ในช่วงโอกาสมหามงคล 84 พรรษา คนไทยทั้งประเทศร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี่ต่อในหลวง มีเรื่องราวมากมายของพ่อหลวง ถูกนำมาเผยแพร่ในช่วงเวลานี้ รวมทั้งบุคคลที่ทำงานเบื้องหลัง ,คนธรรมดาที่มีความจงรักภักดีอีกหลายคน
เรื่องราวของคนธรรมดาหลายคน เป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายคนได้ หลายเรื่องเป็นแบบอย่างให้คนเดินก้าวตาม เมื่อได้รู้จักบุคคลนั้นดียิ่งขึ้น อย่างเช่น ทีมงาน "รักพ่อ" มีหลายคนที่น่าสนใจ ทั้งแนวความคิด และการทำงานที่จริงจัง เต็มที่ของทุึกๆคน ซึ่งเป็นแบบอย่างให้หลายคนที่ได้พบ และรู้จัก อยากทำความดีตามอย่างบ้าง มีหลายคนในทีมงานที่อยากกล่าวถึง ตอนนี้ขอกล่าวถึงคนหนึ่ง สาวน้อยคนนี้ น้องเฟิร์น Fern Tanida ดูรูปร่างหน้าตาก็ธรรมดาๆ ไม่สะดุดตาในแบบที่จะต้องหันไปมองอีกรอบ แต่ถ้าได้รู้จักตัวตนจริงๆ คนนี้ เป็นคนทำงานตัวจริงอีกคนหนึ่งของกลุ่ม "รักพ่อ"
มีคนที่ฟังรายการรักพ่อ ย้อนหลัง ได้ยินชื่อเฟิร์น และได้ฟังข้อความของน้องเฟิร์นที่นำมาพูดในรายการ สะดุดในเนื้อหาที่ได้ยิน ซึ่งเนื้อหานั้น นำมาจากช่วงเดือน ก.ย.2554 ที่มีกิจกรรม "นักเขียนน้ำดี" ที่แบ่งปันเรื่องราวของในหลวงลง blog (ปัจจุบันนี้ หลายคนดูท่าจะไม่มีเวลาเขียนแบ่งปันเรื่องราวลงใน blog มากนัก ไม่มีเวลาเขียนกัน เพราะต้องไปทำภารกิจอื่นๆที่สำคัญกว่า)ซึ่งน้องเฟิร์นเขียน blog ไว้ที่ http://atfernsight.blogspot.com/
บทความที่น้องเฟิร์นเขียน มีมุมมองที่น่าสนใจ ในช่วงเดือน ตุลาคม นายบอนได้ลองสอบถามเรื่องการเขียนของน้องเฟิร์น ในวันนั้น น้องเฟิร์นบอกว่า ตอนนั้น เธอมีความสุขในการเขียนเรื่องของในหลวงอย่างมาก ใช้เวลา และสมาธิในการรวบรวมข้อมูลอย่างเต็มที่ เขียนเป็น mindmap หรือ แผนผังความคิดไว้ แล้วจึงกลั่นกรองออกมาเป็นบทความ ซึ่งใช้เวลาพอสมควร ทำให้สัมผัสได้ว่า หลายเรื่อง เธอตั้งใจเขียนจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่การคัดลอก Copy ข้อความจากบทความอื่นๆมาใส่ไว้เท่านั้น บางเรื่อง น้องเฟิร์น พยายามแปลข้อมูลภาษาอังกฤษ แล้วตกผลึกออกมาเป็นบทความ นั่นคือ เรื่อง ผู้นำที่มีบุญญาบารมี (Charismatic Leader) (อ่านได้ที่ http://atfernsight.blogspot.com/2011/09/1.html ) ซึ่งเธอตั้งใจเรียบเรียงออกมาอย่างลึกซึ้งทีเดียว
เช้าวันหนึ่งถามไถ่ไปทาง facebook น้องเฟิร์นบอกว่า วันนั้น ไำปทำงานสายนิดหน่อย เพราะหาข้อมูลเพื่อที่จะเขียนเรื่องราวของในหลวง ทำแล้วมีความสุขใจ เพราะเขียนเรื่องที่เป็นมงคลกับชีวิต คือ เรื่องของในหลวงของเรา นอกจากเรื่องที่กล่าวถึงแล้ว บทความเรื่อง "พลังแห่งฉันทะ" (อ่านได้ที่ http://atfernsight.blogspot.com/2011/09/blog-post_9974.html ) น้องเฟิร์นพยายามประมวลข้อมูล พูดถึงคนทำงานในหลายๆส่วนของ "กลุ่มรักพ่อ" ที่ช่วยเหลือกัน ทำงานร่วมกัน แม้จะมีความแตกต่างและอุปสรรคหลายอย่าง แต่ทุกคนต่างหลอมรวมใจเพื่อพ่อหลวง ทำให้ผู้อ่านได้เห็นพลังและความตั้งใจของทีมงาน "รักพ่อ" ทุกๆคนในช่วงเวลานั้น และนี่ถือว่า เป็นอีกหนึ่งในหลายบทความของน้องเฟิร์น ที่ดีที่สุดอีกชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
ในช่วงที่เกิดสถานการณ์น้ำ่่ท่วมหลายพื้นที่ ที่บ้านพักของน้องเฟิร์นก็เจอน้ำท่วมเช่นกัน แต่น้องเฟิร์นไม่เคยหยุดนิ่ง กลับออกไปร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาหลายอย่าง แม้หลายครั้งจะลำบากในการเดินทาง แต่ด้วยหัวใจที่ใหญ่เกินตัว จึงเดินทางไปทำกิจกรรมหลายๆแห่ง
ช่วงเวลาที่หลายคนเกิดความขัดแย้งกับคนนอกกลุ่ม กับคนที่เคยร่วมกิจกรรมกันแล้วขัดแย้งแยกตัวออกไป แต่น้องเฟิร์นยังคงมุ่งมั่นทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ไ่ม่ขอยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งแต่อย่างใด บางครั้งไปร่วมกิจกรรมจิตอาสากับกลุ่มรักพ่อบ้าง บางครั้งก็ไปร่วมกิจกรรมกับองค์กร หน่วยงานอื่นบ้าง ตามเวลาและหัวใจจะำพาไป
บทบาทล่าสุดของน้องเฟิร์นในช่วงนี้ คือ บทบาทของแอดมินในการช่วยดูแลหน้าเพจ "กลุ่มรักพ่อ" ซึ่งน้องเฟิร์นมีไอเดียดีๆ เปิดประเด็นนำเสนอกิจกรรมต่างๆ ให้สมาชิกกลุ่มได้ช่วยกันคิด ช่วยกันแชร์ไอเดียร่วมกัน อย่างเช่น กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วง 4-5 ธ.ค.2554 น้องเฟิร์นก็ช่วยคิดประเด็นใหม่ๆขึ้นมาทันที ดังภาพ
นอกจากนั้นน้องเฟิร์นยังคิดต่อเนื่อง หลังจากวันที่ 5 ธ.ค. 2554 แล้วจะมีทิศทางการทำกิจกรรมอย่างไร กับการเปิดประเด็นนี้ขึ้น...
ที่หยิบมาบันทึกนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่สะท้อนถึงความตั้งใจ ทั้งความคิด การวางแผน และการทำงาน ของหนึ่งทีมงานกลุ่มรักพ่อ แม้ว่าคนทำงานคนนี้ จะทำงานแบบคนเบื้องหลัง ดูเอาจริงเอาจังกับงาน มีแนวทางที่ชัดเจนของตัวเอง เป็นหนึ่งคนที่เข้ามาเติมเต็มในความมุ่งมั่น จริงจังของกลุ่มรักพ่อ เหมือนกับทีมงานทุกๆคน
เป็นหนึ่งในทีมงาน ที่มีสิ่งที่ดีๆ มุมดีๆที่ให้เอาเป็นแบบอย่างเพื่อไปพัฒนาตนเองให้ดีียิ่งขึ้น
..เมื่อได้รู้จักทีมงาน เห็นความทุ่มเท จริงจังในการทำงานแล้ว หากได้ัเรียนรู้และรู้จักคนในทีมงานให้มากขึ้น แล้วเลือกสรรสิ่งดีๆไปตัวเค้า มาเติมเต็มส่วนที่ขาดของตนเองได้ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อตนเองและสังคมด้วย!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น