สำหรับหลายคน ช่วงเวลาเดินทางจากที่หนึ่งไปยังจุดหมาย แทบไม่มีความหมายใดๆ เพราะต้องการไปให้ถึงที่หมาย ช่วงเวลาการเดินทางจึงเป็นแค่ช่วงเวลานั่งๆนอนๆ รอให้ถึงที่หมาย ความจริงแล้ว ทุึกช่วงเวลาของชีวิต มีความหมายทั้งนั้น แม้แต่ตั๋วหรือ บัตรโดยสารก็บอกเล่าเรื่องราวได้มากมาย
ตั๋วโดยสาร 4 ใบ หรือ กระดาษ 4 แผ่นที่เห็นในรูป หลังจากจ่ายเงิน เดินขึ้นรถไปจนถึงที่หมายแล้ว กลับอกเล่าเรื่องราวได้มากมาย
ค่ำคืน 7 พ.ค.2554 ตั๋วใบแรกที่นายบอนซื้อจาก บขส.กาฬสินธุ์ (สถานีเดินรถกาฬสินธุ์) ไปลง กทม. ได้ที่นั่ง D2 หมายเลขรถ 30-372 กรุงเทพ-กาฬสินธุ์ แต่เป็นรถที่ออกจาก อ.ห้วยผึ้ง ในเวลา 19.00 น. มาถึงกาฬสินธุ์ 20.20 น. เป็นรถปรับอากาศชั้น 2 รถออกตามเวลา แต่ก็มีคนตกรถ มาไม่ทันเวลารถออกตั้งหลายคน ก่อนรถออก นายท่าและคนตรวจตั๋ว เดินนับจำนวนเบาะที่ว่าง แล้วบอกว่า มีคนมาไม่ทันรถเยอะเหมือนกัน
เบาะที่นั่ง D2 จะอยู่แถวที่ 2 ติดทางเิดิน บางคันรถจะเรียงเลขที่นั่ง จากฝั่งซ้ายไปขวา (ด้านคนขับ) เป็น A1 B1 D1 E1 ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมถึงข้าม C ไป แต่รถบางคันจะเป็น A B C D จะเรียงหมายเลขที่นั่งแบบไหนก็นั่งไปให้ถึงที่หมายละกัน
เมื่อมีคนไม่ทันรถ คนที่มาซื้อตั๋วตอนใกล้เวลาที่รถจะออก ก็จะได้ซื้อตั๋วขึ้นรถในตอนนั้นล่ะ หลังจากที่จะต้องรอรถที่จะเข้าสถานีแล้วจึงเช็คดูว่า มีที่นั่งว่างหรือเปล่า มีคนตกรถไหม เป็นช่วงเวลาที่ได้ลุ้นกันไป และ 2 สาวน้อยน่ารัก ก็ได้ขึ้นมานั่งเบาะหน้าสุด A1 B1 แอบมองจนเพลิน เพราะน่ารักจริงๆ จนรถแล่นมาถึงจุดขายตั๋วรถ 99 ที่ อ.ยางตลาด มีคนซื้อตั๋วได้ที่นั่ง A1 B1 คนตรวจตั๋วก็ให้ 2 สาวไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างแถวหลัง
มีสาวคนหนึ่ง ซื้อตั๋วแล้ว เดินมาึขึ้นรถ 30-370 รถกำลังจะแล่นออกจาก บขส.กาฬสินธุ์ คนขายตั๋ววิ่งมาตาม บอกว่า เดี๋ยวให้รอขึ้นรถคันหลัง ไม่ใช่คันนี้ มีปัญหาเรื่อง printer พิมพ์ออกมา ดูตัวหนังสือในตั๋วไม่ชัด และบอกผิด สาวคนนี้ เลยต้องเดินหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรังเดินลงจากรถไป ไปเจออีกที่ ตอนที่รถจอดพักที่สีคิ้ว เธอมากับรถจาก เขาวง
รถจอดหยุดพักที่ร้านวุฒิภาพ อ.สีดา - จ.นครราชสีมา 23.20 น. ให้ผู้โดยสารพักทานข้าว + เข้าห้องน้ำ แล้วออกเดินทางต่อ คนขับรถอธยาศัยดีมากๆ ถามผู้โดยสารว่า ใครจะลงที่สระบุรี มีคนยกมือบอก 2-3 คน แกเลยว่า ในใบเช็ครายละเอียด ไม่เห็นมีบอกว่ามใีคนลงสระบุรีเลยนี่ งั้นเอาตามใบเช็คละกัน พูดแบบหยอกๆ แล้วเดินเข้าไปถาม ก่อนกลับไปที่หน้ารถ
ระบบของรถ 99 เป็นระบบออนไลน์ ซื้อตั๋วแล้วจะข้อมูลจะบันทึกไว้ print ออกมาดูได้ว่า ที่นั่งหมายเลขไหน ลงที่ไหนบ้าง จะแตกต่างจากระบบของรถทัวร์ รถโดยสารแบบเดิม ตอนซื้อตั๋วถามว่าจะไปลงที่ไหน ตอนอยู่บนรถ ก็เิดินมาถามอีกว่า ใครจะลงที่ไหน แต่หลายคัน จะแวะตามจุดจอด แล้งจะร้องบอกว่า ตอนนี้มาถึงจังหวัดไหนแล้ว ให้ผู้โดยสารเตรียมตัวลงจากรถเมื่อถึงจุดหมาย
รถมาถึง กทม.ตอน 4.40 น. วิ่งเข้าไปจอดที่ชานชลาที่จะขึ้นรถออกจากหมอชิต คงเพราะถนนช่วงก่อนตี 5 รถยังไม่ติด เลยวิ่งเข้าทางหน้าหมอชิตได้เลย ไม่ต้องเข้าด้านหลังเหมือนเคย คราวนี้เลยสะดวก เิดินลงจากรถเข้าอาคารขายตั๋วหมอชิต มาใช้ห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เข้า สุขา ได้สะดวกขึ้น
ตั๋วใบที่ 2 สีชมพู เป็นของ พรนิภาทัวร์ หลังจากที่เสร็จภารกิจใน กทม. จะนั่งรถไปจันทบุรี ค่าตั๋ว 193 บาท รถออก 15.30 น. อยากจะไปทันที ไม่ต้องรอนาน เลยซื้อตั๋วรถของบริษัทนี้ รถจอดที่ช่อง 83 เดินไปหา อยู่ไกลสุดของชานชลาด้านหลัง เลยชานชลาของรถสุรนารีแอร์- ราชสีมาทัวร์ ที่เคยมาึขึ้นบ่อยๆ ซึ่งช่อง 83 อยู่ด้านเดียวกับชานชลาของ "แอร์โคราชพัฒนา" ที่มีคนมารอขึ้นรถเต็ม พอรถวิ่งเข้ามาจอด ผู้โดยสารก็มามุง ทยอยขึ้นรถ แล้วคันใหม่ก็วิ่งเข้ามาเทียบอีก 3-4 คัน พอคนขึ้นเต็ม รถก็วิ่งออกไป บ่ายวันเสาร์ืั้ที่ 8 พ.ค.2554 มีผู้โดยสารไปโคราช เลือก แอร์โคราชพัฒนา เยอะจริงๆ คนยืนออกันเต็ม ต่างกับอีก 2 เจ้า ที่รอผู้โดยสารมาขึ้นรถ ไม่มีคนมายืนรอมากเหมือนแอร์โคราชพัฒนา
นั่งรถรอพรนิภาทัวร์ เที่ยว 15.30 น. ไม่เห็นมีสักคันวิ่งเข้ามาจอด แต่เหลียวไปเห็นรถของพรนิภา ที่จอดอยู่อีกมุึม 16.00 น. รถของพรนิภา จึงถอยออกมา ได้ยินคนขายตั๋วที่เดินมาเช็ค ถามคนขับว่า เคยขับอยู่นะ เส้นทางสายนี้ แสดงว่าเ็ป็นคนขับใหม่ ส่วนรถก็เช็คสภาพเสร็จ เลยพึ่งถอยออกมา ส่วนผู้โดยสารที่จะลงระหว่างทาง ให้เดินมาบอกคนขับด้วยจะให้จอดตรงจุดไหน เช่น ที่ อ.แกลง จอดจุดไหน รถออกตอน 16.30 น. ซึ่งคนที่ซื้อตั๋วรถเที่ยว 15.30 น. และ 16.15 น. ก็ให้ขึ้นรถเที่ยวนี้ แอร์เย็นดี แม้ดูภาพนอกเหมือนรถเก่า แต่ก็นั่งสบาย นั่งสังเกต 3 สาวเพื่อนสนิทที่นั่งเบาะหน้าเรียงกัน น่ารักดี ถึง บขส.จันทบุรี 19.50 น.
ขากลับจากจันทบุรี เข้า กทม. ขึ้นรถ 99 รถออกตอน 11.45 น. หมายเลขรถ 9907-395 ได้ที่นั่ง D2 ซึ่งนั่งติดหน้าต่างรถฝั่งคนขับ ผู้โดยสารไม่เต็มรถ เลยนั่งคนเดียว 2 เบาะสบายๆ เบาะหน้า D1 เป็นคนป้าคนหนึ่ง ตั้งแต่ึขึ้นจากรถ ก็เอนเบาะนอนพึงสบายๆ หยิบหนังสือนวนิยายมานั่งอ่านไปตลอดทาง เบาะด้านหน้า A1 B1 มีคุณแม่ลูก 2 ลูกสาวน่ารักน่าเอ็นดู อายุกำลังอยู่ในช่วงเรียนอนุบาล เดี๋ยวนั่งบนเบาะมั่ง เดี๋ยวลงไปนั่งบนพื้นบาง ส่วนเบาะหลังนายบอน เป็นครอบครัว พ่อ แม่ และลูกชายตัวน้อย ซึ่งพูดเก่ง เห็นวิว เห็นรถ เห็นป้ายข้างทางกฌพูดอย่างตื่นเต้น ว่าเ็ห็นสิ่งนั้นด้วย พ่อกับแม่ก้ได้โอกาสสอนบอกลูกชายว่า รถสีอะไร เห็นรูปวาดที่ป้ายโฆษณานั้นหรือเปล่า รูปอะไรเอ่ย เป็นการกระตุ้นให้เด็กใฝ่รู้.. น่ารักมาก
รถมาึถึงหมอชิต 15.35 น. พักทานข้าวเสร็จแล้วก็ซื้อตั๋วเที่ยว 16.30 น. เบอร์รถ 26-1798 กทม. -ปลาปาก-นครพนม รถมาตรฐาน ม.4ค เป็นรถ 2 ชั้นเหมือนรถ ป1. หรือ VIP แต่ไม่มีห้องน้ำในรถเท่านั้นเอง ซื้อตั๋วได้ที่นั่ง D2 ชั้นบน นั่งรถ 99 ได้ที่นั่ง D2 มาตลอดเลยสำหรับการเดินทางเที่ยวนี้ แต่เป็น D2 ที่ติดทางเดิน จะได้ลงง่าย แต่พอขึ้นไปบนรถ คนที่นั่งเบาะติดกัน เป็นสาวผมยาว เพื่อนของเธอที่นั่งเบาะ A2 เลยขอเปลี่ยนจะได้ไปนั่งกับเพื่อน เลยต้องมานั่ง A2 แทน แต่มองดูแล้วก็น่ารักทั้งคู่ สำเนียงพูดเป็นคนนครพนม ได้ชื่นชมความน่ารักทางสายตาก็คุ้มแล้ว รถออกตอน 16.40 น. มีเบาะว่างพอสมควร พนักงาน บขส.ที่พึ่งเลิกงาน ก็ขอติดรถไปลงใกล้บ้านด้วย พนักงานประจำรถก็ยินดีให้เพื่อนร่วมงานติดรถไปเหมือนทุกครั้ง ทุกวัน... ได้เห็นชาวพนักงาน บขส. คุยกัน เพลินดี คนหนึ่งเอาลูกชายมาด้วย เลยนั่งที่เบาะว่าง ให้ลูกชายนอนตัก ซึ่งคุณแม่พนักงาน บขส.รายนี้บอกว่า ลูกชายขึ้นรถก็หลับทันที เป็นแบบนี้่ประจำ
เมฆฝนดำมาแต่ไกล เมื่อนั่งติดหน้าต่าง ใกล้หน้ารถ มีทางเดินลงข้างล่างตรงด้านหน้าที่นั่ง มีฉากกั้นไว้หน่อย นั่งจุดนี้เลยได้เห็นวิว ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง แบบนี้ชอบมาก รถ บขส.ยุคนี้ ติดจานดาวเทียม DTV รับสัญญาณจากดาวเทียม ต่างจากแต่ก่อน เมื่อเดินทางไกล พนักงานประจำรถมักจะหาวิดีโอ หนัง หรือ รายการตลก เกมโชว์มาเปิดให้ผู้โดยสารนั่งดูบนรถ แต่รถของ บขส. ตัดจานดาวเทียม จะเปิดดูช่องไหนก็ได้ พนักงาน บขส. เลยกดดูช่อง 3 ดูเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่วงแรก เจอฝนตก สัญญาณเลยขาดๆหายๆ พอวิ่งผ่านบริเวณที่ฝนตก ก็รับสัญญาณได้ชัดเจนตลอด ดูข่าว จนมาถึงละครเย็น ชื่นชีวานาวี ตอนจบ เรื่อยมาจนถึงข่าวในพระราชสำนัก รายการเก็บตก เปิดช่อง 3 แช่ไว้ตลอด
รถติดแถว นวนคร-ประตูน้ำพระอินทร์ เป็นช่วงที่ฝนเริ่มตกบริเวณนั้น พอผ่านทางแยกที่รถจะวิ่งขึ้นสายเหนือ ที่รถติดกันเป็นแถวยาว แต่เส้นทางที่จะไปสายอีสานถนนโล่ง เลยแล่นยาว
ที่ บขส.สระบุรี มีผู้โดยสารซื้อตั๋วขึ้นรถเยอะมาก คุณพี่คนหนึ่งซื้อตั๋วได้เลขที่นั่ง B2 มานั่งข้างๆนายบอน เธอจะไปลงที่สกลนคร ไปเยี่ยมสามีที่พึ่งออกจาก รพ.วันนี้ล่ะ ความจริงแล้วไม่ได้คุยกับเธอ แต่ ญาติ - มิตรโทรมาหาเธอตลอด จึงได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ 30 นาทีก็โทรมา 1 สาย เลยได้ฟังเรื่องของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็นั่งพูดอยู่ข้างๆนี่นา
เรื่องที่ได้ยินคือ เรื่องเพื่อนโทรมาปรึกษา เพราะเกิดเรื่องขัดแย้งกัน เลยโทรมาปรึกษาเป็นระยะ คุณพี่ก็จะบอกว่า ตอนนี้ถึงไหนแล้ว แล้วก็คุยกันต่อไป จนรถแล่นมาถึงร้านอาหาร 99 จัดพักรถที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ช่วง 20.20 น. ก็ลงจากรถแวะเข้า้ห้องน้ำ และหาข้าวเย็นทาน พักเกือบ 30 นาที พอขึ้นมาบนรถ มีผู้โดยสารคนหนึ่งบอกให้พนักงานขับรถเปลี่ยนช่องทีวี จะดูช่อง 7 ละคร "มนต์รักแม่้ำมูล" เลยได้นั่งดูแบบเต็มๆ ตั้งแต่เริ่มละคร โฆษณาทุกช่วง จนละครจบ ตามด้วย รายการประเด็นเด็ด 7 สี - จันทร์พันดาวโจ๊ะพรึมพรึม...ดูซะเพลินเลย ผู้โดยสารหลายคนเฮฮากับรายการ จันทร์์พันดาว แหม พึ่งเคยนั่งดูรายการนี้แบบเต็มๆ เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งดูช่อง 7 สี จาก 3 ทุ่มจนถึง 6 ทุ่มครึ่งบนรถโดยสาร ก็เพลินดีเหมือนกัน โดยเฉพาะรายการจันทร์พันดาว ที่ให้ผู้สมัครจากทางบ้าน มาร้องเพลง และนำเสนอเรื่องราวชีวิตที่มีทั้งลำบาก คนสู้ีชีวิต มาร้องเพลงชิงเงินรางวัล รูปแแบบรายการน่าสนใจ ถูกคอคนต่างจังหวัด ชอบตรงที่เปิดโอกาสให้คนสมัครเข้ามาร่วมรายการ ไม่จำกัดอายุ เลยดูจนเพลิน และผู้โดยสารหลายคน ก็นั่งดู และหัวเราะ ทึ่งไปกับรายการที่ได้ดูด้วย พอจบรายการ พนักงานขับรถก็กดรีโมทปิดทีวี ให้ได้พักผ่อนนอนกันบ้าง
ฝนตก ถนนเปียกมาตลอดทาง รถจอดแวะให้เข้าห้องน้ำอีกทีที่ปั๊็ม ปตท.ก่อนถึงท่าขอนยาง - มมส. มหาสารคาม ตอน 6 ุทุ่มเศษๆ และมาถึงกาฬสินธุ๋ ตี1.30 น. พี่คนที่นั่ง B2 เค้าจะหันข้าง เอาผ้าห่มมาม้วนหนุนเป็นหมอน นั่งพาดขาไปทางช่องทางเิดิน จะได้มีที่เหยียดขา ตอนลงจากรถ นายบอนเลยทำตัวลีบ แทรกออกมาจากเบาะลงจากรถมาได้ โดยที่พี่เค้ายังคงหลับต่อไป เพราะพี่เค้านั่งคุยโทรศัพท์เป็นระยะ นั่งดูทีวีมาตลอดทาง ไม่ค่อยได้นอน เลยปล่อยให้ท่านนอนหลับ อีก 2-3 ชั่วโมงก็จะถึงสกลนครที่หมายของท่านแล้ว
ตั๋วโดยสาร 4 ใบนี้ ถูกสอดไำว้ในหนังสือเล่มเล็ก ที่ติดกระเป๋าเอาไปอ่านระหว่างการเดินทาง แต่ก้ไม่ได้อ่านสักที เลยกลายเป็นที่เก็บตั๋วโดยสารไปซะงั้น แต่ก็ดีเหมือนกัน เก็บไว้ได้ดูว่า ไปครั้งนี้ จ่าค่าตั๋วไปทั้งหมดเท่าไหร่ และมักจะลองเปลี่ยนนั่งรถทัวร์ของหลายบริษัทเท่าที่โอกาสจะอำนวย เปลี่ยนบรรยากาศเติมรสชาติให้ชีวิตสำหรับการเดินทางแต่ละครั้ง ให้มีสีสันก่อนไปถึงจุดหมายปลายทาง เลยทำให้ไม่เบื่อกับการเดินทางอันยาวนาน..
ชีวิตการเดินทางของนักเดิินทางก็เป็นอย่างนี้แหละ ได้พบเจอเรื่องราวต่างๆอยู่เสมอ
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
บันทึกการเดินทาง 7-8-9 พ.ค.2554 กับบัตรโดยสาร 4 ใบระหว่างทาง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น