มีงานหลายชิ้นที่ผู้ริเริ่ม ผู้ที่ทุ่มเทลงมือทำ จะรู้ลึกซึ้ง เพราะทำด้วยความทุ่มเท ความศรัทธาต่อสิ่งนั้น ส่วนคนดูนั้น มีทั้งคนที่เข้าใจและเข้าถึงผลงานนั้น และคนที่ชื่นชมเพียงผิวเผิน หลายคนยอบรับตามตรงว่า ถ้าเป็นตนเอง คงไม่มีความทุ่มเทได้แบบนี้
มีคำถามสำคัญว่า จากการเฝ้ามอง การสังเกต คิดตาม และพยายามเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นว่า อะไรเป็นแรงบับดาลใจให้เขาทุ่มเททำงานชิ้นนั้น โดยเฉพาะกิจกรรมเพื่อสังคม อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขา ทั้งๆที่ผลของงาน ไม่ได้เป็นตัวเิงิน ไม่คุ้มค่าทางธุรกิจ ไม่ได้กำไรใดๆทั้งสิ้น แล้วทำไมถึงได้ทุ่มเทมากมายถึงขนาดนั้น หากรู้ว่า แรงบันดาลใจเกิดจากอะไร จะได้ถ่ายทอดสิ่งเ้หล่านั้น ให้กับคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างคนที่มีหัวใจจิตอาสาเพิ่มขึ้นในสังคมไทย
จุดหนึ่งที่มีคนเฝ้ามอง และตั้งคำถามนี้ คือ กลุ่มดินรักษ์ฟ้า จากการเปิดดู www.facebook.com/DinRakFah ที่หลายคนติดตามข้อมูลที่ปรากฏ ต่างก็สงสัยว่า อะไรเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดข้อมูลเหล่าี้นี้ โดยกลุ่มดินรักษ์ฟ้า แล้วเราจะสัมผัสถึงความศรัทธา ความตั้งใจของกลุ่มนี้ได้อย่างไร
เรื่องแบบนี้ ต้องถอดรหัสกันหน่อย เ้พื่อให้เห็นความเพียรพยายาม และความศรัทธาของคนทำงานกลุ่มนี้ และประเด็นที่สำึัคัญที่ว่า คนไทยหลายคนก็รักในหลวง คนไทยหลายคนก็เล่น facebook แต่ทำไม คนไทยเหล่านั้นจึงไม่ทุ่มเท เผยแพร่เรื่องเกี่ยวกับในหลวง เหมือนกลุ่มดินรักษ์ฟ้า คนทำงานในกลุ่มนี้ คงมีบางสิ่งที่แตกต่างจากคนไทยทั่วๆไป น่าสนใจว่า สมาชิกในกลุ่มนี้ มีการปลูกฝังให้มวลสมาชิก เกิดความศรัทธา มุ่งมั่นในแบบเดียวกันหรือเปล่า และจุดเด่นที่แตกต่างกับหลายคน ที่มีการตั้งชื่อ แล้วตามด้วย (DinRakFah) ต่อท้าย เป็นเหมือนชื่อ และนามสกุลที่ใช้ใน facebook ซึ่งมีเพียงไม่กี่คน กี่กลุ่มที่ใช้ชื่อกลุ่มมาต่อท้ายชื่อเรียก
ถ้าจะถอดรหัส คงต้องเริ่มถอดที่หัวหน้ากลุ่ม และผู้ก่อตั้งกลุ่มดินรักษ์ฟ้า
จากความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ที่คล่องแคล่ว และทักษะส่วนตัวหลายอย่าง จึงทำให้มีการค้นหาข้อมูล รูปภาพมานำเสนออย่างต่อเนื่อง มีหลายหน้า หลายส่วนในระบบ facebook อันซับซ้อน ที่ได้นำเสนอข้อมูลต่างๆ มีข้อมูลเยอะแยะมากมาย จนหลายคนตามไม่ทัน
การจะรู้ึจักถึงความทุ่มเท ศรัทธา ย่อมต้องเข้าใจที่มาของกลุ่มดินรักษ์ฟ้ากันก่อน โดยให้คุณคัทรียาเป็นผู้เล่าเรื่องราว ซึ่งเธอได้เล่าเรื่องราวไว้ในหน้าเพจสำหรับสื่อสารแบบส่วนตัว เฉพาะกลุ่ม ในหมู่คนที่คุ้นเคย สนิทสนมเท่านั้น เปิดเป็นห้องเรียกว่า War room - WR ซึ่งจะมีคนที่เป็น admin ซึ่งคุณคัทรียา เขียนอธิบายไว้ว่า
Kat Dinrakfah " คนที่เป็น admin หน้าที่มีอยู่แล้วโดยเฉพาะการmonitor page แล้วจะลงรายละเอียดอีกที แต่คนที่ไม่ใช่ admin ที่มาอยู่ในนี้เพราะเป็นหัวกระทิของกลุ่มในด้านความคิดและการสนับสนุน"
+++
พี่เกียรติหรือครูเกียรติบ้านดิน จะไม่ค่อยได้เข้า FB
แต่อยากให้รับทราบความเคลื่อนไหว เพราะพี่เกียรติเป็นแรงบันดาลใจคนแรก
เรื่องราวของพี่เกียรติอยู่ในโครงการอบรมเด็กตั้งแต่ครั้งแรก และร.ร.ที่ปากช่องที่พี่เกียรติสอนศิลปะอยู่เป็นร.ร.แรกที่เราไปอบรม
เพราะฉะนั้นร.ร.บ้านลำทองหลางที่ปากช่องจึงเปรียบเสมือนบ้านของDRF หลังหนึ่ง
อีก3คนหลักที่ไม่ได้อยู่ในนี้เพราะเรื่องเวลาเป็นหลัก แต่มาร่วมเมื่อมีกิจกรรมคือ
1. Alexandrea Oliver
http://www.facebook.com/alexandrea001
จริงๆเป็น MC ประจำกลุ่ม
Alex เป็น Chief Editor อยู่ Radio Thailand วิทยุภาคภาษาอังกฤษ
2. Orawan Siddhiwicharn
อ.ตุ้ม
เป็น MC ด้วย และทำหน้าที่อื่นด้วย ช่วงนี้ยุ่งหน่อยเพราะทำ PhD อยู่
3. Narong Ok
Art
http://www.facebook.com/profile.php?id=100001052800238
Art เป็นแรงสำคัญด้านเอกสาร จริงๆเป็นดินรักษ์ฟ้าคนที่สองด้วยซ้ำไป
ช่วงนี้เปิดร้านอยู่ชลบุลีเลยไม่ค่อยว่าง แต่มีกิจกรรมเมื่อไร ต้องจิกมา
Kat Dinrakfah
วันนี้กลุ่มดินรักษ์ฟ้ามีบุคลากรที่มีคุณภาพมากขึ้น จริงอยู่ที่พวกเรามาจากหลายที่ แต่เชื่อว่าพวกเราทุกคนมีอุดมการณ์ที่เหมือนหรือคล้ายกันคือรักชาติ รักพระมหากษัตริย์
กลุ่มดินรักษ์ฟ้าเกิดขึ้นเมื่อวันที่11เมย2553 เป็นช่วงที่มีกลุ่มคนบางกลุ่มมีการจาบจ้วงมากมาย เลยคิดว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทนพระคุณแผ่นดิน และพระคุณของพ่อ เลยคุยกับ Art แล้วเริ่มกัน2 คนโดยการทำ survey ว่าคนรู้เรื่องเหล่านี้มั้ย มากน้อยแค่ไหน รู้สึกอย่างไร survey ทำไม่เยอะแต่ทั้งในไทย และต่างประเทศ คือ USA และ Australia
ที่มาสะดุดที่สุดคือคำตอบของนักเรียนไทย ป.เอกที่ Australia เขียนบอกว่า ย่าที่เคยรักในหลวง เคยถวายพระพรให้ในหลวงตอนนี้ไม่ทำแล้ว เหตุเพราะว่าในหลวงไม่ดีแต่ ทักษิณดี จึงเห็นว่ามันรุนแรงกว่าที่เราคิดมากมายนัก และแต่เราอยู่นิ่งเฉย เราคงไม่ใช่คนไทยที่เป็นลูกของพ่อฟ้าพระองค์นี้แน่นอน
ความหมายของชื่อเริ่มมาจากชื่อของในหลวงคือภูมิพล ซึ่งแปลคร่าวๆว่าพลังของแผ่นดิน พวกเราซึ่งเป็นลูกท่านก็คือดิน ท่านคือพลังของเรา ท่านเปรียบเสมือนฟ้าที่ดินอย่างพวกเราทุกคนต้องร่วมกันปกป้อง และนี้คือที่มาของดินรักษ์ฟ้า
กิจกรรมที่เราทำจะเน้นเป็นโครงการอบรมเด็ก คือโครงการขอเป็นคนดีเพื่อพ่อหลวง
เป้าหมายหลักของกิจกรรม คือให้เด็กรู้จักมีจิตสำนึกรักแผ่นดินเกิด และพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งตอนนี้เป็นอะไรที่สำคัญมาก เนื่องจากมีพวกที่ต้องการล้มล้างสถาบันอย่างชัดเจน แต่จริงๆโครงการที่เราจัดขึ้นไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะเด็กๆเท่านั้น เราต้องการเข้าไปย้ำเตือนผู้ใหญ่ด้วยว่า ในหลวงของเรามีพระคุณต่อพวกเรามากแค่ไหน เพื่อไม่ให้คนที่จงรักภักดีแปรผันไป
ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มสายเกินไปในบางส่วนแล้ว พวกเราคงเห็นกันดีว่าพวกหมิ่นมันทำทุกอย่างอย่างไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องรับใช้ชาติ และแสดงความกตัญญูต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
สู้ว้อย
กลุ่มดินรักษ์ฟ้าจะไม่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง สมาชิกสามารถทำได้ในนามส่วนตัวหรือในนามของสมาชิกกลุ่มอื่น แต่อยากจะบอกทุกคนว่าพวกเราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ดินรักษ์ฟ้าจะค่อยๆเข้าไปหาชาวบ้าน ด้วยการให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับชาติ และสถาบัน รวมถึงการปลูกฝัง และปลุกจิตสำนึก จิตวิญญาณ ของคนไทยให้เกิดความรักชาติและจงรักภักดีต่อสถาบันอย่างที่ควรจะป็น
สังเกตุิว่าหน้า page เราจะไม่มีการด่ากัน (ถ้ามีลบได้เลย)
ทุกอย่างเป็นแนวบวก
เราจะไม่ยอมให้ใครมาด่าพ่อของเรา หรือด่ากันในหน้านี้ทั้งสิ้น
กลอนดินรักษ์ฟ้าแต่งโดยสิบแสน ที่ปรึกษาคนสำคัญที่สุดของDRF สามารถบอกคนเป็นตัวตนของเราได้ดี
เรากลุ่มดิน เรารักชาติ จึงอาสา
เรากลุ่มดิน เรารักฟ้า จึงหาญสู้
ดินรักษ์ฟ้า ฟ้ารักษ์ดิน ต่างอุ้มชู
ลูกจักสู้ เพื่อพ่อฟ้า พลังแผ่นดิน
แม้ก้อนเล็ก จะรวมเป็น ก้อนดินใหญ่
เป็นขวานทอง ของผองไทย ใจกล้าหาญ
สมาศัย ดินกับฟ้า สุธาธาร
ร่วมสร้างบ้าน ปกป้องเมือง พิทักษ์ไทย
บรรพบุรุษ รวมก้อนดิน ถิ่นไทยขึ้น
กี่ครั้งแล้ว พลีชีพฟื้น คืนลูกหลาน
เสียเลือดเนื้อ หลั่งโลมดิน ถูกรุกราน
ใยลูกหลาน นิ่งเฉยอยู่ ไม่รู้คุณ
เพราะข้าฯรัก แผ่นดิน จึงอาสา
เพราะข้าฯรัก ผืนฟ้า จึงหาญสู้
เพราะข้าฯรัก หลักธรรม จึงเชิดชู
กลุ่มดินรัก มั่นรู้ สุดหัวใจ
ข้าฯจะสู้ ถึงแม้ว่า พวกข้าฯน้อย
สักวันหนึ่ง ก้อนดินน้อย จักเติบใหญ่
สมเป็นลูก พลังแผ่นดิน ขัวญฟ้าไทย
ด้วยจิตใจ รักราชย์ชาติ องอาจครัน
กลางพายุเลวร้ายไหว
แต่ดอกไม้ยิ่งเบ่งบาน
ในกลุ่มดินที่กล้าหาญ
ล้วนเบิกบานในดวงใจ
ร่วมฮึดสู้ร่วมก้าวหน้า
ด้วยจิตกล้าร่วมก้าวไป
จักเดินหน้าไม่หวั่นไหว
ด้วยหัวใจเปี่ยมศรัทธา
- สิบแสน -
Kat Dinrakfah
บทกลอนนี้พี่กู๋เอามาแต่งเป็นเพลงกลุ่มด้วย
ส่วน motto => **ลูกจักสู้และอาสา เพื่อพ่อฟ้า พลังแผ่นดิน**
คนคิดคือลุงโก๋ KoKo นั้นเอง
มีอีกคนที่ลืมแนะนำคือพี่อุ๋ยหรือลุงอุ๋ย
เป็นครูสอนดนตรีที่ร.ร.โรงเรียนฤกษบุตร์(สอิ้งอนุสรณ์) จ.นนทบุรี
ซึ่งเป็นที่ที่เราจัดโครงการอบรม “ขอเป็นคนดีเพื่อพ่อหลวง” ครั้งที่ 2ค่ะ
พี่แกไม่มี FB (โบ)
ก้าวต่อไปที่เราจะเดินต่อคือการประชุมระดมสมอง
เพื่อหาแนวทางในการดำเนินงานต่อของกลุ่ม
สถานที่ประชุมคือที่ปากช่อง ร.ร.บ้านลำทองหลาง
วัน/เวลาจะแจ้งอีกที
1.หัวข้อ ทิศทางการประชาสัมพันธ์กลุ่ม
2. หัวข้อ ระดมความคิดกับงานกิจกรรมครั้งที่3 ชลบุรี
3. ระดมทุนในหลายๆแนวทางเพื่อหาเงินบริจาคเข้ากลุ่ม
นอกจากพวกตัวหลักแล้ว เราต้องการที่จะเชิญ
สมาชิกใน FB ไปด้วยถ้าเป็นไปได้
ขอ idea ของทุกท่านด้วยในเรื่องนี้
โดยเฉพาะวิธีการเชื้อเชิญสมาชิก
+++++++++++++
นั่นคือ เนื้อหาบางส่วนที่คุณคัทรียา อัตถากร เปิดเผยรายละเอียดใน WR
นอกจากนั้น เธอยังถูกสัมภาษณ์ทางรายการวิทยุของ สถานีวิทยุชุมชนบ้านห้วยขวาง โดย 2 ผู้ดำเนินรายการ คือ คุณ ไก่ แมลงสาบ และคุณพระอาทิตย์ เมื่อ 25 ธ.ค.2553 ที่ http://thaibansinlapin.blogspot.com/2010/12/2-clip-video-kathreeya-atthakor-fm981.html
เมื่อดูสิ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมา ทั้งตัวหนังสือ และคลิปวิดีโอ จะเริ่มมองเห็น สิ่งที่ยืนอยู่บนความศรัทธา ความทุ่มเท และพลังกายพลังใจที่มี ที่ทำให้เกิดการนำเสนอข้อมูลต่างๆของกลุ่มดินรักษ์ฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง
แล้วหัวหน้ากลุ่มดินรักษ์ฟ้า ได้ปลูกฝัง สมาชิกในกลุ่มให้เิกิดความศรัทธา ความมุ่งมั่นเหมือนตัวหัวหน้ากลุ่มหรือไม่ ?? ประเด็นนี้คงพยายามทำเช่นกัน โดยการทำหให้เห็นบ่อยๆ ให้ร่วมทำงาน เพื่อร่วมเขียนประวัติและผลงานของกลุ่มไปด้วยกัน ถ้ามีคนที่พร้อมจะสานต่อในวันข้างหน้า หรือเมื่อตัวหัวหน้ากลุ่ม ตัวผู้ก่อตั้งติดภารกิจอื่น จนไม่มีเวลามาทำงานในส่วนนี้ได้ กิจกรรมต่างๆจะยังคงเดินต่อไป และจะยาวนานไปหลายปี ไม่หยุด หรือหายไปกับผู้ก่อตั้ง
เมื่อบันทึกนี้ได้มีความพยายามถอดรหัสบางส่วน ให้คนที่ยังไ่ม่รู้ได้รู้จักมากขึ้นแล้ว ถอดรหัสจากคนที่ไม่ใช่ Admin ของกลุ่มดินรักษ์ฟ้า (www.facebook.com/DinRakFah) ดังนั้น คนที่เป็น Admin ก็ควรที่จะถ่ายทอดเรื่องราว แนวคิด ความศรัทธาของดินรักษ์ฟ้า ได้ไม่แพ้คนที่ไม่ใช่ Admin ซึ่งอยู่ที่ผู้ก่อตั้งจะปลูกฝังแนวทาง และอธิบายให้ทีม Admin ได้มาก-น้อยแค่ไหนนั่นเอง
นั่นคือ ความสำคัญของการส่งต่อ ความศรัทธา ความเพียร ความทุ่มเทจากผู้ก่อตั้ง สู่ทีมงาน Admin แต่ละคน เหมือนใจความสำคัญของ กลอนดินรักษ์ฟ้าซึ่งแต่งโดยสิบแสน นั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น