วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บันทึกการเดินทาง ชีวิตบนทางเท้า - เช้า 10 ก.ค.2554

      
            ตอนค่ำ 9 ก.ค.2554 เดินทางเข้า กทม.เพื่อจะไปงานศพที่วัดเขียนเขต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในช่วงบ่ายวันที่ 10 ก.ค.2554 พยายามโทรหาเพื่อน แต่ไม่ว่างสักคน รับสายเพียง 1 คน บอกเพื่อนไปว่า เช้า 10 กค จะแวะไปเยี่ยมที่บ้านได้นะ  นั่งรถเข้า กทม. ถึงหมอชิต ตี 4  วางแผนไว้ว่า จะไปเยี่ยมเพื่อนๆรอเวลาถึงงานศพ แต่ความจริง เพื่อนไม่ว่างเลยสักคน

            รถทัวร์ 99 วิ่งฝ่าสายฝนมาถึงหมอชิตตอน 4.15 น. มาถึงไวกว่าทุกครั้ง นอนยังไม่อิ่ม ก็ต้องสะลึมสะลือ เดินมาหาที่นั่ง ก่อนจะเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน  ออกมานั่งรอ ดูนาฬิกา ตี 5 ....กว่าจะถึงบ่าย 3 โมง ให้มานั่งรอเฉยๆ เบื่อตาย งั้นไปสัมผัสชีวิตบนทางเท้าในแบบที่ไม่เคยไปดีกว่า

            ขึ้นรถเมล์สาย 96 ออกจากหมอชิตในตอนที่แสงสว่างเริ่มจับขอบฟ้า และสว่างขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นรถเมล์ว่าจะลงที่ป้ายจตุจักร แต่เปลี่ยนใจ ไม่ลงซะงั้น นั่งมาเรื่อยๆ จนลงรถเมล์ตามผู้ชายคนหนึ่ง ที่ลาดพร้าวซอย 37 ที่ลงเพราะไม่เคยมาเดินแถวนี้ ถ้านั่งไปไกลกว่านี้ ขากลับจะเป็นช่วงรถติด ไม่ดีแน่ๆ

            ลงจากรถเมล์ เดินผ่านร้านค้าที่พึ่งเริ่มตั้งเครื่อง เปิดร้านรับอรุณ ที่จริงว่าจะมาหากินข้าวเช้า ในร้านที่ไม่เคยมาทาน เปลี่ยนบรรยากาศมั่ง แต่ร้านยังไม่เปิด  เลยเดินข้ามสะพานลอยมาอีกฝั่งหนึ่ง เป็นลาดพร้าว 44 ถนนโล่ง  รถยังไ่ม่ติด ติดแต่ไฟแดง ไม่นานรถก็วิ่งฉิว เลยมายืนรอรถเมล์กับคนแถวนั้น ซึ่งมีทั้งคนไปทำงาน และคนที่จะไปธุระ (สังเกตจากการแต่งตัว)

            ยามเช้า พนักงานกวาดถนน ถือไม้กวาดมากวาดบริเวณนั้นพอดี ก่อนที่รถขยะ กทม.จะผ่านมา ตอนเช้าๆ คนน้อย เลยได้เห็นคนสวยๆ เดินผ่านมา แล้วไปยืนเรียกที่หน้าร้านหนึ่งบอกให้คนในร้านเปิดประตูรับหน่อย

            นายบอนเห็นเธอเดินมาตั้งแต่ไกลแล้ว น่ารักมากๆ ถือถุึุงอาหารมาด้วย ดูท่าคงเลิกงานกะดึกแล้วกลับมาถึงบ้าน เห็นหน้าแล้วอยากจะขอเบอร์ แต่ก็เกรงใจ ดูหน้าตา ท่าทางจะอายุมากกว่าเรา แต่เธอดูแลตัวเองดีจริงๆ จนเธอเข้าบ้านไป จากนั้นก็ยืนรอรถเมล์ สาวๆที่ยืนรอรถเมล์ ยังน่ารักสู้สาวคนนั้นไม่ได้เลย

            ดูนาฬิกาข้อมือ ยังไม่ถึง 6 โมงเช้า เวลาว่างๆที่ไม่มีที่ไปแบบนี้ แล้วต้องฆ่าเวลา มันน่าเบื่อจริงๆ พอดีมองเห็นคนวิ่งออกกำลังกายวิ่งผ่านมา งั้นก็ลองเดินเปลี่ยนบรรยากาศ จากซอย 44 ไป 42  ได้เดินออกกำลังกายยามเช้า ลมพัดเย็นๆ แดดยังไม่ออก ตอนถนนลาดพร้าวโล่ง เป็นครั้งแรกจริงๆ

            รถเก็บขยะของ กทม. ก็ผานมาพอดี มีพนักงาน 2 คน ลงจากรถเดินมายกถังขยะ ถุงขยะโยนใส่รถเก็บขยะ เจอขวดแก้วก็โยนใส่ถังที่มีถุงรองไว้ แยกขยะไว้เบื้องต้น เค้าเก็บได้เรียบร้อยจริงๆ โดดลงจากรถ มายกถังขยะ ถุงขยะ โยนใส่รถ แล้ววางถังขยะคืนที่เดิม เดินไปยังถังขยะใบที่อยู่ใกล้ๆ จับเทใส่รถ วางถังแล้วกระโดดเกาะรถขยะ รถก็เคลื่อนไปใกล้กับถังขยะ กองขยะต่อไป  พนักงานก็เก็บขยะตามขั้นตอน ทำงานที่หลายคน รังเกียจทุึกๆวัน แต่ยังขยันขันแข็งในหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่สำคัญ แข็งแรงด้วยนะ เพราะเคลื่อนไหวอย่างคล่องแึคล่วตลอด

            พอรถเมล์ฟรีสาย 145  ผ่านมาก็โดดขึ้นรถมาลงที่จตุจักร 6 โมงเศษ ๆ แล้ว มีผู้คนมารอรถเมล์เยอะขึ้น นายบอนมองหารถที่จะไปฟิวเจอร์รังสิต มีทั้งรถตู้, รถ ปอ. รถเมล์ครีมแดง - 7 บาท และรถร่วม ขสมก. 8 บาท และรถเมล์ฟรี ถ้ารีบไปก็ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมง กว่าจะถึงเวลางานศพ เลยใช้เวลายืนรอ ยืนมองผู้คนไปเพลินๆ

            มีคุณยายคนหนึ่ง เชื้้อสายจีน แต่งตัวสุภาพพอสมควร สมวัย เิดินถือถุงมา มองคนนั้น แล้วเดินเข้าไปหา ยื่นกระดาษในมือให้คนที่เดินเข้าไปหาได้อ่าน หลายคนโบกมือไม่สนใจ แต่บางคนควักสตางค์ให้ แล้้วคุณยายก็ยกมือไว้ปรกๆ

            แน่นอน คุณยายมาขอตังค์ จากคนที่ยืนรอรถ ด้วยเหตุผลในกระดาษที่เขียน ซึ่งไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลความจำเป็นอะไร

            ยืนรอรถไป ก็แอบมองไป คุณยายเดินจากมุมหนึ่ง มองคนที่ยืนรอรถแล้วก็เดินเข้าไปหา ยื่นกระดาษให้ดู แล้วก็เดินหาคนอื่นไปเรื่อยๆ จากด้านหนึ่งมาอีกด้านหนึ่ง ผ่านไปสักพัก มีคนมาลงรถเมล์ที่ป้ายนี้ คุณยายมองสักครู่ แล้วก็เดินเข้าไปหา ขอเงินไปเืรื่อยๆ ยืนอยูาแถวนั้น ดูสาวๆและคุณยายเกือบครึ่งชั่วโมง คุณยายก็ยังคงเดินเข้าหาผู้คน ชูกระดาษไปเรื่อยๆ

            น่าเศร้าที่ลูกหลานคุณยายไม่ดูแล จนคุณยายต้องมาตระเวณขอเงินที่ป้ายรถเมล์จตุจักร  ไม่รู้เหมือนกันว่า คุณยายจะอยู่ที่จุดนี้อีกนานแค่ไหน

            พอดีรถเมล์สาย 34 วิ่งผ่านมา มีที่นั่งว่างก็เลยขึ้นรถคันนี้ เพื่อไปลงที่รังสิต รถวิ่งไปตามถนนพหลโยธิน- ม.เกษตร -  สะพานใหม่ ยาวไปถึงรังสิต ก่อนลงรถก็เห็นสาวผมยาว อย่างเท่เลย เลยลงป้ายรถเมล์กับเธอ ที่ตลาดย่านรังสิตแล้วเดินย้อนกลับมาที่ฟิวเจอร์พาร์ค

            ริมถนนยามเช้าแถวรังสิต แผงขายของริมฟุตบาต มีรองเท้าหนังสีดำวางขายพรึบ หมอดูสาวไพ่ทาโร่มานั่งประจำที่ตั้งแต่ 8 โมงเช้า และเห็นแผงหนังสือเก่ายาวทีเดียว เดินดู มีหนังสือ playboy, FHM, นิตยสารอื่นๆ , ขายหัวเราะ, ต่ายตูน, การ์ตูนผี, หนังสือสวดมนต์พิธี ลดราคา ย่านนี้ไม่เคยมาเิดิน เห็นหลายอย่างน่าเดินดูเหมือนกัน

            เดินมาจนถึงสี่แยกฟิวเจอร์พาร์คที่คุ้นเคย เพราะรถทัวร์จากต่างจังหวัดจะแวะจอดส่งผู้โดยสารที่จุดนี้ก่อนเข้าหมอชิต เดินข้ามถนนข้ามสะพานลอยมา ผู้คนเยอะขึ้นแล้ว เดินตามสาวๆหลายคน เพราะไปทางเดียวกัน  ลงจากสะพานก็มาสำรวจดูเมเจอร์รังสิต แล้วข้ามไปฟิวเจอร์ 8 โมงเช้าเศษๆ เห็นผู้คนมานั่งรอห้างที่จะเปิดตอน 10.30 น. .. เมื่อไม่มีที่ไป ก็คงต้องนั่งรอห้างเปิดเหมือนคนแถวนี้ล่ะ

            ยิ่งสายก็เริ่มหิว มีอาหารให้เลือกซื้อหลายจุด หลังจากเดินสำรวจ สังเกตดูแล้ว นายบอนก็เดินไปซื้อข้าวกล่องกับ แม่ค้าคนนี้


          
            ในบรรดาแผงขายอาหาร + ขนม ริมถนนแถวนั้น ตรงนี้ขายดีที่สุด หลังจากนั่งสังเกตเกือบ 20 นาที อาหารที่วางบนโต๊ะ มีทั้งข้าวเหนียว+เนื้อทอด, ข้าวกล่อง-กระเพราหมู, กระเพราไก่ไข่ดาว, ผัดหมี่, วางเรียงติดป้ายราคาไว้เห็นชัดเจน และใช้ถุงพลาสติกห่ออาหารไว้มิดชิด ใครซื้ออันไหน แม่ค้าก็หยิบใส่ถุงให้อย่างดี พูดคุยทักทาย ขอบคุณลูกค้า ได้ทันใจ ในขณะที่อาหารและขนมในแผงอื่น ต้องใช้เวลาืำทำ ต้องเข้าคิวยืนรอ พื้นที่ริมถนนซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว และมีผู้คนเิดินไปมา ยิ่งแออัด ทำให้แม่ค้าที่เห็นในรูป ได้เปรียบ ลูกค้ามาซื้อของ จ่ายเงิน แป๊บเดีว เรียบร้อย  ไม่ต้องรอนาน  นายบอนเลยซื้อข้าว กระเพราหมู 25 บาท แล้วมานั่งกินที่กำแพงรั้วของฟิวเจอร์พาร์ค ถุงพลาสติกห่อหุ้มอาหารอย่างดี เนื้อหมูชิ้นใหญ่ และได้มากกว่า ข้าวจานละ 25 บาท ตามร้านทั่วไป ซึ่งข้าวกล่องนี้อร่อยสมราคาแล้ว

            การนั่งรอเวลาก็ใช่ว่าจะไม่ีมีประโยชน์เลย รอๆไปก็เห็นว่า นอกจากรถตู้ที่วิ่งไปตามคลองต่างๆแล้ว ยังมีรถสองแถวรอบเืืมืองจากฟิวเจอร์ไปยังคลอง 1-2-3-4 และวัดเขียนเขตอยู่แค่คลอง 3 ค่ารถ 8 บาท แต่รถตู้ 15 บาท รถตู้ต้องรอเวลารถออก  แต่สองแถววิ่งมาจอดแป๊บนึง แล้วออกวิ่งไปเรื่อยๆ ..... อาชีพริมถนน นอกจากขายสินค้า้ต่างๆ และคิวรถตู้แล้ว ยังมีหมอดูสาวที่แต่งชุดพราหมณ์ กวักมือเรียกคนมาดูดวงชะตาอีกด้วย นั่งมองดูผู้คนที่ผ่านไปมา มีคู่รักหลายคู่ควงแขนผ่านไป มีทั้งที่สวยน่ารักหลายแบบ แต่ที่สะดุดตากลับเป็นคู่รักที่หน้าตาธรรมดาๆ สาวไม่สวย หนุ่มไม่หล่อ แต่ดูการควง การจับมือ เป็นคู่รักที่รักกันมานาน และรักกันจริงๆ

            10.15 น. ฟิวเจอร์พาร์ค ก็เปิดห้างแล้ว เวลา 4-5 ชั่วโมง ที่สัมผัสชีวิตบนทางเท้า ได้สัมผัสกับชีวิตผู้คน  เห็นผู้คนในสังคมหลากหลายแบบ ช่วงเวลาที่ไม่มีค่า กลับมีคุณค่าในการเรียนรู้ผู้คนได้อย่างไม่น่าเชื่อ..

Related Posts by Categories



Widget by Hoctro | Jack Book

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น