกิดรายการ "คุยจ้อถึงรักพ่อภาคปฏิบัติ" นี้ ขึ้นมา โดยหยิบประเด็นที่เกิดขึ้น มาวิเคราะห์ ถอดบทเรียน ให้ข้อคิดดีๆ เพื่อเติมพลังให้พวกเราได้ก้าวเดินไปอย่างมั่นคง


       หลายประเด็นที่ดูเหมือนเป็นหัวข้อที่ขัดแย้ง ยังหาข้อสรุปที่ลงตัวไม่ได้ ก็ถูกหยิบยกมาพูด ถามไถ่ในรายการพิเศษนี้ เรื่องราวของคุณจอม น้องขวัญ และอีกหลายคน ถูกหยิบมาพูดถึง อย่างแยบยลพร้อมเติมความหวังดี และกำลังใจที่มอบให้อย่างแนบเนียน ถามกันสดๆ ในช่วงเช้าวันที่ 21 กันยายน 2554 ก่อนการทำสคริปส์รายการรักพ่อ ตอนที่ 2 ที่มีความเข้มข้นอย่างคาดไม่ถึ



        ประเด็นหลักที่พูดคุยกัน อาทิ 

           .1. เรื่องราวการวิทยุที่กำลังจะเกิดขึ้น การขยายเครือข่าย เพิ่มช่องทางต่างๆ คุณลุงคิดเห็นอย่างไร ทำไมต้องจัดแค่ 50นาที ?
             2. การทำเรื่องราวรักพ่อภาคปฏิบัติไปออกตามสื่อต่างๆ เผยแพร่เข้าสู่โรงเรียนและรูปแบบกิจกรรมของนักพ่อภาคปฏิบัติ ควรทำอะไรเพิ่มเติม ประเด็นไหน ที่ลืมคิดกันไป

             3. ปัญหาการทำงานโดยที่ไม่มีคนรับผิดชอบในแต่ละส่วนของกิจกรรม ควรจะวางยุทธศาสตร์แบบไหน จะประสานความแตกต่างให้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร
             4. ชำแหละหลายประเด็นขัดแย้งอย่างแนบเนียน
             5. ติดตามฟังเอาเองละกัน ว่า คุณลุงพูดถึงใครบ้าง (อย่างแยบยล)


            เชิญคลิกฟังอย่างระทึก







     
     แล้วรายการคุยจ้อถึงรักพ่อภาคปฏิบัติตอนต่อไป จะโผล่มาแบบไม่ให้รู้ตัวครับ (แบบว่า อยากมาก็มา)

.................

ปฏิบัติการฝึกจิต 6 ชั่วโมงที่ บขส.กบินทร์บุรี

             เมื่อจะต้องเดินทางไปจันทบุรี นายบอนมักจะมาต่อรถที่โคราช วันที่ 20 ก.ย.54 มาถึงโคราชบ่าย 3 โมง ซึ่งมีรถไปจันทบุรี 15.30 น. แต่พอไปซื้อตั๋ว คนขายบอกว่า ไม่มีรถไปจันท์วันนี้ มีอีกทีช่วง 21.00 น. จะรอมั้ยล่ะ หรือจะต่อรถโคราช-ชลบุรี ไปรอที่ บขส.กบินทร์บุรีก็ได้ เดี๋ยวจะมีรถสระบุรี - จันทบุรี วิ่งผ่านมา ต่อรถไปจันท์ได้ เลยตัดสินใจขึ้นรถคันนั้นไป


          ดูเหมือนว่า วันนี้จะเป็นวันที่เจอรถโดยสารเสีย ต้องจอดซ่อม เมื่อขึ้นรถโคราช-ชลบุรี ออกมาถึงปักธงชัย ก็ต้องจอดแวะรับคนขึ้นรถที่รถจอดเสีย ตั้งแต่บ่ายโมง เป็นรถโคราช-ชลบุรีเหมือนกัน แต่ออกจาก บขส.เที่ยวบ่ายโมง แล้วมาจอดเสียที่จุดนั้น ผู้โดยสารยืนรอรถกว่า 3 ชั่วโมง เลยต้องขึ้นรถเที่ยว 15.30 น. เดินทางต่อไป รถมาถึงกบินทร์บุรี ตอน 17.40 น.


          มานั่งรอรถไปจันทบุรี รอ ร้อ รอ แต่ไม่มีสักคัน มีแต่รถไประยอง ชลบุรี ไปโคราช ไปอรัญประเทศ ที่แวะมารับผู้โดยสาร ทุกชั่วโมง ... มีคนที่จะไปจันทบุรีเหมือนกัน ถามคนที่สถานีขนส่ง ว่ามีรถไปจันทบุรีตอนไหนบ้าง เขาบอกว่า ถ้าไปรอรถที่ ขบส.สระแก้ว จะมีรถจากบุรีรัมย์ตอน 1-2ทุ่มไปจันทบุรี แต่ถ้ารอที่กบินทบุรี ก็จะมีช่วง 5 ทุ่ม 6ทุ่ม รอบดึกโน่นแหละ


         โห รู้งี้ เข้า กทม. ต่อรถไปจันทบุรีดีกว่า ไม่ต้องรอรถนานแบบนี้ แต่ทำไงได้ ตัดสินใจมาแล้ว ก็ต้องนั่งรอต่อไป เมฆฝนดำทะมึนมา แล้วฝนก็ตกลงมาหาใหญ่ นั่งมองฝนตกรอเวลาไป


          แม้จะนั่งรอ ร้อ รอ แต่ก็มีกิจกรรมทำอยู่ตลอด แล้วคนคุ้นเคยก็โทรมาถามด้วยความเป็นห่วงว่า ถึงไหนแล้ว มองดูผู้คนที่มารอรถ ทักทายนั่งเฝ้าของให้คุณยายท่านหนึง่ที่รอรถไปสระแก้ว พูดอีสานเหมือนกัน แล้วนั่งมองสาวๆที่มานั่งรอรถไปจัน ที่ดูแล้วก็น่ารักดี แต่เป็นแฟนของคนอื่น ได้แต่มอง ว่าแล้วก็คิดถึงคนที่เราคิดถึงดีกว่า


photo






           ฝนซาช่วง 2 ทุ่ม เลยเดินออกไปหาอะไรมาทาน นั่งมองผู้คนในสถานี จะเห็นคุณลุงท่านหนึ่ง ที่ถอดเสื้อแล้วหยิบไม้ถูพื้น ทำความสะดวกพื้นในบริเวณ บขส.กบินทบุรี ตั้งแต่ 2 ทุ่มครึ่ง ท่านค่อยๆถูพื้นตามบริเวณต่างๆ เรื่อยมาจนถึง 5 ทุ่ม ท่านทำงานของท่านอย่างแข็งขัน ในขณะที่ผู้โดยสารหลายคน ขึ้นรถจากไป แต่หลายคนยังอยู่ ได้แต่มองคุณลุงทำความสะอาด แล้วก็ไม่สนใจมากนัก


photo




photo




        ถูพื้นเสร็จ คุณลุงก็ลากถังขยะไปเทรวมกัน แล้วลากมาตั้งไว้ที่จุดเดิม จาก 2 ทุ่มครึ่ง เสร็จงานตอน 5 ทุ่มเศษๆ ทำอยู่คนเดียวอย่างแข็งขัน ท่านคงจะทำอย่างนี้ทุกๆคืน อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย


          ขอคารวะคุณลุงด้วยใจจริง ท่านอยู่เบื้องหลังความสะอาดของ สถานีขนส่งกบินทร์บุรีตัวจริง


           เมื่อต้องรอรถดึก และคงจะถึงจันทบุรีราวตี 2 ตี 3 ด้วยความเกรงใจคุณลุงสุเวศน์ เลยโทรไปบอกว่า คุณลุงไม่ต้องรอนะครับ เดี๋ยวผมไปนั่งรอที่ บขส.จันทบุรี จนถึงเช้าแล้วคุณลุงค่อยออกมารับก้ได้ จะได้พักผ่อนให้เต็มที่ แต่คุณลุงบอกว่า โทรมาเถอะ ตี 2 ตี 3 ก็จะออกไปรับ ตอนนั้น ตื่นได้ ซึ่งฟังแล้วประทับใจในน้ำใจของคุณลุงมากๆ


          รถจันทบุรีมาถึงตอน 23.40 น. ขึ้นรถแล้ว รถมาถึงจันทบุรี สี่แยกปากแซงตอน ตี 2.30 น. พอมาถึง อ.โป่งน้ำร้อน ไม่กล้าหลับเลย เพราะถ้าเลยแยกปากแซง แล้วไปลงที่ บขส.จันทบุรี คุณลุงต้องเสียเวลาขับรถเข้าไปในเมือง งั้นลงใกล้ๆบ้านดีกว่า แค่จะตื่นออกมารับตอนตี 2 ครึ่งก็ลำยากเหมือนกันสำหรับคนอายุ 67


         ถึงตัวอำเภอมะขาม ก็โทรหาลุง ท่านก็รับสาย บอกว่า เดี๋ยวจะไปรับที่แยกปากแซง พอมาถึงแยกปากแซง บอกคนขับให้จอด คนขับบอกว่า เลยแยกมาแล้ว โห เลยต้องเดินกลับมาที่แยกปากแซงง เราก็ง่วงเหมือนกัน นึกว่าจะลงตรงแยกพอดี แต่ก็เลยแยกจนได้


         คุณลุงขับรถออกมารับตอน 2.45 น. บอกว่า เคยมีประสบการณ์รอรถแบบนี้เหมือนกัน หลายขั่วโมง ตอนนั้นก็ฝึกจิต เดินจงกรมทำสมาธิ เจ้าของแผงขายอาหาร เห็ฯคุณลุงทำแบบนั้น เลยมีน้ำใจบอกว่า ให้คุณลุงมานั่ง นอนพักที่แคร่ในร้านก็ได้ เดี๋ยวรถมาจะปลุกเอง คุณลุงจึงออกมารับนายบอน เพราะเข้าใจสภาพของคนที่รอรถยามดึกๆ


        แล้วก็ให้ข้อคิดว่า เวลาที่รอคอย ก็สามารถพัฒนาจิตใจได้ แทนที่จะใจร้อน รอแต่รอให้ร้อนรุ่มวุ่นวาย ก็ใช้วิกฤติเป็นโอกาสพัฒนาจิตใจตนเองได้เช่นกัน

มิตรภาพจากพี่ชายคนนางรองกับรถแก๊สรั่่วที่บ้านไผ่

           ในการเดินทางแต่ละครั้ง ต้องพบกับเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดมากมาย ทำให้การเดินทางสะดุดไปบ้าง แต่นั่นเป็นรสชาติของชีวิตที่หาไม่ได้ในห้องเรียน เช่น การเดินทางเมื่อตอนสายวันที่ 20 ก.ย.2554 เมื่อนายบอนต้องขึ้นรถจากขอนแก่น ไปโคราช และนั่งรถแอร์โคราช ซึ่งวิ่งทำเวลา และถึงที่หมายเร็ว ขึ้นรถตอน 11.30 น. ขึ้นไปบนรถที่นั่งก็เต็มทุกที่ เจอพี่ชายคนหนึ่ง ยืนอยู่ และบอกว่า ที่นั่งเต็มแล้ว เลยยืนกับพี่เขา

          พี่ชายหันมาคุยด้วย บอกว่า มาจาก นางรอง จ.บุรีรัมย์ นั่งรถโดยสารจากนางรอง มาถึงโคราชตอนตี 3 แล้วต่อรถมาขอนแก่น มาหาหมอ และเอายาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ในอดีตเคยขับรถทัวร์ เชิดชัยทัวร์ สายเหนือ สายอีสาน และรู้เรื่องของรถทัวร์เป็นอย่างดี เมื่อเห็นรถทัวร์คันไหนวิ่งผ่าน พี่เขาสามารถบอกได้เลยว่า รถคันนี้ ใช้เครื่องรุ่นไหน วิ่งดีไม่ดียังไง คันไหนเครื่องวอลโว่ เครื่องเบนซ์ เครื่องแดวู ส่วนรถที่โดยสารมา ตัวถังเป็นเก่า

         พอรถวิ่งมาถึงกุดกว้าง คนเก็บเงินบอกว่า เดี๋ยวจะแวะเต็มแก๊สที่ปั้ม ให้ผู้โดยสารลงจากรถก่อน รอสักพักเติมแก็วเสร็จแล้วเดินทางต่อ นายบอนก็ลงจากรถ เดินตามพี่ชายจากนางรอง ลงมารอข้างล่าง พีเขาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง 

       "เห็นรถพ่วงคันที่จอดนั่นมั้ย ของ "สหชัยรุ่งเรือง" รับส่งขนสิ่งของไปทั่วประเทศเลยนะ บริษัทใหญ่มากๆ"
       "เห็นรถพ่วงของดับเบิ้ลเอนั่นมั้น ไม้ยูคา ดูดน้ำมากๆ เวลาดึงน้ำออก ได้น้ำเยอะจริงๆ"
      " รถที่เรานั่งมา มันจะเร่งเร็วมากก้ไม่ได้ เพราะเป็นรถแก๊ส ถ้าร้อนมากไป เดี๋ยวไหม้ทั้งคัน เวลาแก๊สรั่ว รถแก็สไหม้ ไม่ค่อยเป็นข่าว เหมือนสื่อพยายามปิดข่าวนี้"

       รถแอร์โคราช เติมแก๊สเสร็จ ก็เรียกผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วแล่นไปจนถึงอำเภอบ้านไผ มีผู้โดยสารลงไม่กี่คน ยังไม่มีที่นั่งว่าง คงต้องยืนไปจนถึงโคราชแล้วมั้ง ออกจากตัวอำเภอบ้านไผ่มาไม่กี่กิโลเมตร ก็ได้กลิ่นเหม็นๆในตัวรถ รถก็ค่อยๆชะลอความเร็วลง แหม วิ่งแบบนี้จะถึงโคราชกี่โมงวะ พี่ชายจากนางรองก็หันไปมองรอบๆ บอกว่า งานเข้าแล้วล่ะน้อง

        พอรถจอดข้างทาง พี่ชายจากนางรองบอกว่า รีบลงเลยน้อง พร้อมกับดันหลังให้รีบลงจากรถ แก๊สรั่ว มีสิทธิ์ไฟไหม้ได้ ผู้โดยสารทยอยลงจากรถ หลายคนวิ่งห่างออกไปไกลจากตัวรถ หันมาดูข้างรถ โห ควันพุ่งออกมา จากช่องที่เก็บถังแก๊ส ป้าหลายคน รีบวิ่งห่างออกไปไกลจากรถ หลายคนรู้ดีว่า ถ้าแก๊สรั่ว แก๊สระเบิด และไฟไหม้รถ จะเกิดอะไรขึ้น

      พี่ชายจากนางรอง ก็รีบบอกให้ผู้โดยสารที่ไม่รู้เรื่อง ให้ออกมาห่างจากรถ "อันตรายน้องๆ ออกมาให้ห่างๆเลย" เพราะพี่ชายเล่าให้ฟังตอนยืนอยู่บนรถ เคยเจอเหตุการณ์แก๊สระเบิดบนรถ ดูจากริ้วรอยบนแขน ร่างกาย ผ่านเหตุการณ์หลายอย่างในชีวิตมาเช่นกัน เรื่องเจอแก๊สระเบิด เขาก็เจอมาแล้ว

photo

จะเห็นควันขาวๆ พุ่งออกจากข้างรถ

photo



photo

        โฉมหน้าพี่ชายจากนางรอง

        หลังจากที่คนขับรถ และคนเก็บกระเป๋า รีบมุดใต้ท้องรถ เข้าไปหาสาเหตุ ก็พบว่า วาล์วรั่ว สายเชื่อมรั่ว แก๊สเลยพุ่งออกมา และระบบล็อกทำงานอัตโนมัติ ผ้าเบรคไหม้ จนเหม็นกลิ่นภายในรถ เวลาผ่านไป 20 นาที คนขับก็เรียกทุกคนขึ้นรถ ไปต่อได้แล้ว แต่มีคุณป้าหลายคน ไม่กล้าเสี่ยง เลยไม่ไปด้วย ยืนรอรถคันใหม่อยู่ข้างทาง ส่วนพี่ชายจากนางรอง ก็พานายบอนไปนั่งเบาะว่าง หลังคนขับ


           พี่เขามาหาหมอที่ขอนแก่น แล้วต้องไปเอายาให้พ่อ ที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา แล้วจะตีรถกลับนางรอง เย็นวันนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ได้เจอกันบนรถ แต่พี่เขาอัศยาสัยดีมากๆ เล่าเรื่องต่างๆในวงการรถทัวร์ให้ฟัง เล่าเรื่องเจ๊เกียว, รถพ่วงของเบียร์ช้าง ที่เมื่อวานขนสินค้ามากมายมาเข้าโกดังที่ขอนแก่น ที่พี่เขาบอกว่า มาเป็นร้อยคันรถพ่วง และอีกหลายเรื่องในวงการรถทัวร์ ที่ได้ความรู้มากมาย จากคนทำงานตัวจริงคนนี้


           เมื่อถึงโคราช นายบอนก็ออกมายืนกันทางเดิน ไม่ให้คนจากเบาะหลัง เรียงแถวออกมาก่อน กันทาง เว้นช่องให้พี่เขาออกมา จะได้ลงจากรถไวๆ พี่เขาเจ็บมือ เอามือซ้ายกุมมืออยู่ตลอด จะได้ลงจากรถไวๆ หน้าอกก็เจ็บเพราะเคยได้รับอุบัติเหตุหลายครั้งจากการขับรถ 


           ลงจากรถ เดินผ่านบริเวณตัวถังรถ ที่แก็สรั่ว ก็พยักหน้าให้ดูว่า เกิดเหตุตรงนี้แหละ ถ้าเลือกได้ อยากให้เลือกนั่งรถคันที่ใช้น้ำมันบริสุทธิ์ดีกว่า รถขับเร่งได้แรง เร็ว ปลอดภัยกว่ารถแก๊ส ที่เสี่ยงระเบิด แก๊สรั่วทุกนาที


           แล้วพี่ชายจากนางรองก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม รีบหารถไปโรงพยาบาลมหาราช ขอบคุณในไมตรีของพี่มากๆครับ

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

รายงานจำนวนบันทึกแบบอัพเดทใน 22 blog ของเครือข่ายคนรักในหลวง

        มีบันทึกที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับในหลวง และเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งในกลุ่มเครือข่ายคนรักในหลวง มี blog ต่างๆถึง 22 blog มีคำถามตามมาว่าแล้ว ณ วันนี้ แต่ละคน เขียนบันทึกไปแล้วเท่าไหร่ จะดูความก้าวหน้าได้อย่างไร เืพื่อจะได้ประเมินผลว่าแต่ละสัปดาห์ใครเขียนบล็อคไปแล้วเท่าไร จะได้เห็นว่าใครเขียนมาก ใครเขียนน้อย

       วิธีการง่ายที่สุด ก็คือ เข้าไปใน blog แต่ละแห่ง แล้วก็นับสิครับ ก็จะได้ข้อมูล แต่ทว่า มีหลาย blog ให้มานับทุกวันก็มึนเหมือนกัน และจะต้องหาเวลามากๆด้วย งั้นเอาแบบง่ายๆ เปิดดูปุ๊บ เห็นยอดรวมทั้ง 22 blog ทันทีว่า blog ไหน เขียนบันทึกไปแล้ว จำนวนเท่าไหร่ ทำได้โดยการวาง โค้ดลงไป

       จากการรันโค้ด ดูรายงานผล ซึ่งจะมีชื่อ blog ที่อยู่ blog ตามด้วย Total Posts คือ จำนวนบันทึกทั้งหมดใน blog นั้น และ Total Comments คือ จำนวนความคิดเห็นทั้งหมดใน blog แห่งนั้น ซึ่งการรายงานผลนี้ จะอัพเดทอยู่ตลอด เพราะดึงจำนวนยอดรวมของบันทึกจากแต่ละ blog มาแสดงผลนั่นเอง










1.Nlovetheking
http://nlovetheking.blogspot.com/




2.Nuch
http://nuchi19.blogspot.com//



3.Kornj
http://kornj.blogspot.com/


4.Warintirak
http://warintirak.blogspot.com/


5.เบญจพร กาญจนาภรณ์
http://ohokwan.blogspot.com/


6.Jeabgem
http://jeabgem.blogspot.com/


7.Weewiil
http://weewiiloveking.blogspot.com/


8.Nuttapon
http://nuttapon-c01.blogspot.com/


9.Maytrawadee
http://maytrawadee-scr.blogspot.com/


10.Tiprattaya
http://tiprathiriwat.blogspot.com/


11.SassyChat
http://sassymam.blogspot.com/


12.Ohayo
http://ohayo-tepoy.blogspot.com/


13.Por-Studio
http://por-studio.blogspot.com/


14.Flower of Sun..!!
http://sunflowerinheart.blogspot.com/


15.Chez J.
http://thisischez.blogspot.com/


16.Pandamongkorn
http://pandamongkorn.blogspot.com/


17.Sharkoakley
http://sharkoakley.blogspot.com/


18.Atfernsight
http://atfernsight.blogspot.com/


19.IJayki
http://ijayki.blogspot.com/


20.KobCrystal
http://kobcrystal.blogspot.com/


21.Phana Phrai
http://phanaphrai.blogspot.com/


22.CyberJom
http://cyberjom.blogspot.com/

+++++++++++++++++++++++++++++++++

ซอร์สโค้ดทั้งหมดสำหรับรายงานจำนวนบันทึก 22 blog ที่เห็น

รักพ่อภาคปฏิบัติ สำนึกแห่งความจงรักภักดีที่ไม่มีวันจางที่ศิริราช เมื่อ18 ก.ย.2554

         ยังคงเดินหน้ารวมพลังทำกิจกรรม รักพ่อภาคปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ทุกเช้าวันอาทิตย์ที่ ร.พ.ศิริราช  ความตั้งใจจริง ตั้งใจปฏิบัติที่มีความต่อเนื่อง ทำให้หลายคนเห็นความมุ่งมั่น ความตั้งใจจริง จึงทำให้มีประชาชนผู้สนใจ เข้าร่วมกิจกรรมรักพ่อภาคปฏิบัติมากขึ้นเรื่อยๆ

          วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2554 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่หลายคนเข้ามาร่วมแรงร่วมใจ หลายท่านร่วมสนับสนุนด้านกำลังทรัพย์ ทำให้ก้าวเดินต่อไปของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติมีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น

          มีบางคน มองด้วยความสงสัยว่า สิ่งที่กำลังร่วมแรงร่วมใจกันอยู่นี้ มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่า หรือ ทำตามกระแสอะไรอยู่หรือเปล่า หรือ หวังผลประโยชน์บางอย่างหรือไม่??

          ถ้าได้ไปเข้าร่วมกิจกรรม ไปพบเจอผู้คนที่มารวมตัวกัน หลายคนเดินทางมาเอง เสียค่าใช้จ่ายมาเอง มาด้วยสำนึกคุณแผ่นดิน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวงที่มีต่อปวงชนชาวไทย จนเกิดการรวมตัวทำกิจกรรมที่ชื่อว่า รักพ่อภาคปฏิบัติ


        เพียงแค่ มีสำนึกแห่งความจงรักภักดีเท่านั้นเอง ทุกคนก็มารวมตัวกันได้ เพราะทุกคน "รักพ่อ"


        และนี่คือ ภาพกิจกรรมที่ถูกนำมาร้อยเรียงเข้ากับบทเพลง "สำนึกคุณแผ่นดิน" กับหลายภาพบรรยากาศหลายอารมณ์และที่สุดแล้ว เมื่อเกิดสำนึกคุณแผ่นดิน ตามประราชประสงค์ของพ่อหลวง พระองค์ท่านจะทรงยิ้ม อย่างที่เห็นในช่วงท้ายของมิวสิควิดีโอชิ้นนี้




     สำนึกคุณแผ่นดิน     ที่อยู่กินนะพวกเรา
ทดแทนคุณเม็ดข้าว  ทุนเหนือเกล้าเจ้าแผ่นดิน

     สำนึกคุณแผ่นดิน     ให้แผ่นดินเพื่อแผ่นดิน
สำนึกทุกชีวินให้แผ่นดิน ถิ่นเกิดกาย

     อย่าทำร้ายแผ่นดิน  แผ่นดินพ่อแม่ของเรา
สำนึกคุณแผ่นดิน    แผ่นดินในหลวงของเรา

รายการ Happy Family ครอบครัวอุ่นรัก 18 ก.ย.2554

        หลังจากที่ไ้ด้ฟัง รายการ Happy Family ครอบครัวอุ่นรัก เมื่อ 17 ก.ย.2554 แล้ว เลยลองฟังครั้งที่ 2 ที่ออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ย.2554 โดย 2 ผู้ดำเนินรายการคู่เดิม ซึ่งเทปนี้ ได้มีการบันทึกเทปไว้ล่วงหน้า แต่เนื้อหายังคงเข้มข้นเช่นเดิม

       รายการแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ
        - สดใสวัยทีน คุยเรื่อง วัยรุ่น วัยเรียน วัยรัก
        - แบ่งรักแบ่งรู้ คุยเรื่องที่พ่อแม่ ควรทำความรู้จักกับลูกวัยรุ่นอย่างไร
        - ลูกไม้หลากสี  คุยเรื่องวัยรุ่นตั้งครรภ์ขณะยังไม่พร้อม จะหาทางออกยังไง

       ในรายการมีสปอร์ตดีๆ จาก สสส. และเปิดเพลงดีๆให้ฟังอีกด้วย  

       เบื้องหลังการทำงาน ดีเจพี่กัญ ในช่วงวันที่บันทึกเทปรายการ ได้จัดรายการหลายรายการ รวมทั้งรายการนี้ด้วย เรียกว่าต้องตั้งสติให้ดีๆ เพราะต้องพูดคุยในรายการที่บันทึกอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความสามารถเฉพาะตัว + ทีมงานที่เตรียมข้อมูลไว้ ทำให้รายการต่างๆมีเนื้อหาสาระที่น่าติดตามฟังทุกๆเทป




        รายการ Happy Family ครอบครัวอุ่นรัก 18 ก.ย.2554  เวลา 13.00-14.00 น.ทาง สวท.ชลบุรี FM 99.75 MHz ดำเินินรายการโดย พี่เอ๋ กนกพรรณ รัตนวิเวก และ พี่กัญ กัญจน์ภัสร สถลัชนันท์สกุล

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

เสน่ห์ของการฟังเพลงๆเดียวฟังซ้ำๆเป็นชั่วโมง กับเพลงคิดถึงที่สุด

         เดี๋ยวนี้มีเพลงใหม่ๆให้เลือกฟังมากมายหลายแนว มีให้เลือกฟังแบบไม่ซ้ำแนวเพลง แต่หลายคนยังชอบที่จะฟังเพลงใดเพลงหนึ่ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งเป็นความชื่นชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งความชอบฟังเพลงๆเดียว ซ้ำๆหลายรอบ ฟังเป็นชั่วโมง ก็ทำให้หลายคนหงุดหงิด รำคาญได้เช่นกัน ว่า ฟังอะไรกันนักหนา เพลงๆเดียว ไม่รู้จักเบื่อบ้างหรือ


        น่าคิดเหมือนกันว่า การนั่งฟังเพลงๆเดียว เปิดฟังซ้ำๆหลายๆรอบ ฟังเป็นชั่วโมง มันมีเสน่ห์ตรงไหน


        สำหรับผู้ที่ผลิตผลงานเพลง กว่าที่เพลงๆหนึ่งจะออกมาสู่ผู้ฟัง จะมีการปรับแก้ ร้องซ้ำในบางท่อน บางประโยคที่ฟังแล้ว ยังไม่ดีพอ หรือไม่ได้อย่างใจ บางเพลงต้องร้องซ้ำๆหลายสิบรอบกว่าจะผ่าน กว่าจะได้เพลงๆหนึ่งออกมาให้ฟังกัน คนร้อง ต้องร้องหลายสิบรอบ กว่าจะผ่าน


        แต่คนฟังหลายคน เปิดฟังไม่กี่ครั้ง ก็เริ่มเบื่อแล้ว  แถมยังมีเพลงใหม่ๆให้เลือกฟังอีกมากมาย


         คนที่ชอบฟัง เพลงหนึ่งเพลงใด เปิดฟังซ้ำไปวนมาหลายรอบ นั่งฟังทั้งชั่วโมง หลายคนที่อยู่ใกล้ๆอาจจะรำคาญ เบื่อ หงุดหงิด ที่ไม่ยอมเปลี่ยนไปฟังเพลงอื่นซักที แต่น่าแปลกที่คนที่นั่งฟังเพลงนั้นยังอดทนอยู่ได้


        ถ้ามองให้ลึกซึ้ง คนฟังเพลงๆเดียว วนหลายรอบ มีสมาธิและตั้งใจฟังอย่างมาก
   
         คนที่ฟังเพียง 1 รอบ กับคนที่นั่งฟัง 10-20 รอบ จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันมากมาย


         คนที่นั่งฟังถึง 20 รอบ โดยไม่รู้จักเบื่อ ถือว่า มีสมาธิจดจ่อกับเนื้อหาและดนตรีของเพลงที่ได้ยินนั้น เหมือนคนที่นั่งสมาธิ จดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ออก นั่งได้นานหลายชั่วโมง ขณะที่อีกหลายคน นั่งนิ่งๆแค่ 5 นาทีก็ยากเสียแล้ว คนที่มีสมาธิย่อมมองหลายสิ่งได้ลึกซึ้งมากกว่า


        การฟังเพลง 20 รอบ ก็ย่อมเข้าถึงอะไรได้มากกว่า คนที่ฟังรอบเดียว เนื้อหาที่ร้อยเรียงในบทเพลง ทำให้คนที่ตั้งใจฟังอย่างมีสมาธิ ตกผลึกความคิดได้หลายอย่าง เช่น เรื่องของความรัก บทเพลงรักหลายเพลง ให้มุมมอง และข้อคิดที่ดีๆหลายอย่าง อยู่ที่ว่า ใครจะสามารถตกผลึกความคิดได้มากแค่ไหน


         เพลงๆหนึ่ง อาจทำให้ใครบางคน นึกถึงใครคนหนึ่ง ส่งผ่านความคิดถึงไปตามทำนองและเนื้อร้องในบทเพลงนั้น 


        เพลงๆหนึ่ง ทำให้เราเข้าใจคนอื่นได้ ถ้าเปิดใจที่จะสนใจทำความเข้าใจในสิ่งที่คนนั้น กำลังใส่ใจสนใจอยู่


    อย่างเพลงๆนี้


        บางคนฟังแล้ว อาจรู้สึกเฉยๆ บางคนรู้สึกชอบ รู้สึกว่า เพราะมากๆ แต่บางคน รู้สึกมากกว่านั้น

          อย่างน้อยเป็นสิ่งที่จะบอกว่า จิตใจ หยาบ หรือ ละเอียดมากแค่ไหน....

จับมือลา... ประกอบภาพบรรยากาศ งานเรา....จะคิดถึงกัน ที่ชลบุรี

          ในงานเลี้ยง แสดงมุทิตาจิต แด่ผู้เกษียณอายุราชการ ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี มีการถ่ายภาพที่ระลึกภายในงานนี้หลากหลายมุม คุณเอ๋ เป็นอีกผู้หนึ่งที่ดูแลการจัดงานในครั้งนี้ ตั้งใจว่าจะรวบรวมภาพถ่าย ทำเป็นวีซีดีที่ระลึกมอบให้กับทาง สสจ.ชลบุรี จะเลือกใส่เพลงประกอบที่น่าประทับใจ เข้ากับงานที่จัดผ่านไป

           แต่เมื่อมาเปิดดูไฟล์เพลงที่มีในคอมพิวเตอร์ หาเพลงที่จะใช้ประกอบ ยากเหมือนกัน เพราะจัดแต่รายการวิทยุของวัยรุ่น เพลงที่มีก็เป็นเพลงที่วัยรุ่นชอบฟัง

          จะทำสิ่งใดให้ใคร ก็น่าจะเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับผู้รับ เมื่อจะทำซีดีให้ผู้เกษียณก็น่าจะหาเพลงที่เหมาะสมกับท่านเหล่านั้น
   
           มีหลายเพลงที่น่าจะใช้ได้ และเพลงหนึ่งที่นึกขึ้นมาได้คือ เพลงจับมือลา

          "....สุดสนุกสุขสนาน ไม่นานพลันก็จากไป จับมือกันเข้าไว้หัวใจเราไม่จากลา หมดเวลาลาแล้ว แล้วใจยังไม่อยากลา คิดถึงจะมาหา ไ่ม่ลาเธอตลอดกาล....."

        ชื่องานในวันนั้น ถูกตั้งชื่อว่า "เรา..จะคิดถึงกัน" อย่างน้อย ก็พอจะเข้ากับชื่อของงานอยู่บ้าง




        จับมือลา... ประกอบภาพบรรยากาศ งานเรา....จะคิดถึงกัน แด่ผู้เกษียณอายุราชการของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี 15 กันยายน 2554 ณ โรงแรมลองบีช การ์เดน พัทยา post by หสม.กรกนก มีเดีย


เมื่อฟังรายการทีนพลัส Teen Plus สวท.ชลบุรี เมื่อ 17 ก.ย.2554

         รายการวิทยุสำหรับกลุ่มวัยรุ่นที่น่าสนใจ มีเฉพาะที่สถานีวิทยุหลักๆ ที่สามารถจัดรายการที่มีเนื้อหาน่าสนใจและน่าติดตามฟัง ในขณะที่หลายสถานี มีแต่รายการเพลงเป็นหลัก สำหรับที่ สวท.ชลบุรี FM99.75 MHz http://radio.prd.go.th/chonburi/ เมื่อดูผังรายการแล้ว รายการ ทีนพลัส Teen Plus ซึ่งมีช่วงเวลาในการออกอากาศทุกวัน 22.10-24.00 น. รายการที่มีเวลาออนแอร์มากขนาดนี้ ถือว่าไม่ธรรมดาซะแล้วล่ะ

         คืนวันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2554 เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้ฟังรายการทีนพลัสแบบเต็มๆตลอดทั้งรายการ ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยเปิดฟังมาแล้ว ช่วงที่อยู่ จันทบุรี แต่วันนั้น ฝนตก ไฟตก  คอมพิวเตอร์ต้องบู๊ตใหม่ ลองเปิดอีกที ไม่มีทั้งภาพและเสียง คงจะเชื่อมต่อเพื่อฟังรายการไม่ได้ เลยได้ฟังเพียงสั้นๆ ไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก สำหรับคืนวันที่ 17 ก.ย.54 ก็เกือบจะเปิดฟังรายการสดไม่ได้อีกเช่นกัน ช่วงใกล้ 4 ทุ่ม พยายามเปิดเวบ สวท. ก็แล้ว เปิดฟังจาก windows media player ก็แล้ว แต่ไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย จนถึงช่วงการจัดรายการ โดย 4 ดีเจผู้ดำเนินรายการ ตอนนั้นจึงเปิดฟัง ได้ยินเสียงจาก สวท.ชลบุรี แต่คาดว่า คงจะเกิดขัดข้องทางเทคนิคบางอย่างทำให้เสียงที่ได้ยิน มันซ้อนๆกัน ไม่น่าฟังมากนัก ในช่วงนาทีแรกๆที่บันทึกไว้ และได้ยินจากในหน้านี้แต่เข้าสู่นาทีที่ 2 เสียงที่ได้ยิน ชัดเจน เป็นปกติ จึงสามารถติตตามฟังรายการทีนพลัสได้จนจบรายการ

          คืนนี้ มี 4 ผู้ดำเนินรายการ คือ สาด อาร์ม เจี๊ยบ และ พี่เอ๋ หัวหน้าใหญ่ ที่แวะเวียนมาจัดในคืนนี้เป็นพิเศษ ซึ่งดูการถ่ายทอดการจัดรายการผ่าน WEBCAM ซึ่งภาพที่ส่งมา ไม่ค่อยลื่นนัก เลยเห็นภาพในแบบกระตุก ผู้จัดรายการ เคลื่อนไหวแบบกระตุก เหมือนจะขยับเต้นๆ ซุกซนอยู่ตลอดเวลา

         ทีนพลัส เป็นรายการวัยรุ่นที่จัดได้มันถึงใจจริงๆ เนื้อหาหลักๆ นอกจากข่าวประชาสัมพันธ์แล้ว ยังนำเสนอเรื่องราวการท่องเที่ยว จ.สุราษฎรธานี กับข้อมูลที่แน่น แต่นำเสนอออกมาในแบบที่ฟังแล้วไม่หนักจนเกินไป ตอนแรกที่ดู+ฟังรายการนี้ เห็น 3 คนนั่งจัดรายการ ยังคิดเลยว่า ใช้คนเปลืองเกินไปรึเปล่า แต่นั่นกลับเป็นจุดแข็ง ทำให้บุคลิกของรายการดูซนๆ แบบวัยทีน น่าดูน่าฟังเลยทีเดียว

          การได้เปลี่ยนบรรยากาศมาฟังรายการที่ไม่เคยฟัง มาก่อน ถือว่าเป็นการหลีกหนีความจำเจได้เช่นกัน

         นั่งฟังๆไป เพลินจริงๆ รายการ 2 ชั่วโมง นึกว่าจะน่าเบื่อ แต่ฟังแป๊บเดียว เอ้า เข้าช่วงข่าวต้นชั่วโมงแล้ว ทำไมเวลามันไปไวจัง

           เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของรายการทีนพลัส ที่เป็นเอกลักษณ์คือ เสียงหัวเราะนี่แหละ หัวเราะกันไป ฟังเพลินๆ เอ้า หมดช่วงซะแล้ว นี่ถ้าให้เวลาจัด 3 ชั่วโมง ก็คงหัวเราะกันได้อีก ถ้าฟังแบบผิวเผิน เหมือนไร้สาระ แต่ฟังดีๆ เอ๊ย มีสาระดีๆให้ฟังตลอดเลย แต่เป็นความสามารถของผู้ดำเนินรายการ ที่จัดรายการอย่างแนบเนียน ใส่สาระในแบบที่เหมือนจะไม่มีสาระได้อย่างลงตัว

      "เอ๊ย ด่า หรือชมวะเนี่ย"
      "ฟังเอาเองดีกว่า สงสัยมากนักเดี๋ยวจะโดน Teen- พลัส เข้าให้"


เมื่อแม่ค้าตลาดสดทุ่งนาทอง ลุกขึ้นมาแดนซ์กลางตลาด ที่กาฬสินธุ์

        ยาม 8 โมงเช้า ถ้ามาเดินซื้อของที่ตลาดสดทุ่งนาทอง อ.เืมือง จ.กาฬสินธุ์ ใกล้ๆบ้านของนายบอน จะได้ยินเสียงเพลงลูกทุ่งคึกคัก จังหวะเร้าใจ และจะเห็นพ่อค้า แม่ค้า บางแผง จะขยับตัวตาม บางคนก็โยกเอว ส่ายสะโพก ทำท่าตามที่ผู้นำการออกกำลังกาย พาทำ กับการ ขยับกาย สบายชีวี แม้จะต้องทำมาหากิน ขายของในตลาด แต่ก็สามารถออกกำลังกายได้ด้วย

         เดินตามหา ผู้ที่พาแม่ค้าออกกำลังกาย เวทีอยู่ไหนหว่า ได้ยินแต่เครื่องเสียง เดินตามหา ก็เจอว่ายืนอยู่ตรงบันไดทางขึ้นชั้นสองของอาคารตลาด ยืนนำ ทำท่าออกำลังกาย พูดผ่านไมค์ลอย กระจายเสียงไปทั่วตลาด นี่เป็นอีกหนึ่งคนจิตอาสาที่ทำกิจกรรมยามเช้าที่ตลาดทุ่งนาทอง


KALASIN CAR FREE DAY 2011รวมพลคนจักรยาน วันปลอดรถ ลดโลกร้อน

        "เขาสิไปขี่จักรยาน สูบลมรถให้เขาแน..."
   
        เสียงคุณแม่ของนายบอน พูดกับพ่อในตอนเช้าวันนี้  พูดเป็นภาษาอีสาน บอกคุณพ่อให้ช่วยสูบยางรถจักรยานให้ เพราะแม่กำลังจะออกไปปั่นจักรยาน ในกิจกรรม KALASIN CAR FREE DAY 2011รวมพลคนจักรยาน วันปลอดรถ ลดโลกร้อน ที่นัดหมายรวมตัวกันที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่ 6.00 น. วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2554

        ช่วงเย็นเมื่อวาน 17 กันยายน 2554 คุณแม่โทรศัพท์ติดต่อกับบรรดาเครือข่ายชมรมผู้สูงอายุ ที่นัดไปออกกำลังกายกันเป็นประัจำ ให้ออกมาร่วมขี่จักรยานรณรงค์ในงาน KALASIN CAR FREE DAY 2011 เวลาที่มีกิจกรรมอย่างนี้ คุณแม่จะกระตือรือร้นมากๆ โทรไปชวนคนโน้นคนนี้ออกไปร่วมกิจกรรมด้วยกัน ดีกว่าอยู่บ้านอย่างเหงาหงอย แต่การได้ทำงาน ทำกิจกรรม คือ การเติมชีวิตชีวาให้กับตัวเองและคนรอบข้างด้วย

         หลายจังหวัด จัดกิจกรรม Car Free Day ที่กาฬสินธุ์ก็เลือกจัดในวันนี้ นายบอนเลยแว๊บออกไปเก็บภาพบรรยากาศงานวันนี้เอาไว้ด้วย




        นอกจากคนกาฬสินธุ์แล้ว ยังมีชมรมจักรยานจากจังหวัดใกล้เคียง ที่้เห็นในวิดีโอ มีมาจากมหาสารคาม และจังหวัดอื่นๆอีักด้วย และในงานนี้ ย่อมมีช่างภาพตามบันทึกภาพหลายมุม นายบอนก็บันทึกวิดีโอไว้ด้วย ทำเป็นข่าวส่งไป แล้วส่วนที่เห็นนี้ เอามาเผยแพร่ที่นี่อีกที่หนึ่ง
       
        ถือว่าเป็นวันเดียวในรอบปี ที่จะเห็นภาพ คนขี่จักรยานมากอย่างนี้

เมื่อได้ฟังรายการ Happy Family ครอบครัวอุ่นรัก สวท.ชลบุรี 17 ก.ย.2554

         หลังจากที่มีโอกาสได้ไปร่วมโครงการของ ชมรมวิทยุเด็กและครอบครัว จ.ชลบุรี เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2554 ได้รู้จักกับผู้ดำเนินรายการ หรือ ดีเจ หลายท่าน ได้ยินชื่อของรายการ Happy Family ครอบครัวอุ่นรัก ชื่อดี ฟังรูปแบบของรายการ เข้าท่า แต่ก็ยังไม่เคยฟังสักที จนกระทั่งมีโอกาสได้มานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ ในช่วงเวลาที่รายการ Happy Family ครอบครัวอุ่นรัก กำลังออนแอร์ ในวันเสาร์ อาทิตย์ 13.00-14.00 น. ก็ต้องลองนั่งฟังดูสักหน่อย เพราะสามารถฟังทางอินเตอร์เนตได้ด้วย โดยเข้าไปที่เวบของ สวท.ชลบุรี ค้นจาก google แล้วคลิกเข้าไป http://radio.prd.go.th/chonburi/ ก็สามารถที่จะฟังวิทยุออนไลน์ได้ทันที ถ้าเป็นช่วงที่รายการจัดสด จะมีภาพการจัดรายการให้ชมอีกด้วย

         แต่พอใกล้เวลาบ่ายโมง ลองเข้าเวบ เปิดฟังวิทยุ สวท ชลบุรี กลับฟังไม่ได้ ลองกดเข้าไปทุกลิงค์ที่มีให้กด ทั้ง webcam , ฟังวิทยุ On Mobile และ On AIR - Click ฟังวิทยุออนไลน์  ก็ไม่ได้ยินเสียงสักอัน เลยต้องพยายามหาวิธีฟัง งั้นลองฟังผ่านโปรแกรม Windows Media Player โดยการ ใส่ที่อยู่ OPen URL http://prd7online.prd.go.th:8012 สักพักเสียงก็มา ได้ยินกันแล้ว

           ความจริงแล้ว เมื่อเปิดหน้าเวบ สวท.ชลบุรี ก็สามารถฟังรายการได้ทันที แต่คอมพิวเตอร์บางเครื่องจะฟังไม่ได้ ถ้าไม่มี plug in บางตัว หรือ โปรแกรมรุ่นเก่า แต่คอมที่นายบอนใช้ เจอไวรัสบ่อยๆ ทั้งลบ ทั้งกำจัด ทั้ง block เลยมีปัญหาในการฟังวิทยุออนไลน์ของ สวท.ชลบุรีพอสมควร แต่เมื่อฟังได้ ก็ต้องนั่งฟังสักหน่อย

         ดีเจ หรือ ผู้ดำเนินรายการ Happy Family ครอบครัวอุ่นรัก นายบอนก็พึ่งเจอตัวเป็นๆทั้งสองคน เมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง ได้ยินทั้งสองคุยกันเรื่องการจัดรายการนี้แหละ เลยต้องตามฟังกันหน่อยว่า เวลาที่จัดรายการ เป็นยังไงกันบ้าง แต่จากประสบการณ์ ลีลาการพุดคุย มั่นใจได้ว่า เป็นรายการที่น่าฟังจริงๆ

        เปิดฟังไปด้วย นั่งทำงานไปด้วย แล้วยังเปิดโปรแกรมบันทึกเสียง อัดเสียงรายการไว้ฟังย้อนหลังอีกด้วย ซึ่งได้นำมาให้ฟังในที่นี้ด้วยแล้วทั้งรายการ

         ตอนเริ่มต้นรายการ เหมือนมีคนมาบ่นอะไรสักอย่าง พอฟังดีๆ เออ วิธีการเข้าสู่รายการ ทำได้เป็นเอกลักษณ์ดี เป็นเสียงสัมภาษณ์หลายๆคน ก่อนจะมีชื่อของรายการ และเพลงนำเข้าสู่รายการ
    ".....ที่ที่ฉันรู้ว่ามีความรักและความเข้าใจ จะมีที่ไหน ....ที่ดีเท่านี้  ที่ที่ฉันได้พบกับเรื่องราวที่มากมาย คือทีที่ฉันได้รู้ดีกว่าคนไหน ที่ที่ฉันได้พบคนที่รักฉันกว่าใคร  เป็นที่เดียวที่แสนอุ่นใจ เป็นที่เดียวที่แสนปลอดภัย ที่บ้านของเรา...."
       การเลือกเพลงประกอบ และการนำเข้าสู่รายการ ทำได้อย่างลงตัวทีเดียว เคยฟังหลายรายการ ที่เพลงแรกที่เปิด แต่ไม่ได้ส่งต่ออารมณ์ให้เข้ากับผู้ดำเนินรายการซะเลย แต่รายการนี้ ถือว่าทำได้อย่างลงตัว แถมยังเข้ากับเสียงของผู้ดำเนินรายการอีกด้วย

        นั่งฟังถึงจังหวะคำพูด และการออกเสียงของ 2 ผู้ดำเนินรายการกันบ้าง เสียงที่พูดสื่อถึงความตั้งใจในการพูด ต่างจากเวลาพูดคุยตามปกติ จะพูดรัวๆเร็วๆกว่านี้ แล้วทั้ง 2 พี่ดีเจ
 พี่เอ๋ กนกพรรณ รัตนวิเวก และ พี่กัญ กัญจน์ภัสร สถลัชนันท์สกุล ก็นำเข้าสู่เนื้อหาในช่วงต่างๆ ต้องยอมรับว่า ฟังเพลินจริงๆ

        บังเอิญในช่วงนั้น มีโทรศัพท์จากมิตรสหายโทรเข้ามาหารือหลายเรื่อง แต่เนื่องจากได้บันทึกเสียงไว้ด้วย เลยออกไปคุยโทรศัพท์อย่างสบายใจ แล้วก็มาฟังย้อนหลัง ส่วนนึงต้องชื่นชมในเนื้อหาที่นำเสนอ กับเรื่องของครอบครัว ที่ 2 พี่ดีเจ นำเรื่องราวใกล้ตัวมาบอกเล่าได้อย่างลงตัว เห็นภาพชัดเจน เข้าใจง่ายดี บอกอย่างนี้ หลายคนอาจทักท้วงได้ว่า ก็นายบอนรู้จักกับ 2 พี่ดีเจนี่นา เลยลองเอาไฟล์ที่บันทึกไว้ ให้คนที่ไม่รู้จัก 2 พี่ดีเจฟังมั่ง ว่า ฟังรู้เรื่องรึเปล่า และทนฟังได้จนจบรายการมั้ย

     " ดีว่ะพี่ เอามาจากไหนเหรอ ถ้ามีอีกเอามาให้ฟังอีกนะ  "
      "  คนจัดรายการอายุเท่าไหร่เหรอ เสียงน่ารักจัง เสียงน่าจะ 25 แต่ฟังจากเรื่องที่พูด น่าจะอายุซัก 40 ปี "


       แหม เดาว่า อายุตั้ง 40 เลยแฮะ ถ้าเจอตัวจริง เห็นรูปร่างหน้าตา ก็คงคิดว่า คงจะอายุประมาณนั้น แต่ความจริงแล้ว พี่ดีเจทั้งสอง อายุน้อยกว่านายบอน

      อย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ แม้จะเป็นรายการสำหรับครอบครัว แต่จัดรายการได้สนุก ฟังเพลินจริงๆ
   



      รายการ Happy Family ครอบครัวอุ่นรัก 17 ก.ย.2554  เวลา 13.00-14.00 น.ทาง สวท.ชลบุรี FM 99.75 MHz ดำเินินรายการโดย พี่เอ๋ กนกพรรณ รัตนวิเวก และ พี่กัญ กัญจน์ภัสร สถลัชนันท์สกุล

*** บ้าจริงๆ ยามสงบต้องตีกันเอง ...วันนี้ .... เกิดอะไรขึ้นกับเรา ***

         อยุธยาสิ้นก็เพราะแก่งแย่งอำนาจกัน ช่วงเวลานี้เลย ตั้งแต่ 14 กย เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน คือตอนที่พม่าตั้งทัพประชิดอยุธยาจนกรุงแตกในที่สุด
ชาวบ้านประมาณ 100,000 จาก 160,000 ถูกไล่ฆ่าเอาชีวิตไป (by Pinit)





เราร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน
@ ตั้งแต่ระบอบทักษิณ สมัคร สมชาย เราสู้ด้วยใจเป็นหนึ่ง
@ เหตุการณ์ 7 ตุลาที่เราต้องสูญเสีย พี่น้อง แก็สน้ำตา ให้กับตำรวจใจหมา
@ การตั้งพรรคกม ที่ธรรมศาสตร์ ท่ามกลางสายฝนหวังเพื่อจะมีพรรคการเมืองเป็นของเรา
@ การต่อสู่ เรียกร้อง สมัยอภิสิทธิ์ เรายืนหยัดในอุดมการณ์ ความถูกต้อง เราสู้เท่าที่เรามี แต่เรายืนหยัด
@ การเลือกตั้ง เราร่วมรณรงค์ เพื่อหวังสังคมจะตื่นตัว เพราะเรารู้ว่า ระบบมันแย่ และเลือกไป หน้าเหลื่ยมมันกลับมาแน่

@@ วันนี้ .... เกิดอะไรขึ้นกับเรา ??
@@ พี่น้องเอ้ยย .... มองภาพใหญ่ของเราเหอะ รวมตัวกัน รักและศรัทธาในพวกเรา ... ผมยังเชื่อในจิตใจของพี่น้อง เราขอโทษ และให้อภัย กันได้
@@ เรารอยู่บนภู ดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ของบ้านเมือง ข้างบนภูมันหนาว มีลมแรง มันหดหู่ ... ยังไงเราต้องเดินต่อ นะพี่น้อง  by Por


........ ข้อความที่อ่านเจอใน facebook ทำให้ต้องสะดุดไปครู่หนึ่ง จริงอย่างที่เจ้าของข้อความถ่ายทอดออกมา

หรือเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ที่จะต้องมีงานเข้า

        เรามีบทเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสามัคคี มากมายหลายเพลง และสามารถที่จะร้องตามได้อย่างคล่องปาก จำได้ขึ้นใจ หลายเพลงแต่งเนื้อร้องออกมาได้อย่างซาบซึ้งกินใจ แต่เพลงก็ยังเป็นแค่เพลง ไม่สามารถเปลี่ยนความคิด สะกิดเตือนใจคนไทยได้มากนัก

        วันนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเรา  นั่นสินะ หลายคนถามคำถามนี้ หลายครั้ง มีคนช่วยให้คำตอบที่น่าฟังหลายครั้ง แต่คนไทยก็ยังเหมือนเดิมคือ ยามสงบต้องตีกันเอง
แล้วก็ต้องมาบ่นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก...

       แล้วในยามสงบ คนไทยจะต้องต่อสู้ รบกันไปอีกนานแค่ไหน??

เพลงสู้ให้เป็น อัลบั้ม ทรงพระเจริญ..เพราะ....ชีวิตเรายังอยู่สู้ให้เป็น"

        "จะท้อแท้อ่อนใจไปใยเล่า
ชีวิตเราชาตินี้ยังมีหวัง....ชีวิตเรายังอยู่สู้ให้เป็น"

         ชีวิตคนเรา ต้องต่อสู้อยู่ตลอดเวลา คนที่ไม่สู้ คงจะมีคนที่หมดลมหายใจแล้วเท่านั้น
มีโอกาสได้ฟังเพลง สู้ให้เป็น อัลบั้บมเพลงของ มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ แม้แต่คนพิการยังต้องสู้ แล้วคนปกติที่พร้อม สมบูรณ์กว่าจะท้อแท้ได้ยังไงกัน

        เพลง สู้ให้เป็น ขับร้องโดย นก นันทวรรณ จากอัลบั้มเพลง ทรงพระเจริญ คำร้องโดย พ.ท.นเรศร์ จิตรักษ์ ดนตรีโดย ศรีนวล น้อยพันธุ์ มิวสิควิดีโอที่มีภาพของผู้พิการ ประกอบบทเพลงนี้ แต่ทุกคน ล้วนต้องสู้ให้เป็น




          เมื่อลองนั่งฟังเพลงนี้ เพลงนอกกระแสในตลาดวงการเพลงไทย เพลงที่หลายคนคงไม่เคยได้ยิน แต่เพลงนี้ ก็ให้ข้อคิดที่ดีๆเช่นกัน แต่สำหรับหลายคนอาจจะเฉยๆ หรือไม่สนใจที่จะฟังหรือดูเพลงนี้ ตั้งแต่เห็นภาพใน5 วินาทีแรก เท่านั้น

          หลายคนคุ้นเคย ชอบฟังเพลงรักหวานๆ เพราะๆ ที่โดนใจ และมองข้ามเพลง สู้ให้เป็น แต่เพลงๆนี้ก็เตือนสติ ให้ข้อคิดกับคนที่ตั้งใจฟังเพลงนี้เช่นกัน


        "พี่ชอบเพลงนี้ แล้วพยายามเขียนเชียร์ให้เค้าเหรอ"


          งานแต่ละชิ้น คนทำก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ แต่คนจะชอบมากหรือน้อยก็อยู่ที่รสนิยม ความคิด ทัศนคติของแต่ละคน แค่ลองเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ๆ ชีวิตเราก็ไม่จำเจแล้ว



         ท่านใดอยากได้ ชุดเพลง ทรงพระเจริญ ขับร้องโดย หรั่งร็อคเคสตร้า เพื่อเถิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไว้เป็นที่ระลึก ติดต่อได้ที่ มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ
http://www.wiriya.net

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

ข้อคิดจากฝ่ามือของคนล้มลุก แห่งขอนแก่น

          ร้านขายข้าวราดแกงที่โรงอาหารชาย หรือ โรงอาหาร2 ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ใกล้คณะเกษตรศาสตร์เป็นแหล่งที่ฝากท้องของนักศึกษาหลายคน รวมถึงยาม เจ้าหน้าที่ รปภ. และคนงานที่ทำงานในมหาวิทยาลัยอีกหลายชีวิต เพราะราคากับข้าวเป็นราคาของนักศึกษา เป็นที่พึ่งของคนยากหลายคนที่มีโอกาสเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้


          มีเจ้าหน้าที่ รปภ.ท่านหนึ่ง ที่มักจะมาสั่งข้าวราดแกงนั่งทานทุกมื้อ ยามดึกๆ ที่ร้านสวัสดิการของ รปภ. ก็จะเห็นเขามานั่งดูทีวียามดึก โดยเฉพาะในวันที่มีถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หลายคนได้พบเห็นพี่ รปภ.คนนี้บ่อยๆ รวมทั้งในวันที่นายบอนแวะไปนั่งกินมาม่า ยามดึกๆ ก็มักจะเจอพี่คนนี้อยู่เสมอ พี่เค้าดูเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ที่หลายคนให้ความสนใจคือ มีนักศึกษาหลายคน ยกมือไหว้พี่ รปภ.คนนี้ ในขณะที่นักศึกษาหลายคน เฉยๆ และมองด้วยสายตาแปลกๆ ว่า ในเมื่อพวกเขามีระดับการศึกษาที่สูงกว่า แล้วทำไมต้องยกมือไหว้ พี่ รปภ.คนนี้


          เคยมองดูสายตาของนักศึกษาที่มอง เพื่อนนักศึกษาที่ยกมือไว้ พี่ รปภ.คนนี้ด้วยสายตาเหยียดๆ แหม คนเราช่างวัดคุณค่าของคนที่ระดับการศึกษาเท่านั้นหรือ แต่ที่น่าสนใจมากกว่า พี่ รปภ.คนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจมากกว่า รูปร่างหน้าตาที่เห็นกัน วันหนึ่งไปนั่งกินมาม่ายามดึก ใกล้ๆกับที่พี่ รปภ.นั่งอยู่ มีน้องคนหนึ่งที่สนิทสนมกับพี่ รปภ.เข้าไปนั่งคุยข้างๆ เลยได้ยินทั้งสองคนคุยกัน


          "พี่ครับ ผมล่ะกลุ้มจริงๆ จะทำค่ายอาสาเดือนหน้า คนในชมรมมีคำแนะนำที่ดีมากๆ แต่ความจริง มีแต่คนพูด หาคนทำยาก มีแต่คนเสนอ แต่คนสนองไม่มีเลย แล้วก็มีคนที่อยากให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่คนทำงานจริงๆ มีแค่สองคนแบบนี้ก็แย่สิครับ สิ่งที่วางแผนไว้ ก็จะทำไม่ได้สักอย่าง น่าเสียดายโอกาสจริงๆ"


            "คนอื่นอาจจะไม่เห็นว่า คนทำงาน ทำอะไรบ้าง ถ้าไม่ได้ลงมือทำ ก็จะเอาแต่พูดอย่างนั้นแหละ"


           คำพูดง่ายๆของพี่ รปภ. ที่ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าคิดตาม ก็มีอะไรให้คิดอยู่เหมือนกัน"


           "การทำเพื่อส่วนรวม มันก็มีคนสนับสนุนอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้วครับ ....บางทีเงินนั่นแหละ คือปัจจัย และตัวกำหนดกิจกรรม"


          "อันนั้นเป็นเรื่องรอง เรื่องสำคัญ อยู่ที่หัวใจและฝ่ามือต่างหาก"








            แล้วพี่ รปภ .ก็หงายฝ่ามือที่หยาบกร้าน มือของคนทำงาน ทั้งหยาบทั้งแข็ง


           ชีวิตที่ผ่านมาหลายอย่างของพี่ รปภ. ชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลาน ผ่านอุปสรรคในชีวิตมามากมาย มีเพียงหัวใจและฝ่ามือเท่านั้น ไม่มีเงินทุนรอนใดๆทั้งสิ้น แต่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว สำหรับการฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต


         มีคำอธิบาย ปลุกปลอบให้กำลังใจอีกหลายอย่างที่พูดออกมาด้วยภาษาง่ายๆ แต่น้องนักศึกษาหลายคน เข้าใจในสิ่งที่ได้ยินนั้น หลายคนจึงยกมือไหว้ พี่ รปภ. คนนี้ โดยไม่ได้สนใจในเรื่องระดับการศึกษาที่ต่างกันอย่างที่นักศึกษาหลายคนยึดถือ


        นึกถึงวันเวลาในอดีต แล้วนึกมาถึงหลายสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน หลายประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นจากการสื่อสารใน facebook และโลกไซเบอร์ หลายเรื่องที่กำลังเริ่มต้น และมีแนวโน้มว่าจะไปด้วยดี แต่ก็เริ่มจะยุ่งยาก และเหนื่อยกว่าเริ่มต้นเสียแล้ว เหมือนกับการเดินก้าวแรก ที่มีเพียงแค่หัวใจและฝ่ามือ แต่เมื่อเดินหลายก้าว หลายคนเริ่มคิดถึงหลายสิ่งที่น่าจะเติมเต็มเข้ามา


          เหมือนเป้าหมายเริ่มต้น ที่หลายคนมักจะสับสน หลงประเด็นเช่นกัน ทั้งๆที่ถ้าทบทวนและทำความเข้าใจให้ชัดเจนแล้ว เป้าหมายยังคงเดิม แต่หลายคนมักจะทำให้เป้าหมายนั้น ไกลออกไปจากเดิม