เช้าวันอาทิตย์ที่ 13 ก.พ.2554 เมื่อฝนเทลงมายามเช้า ตกๆหยุดๆ นายบอนโผล่มาที่มัฆวานอีกครั้ง ก่อนที่จะไปทำภารกิจที่อื่น ในช่วงกลางวัน ลงรถเมล์ที่ตลาดเทเวศร์ แล้วเดินเลียบคลองมาจนถึงสะพานมัฆวานก่อน 8 โมงเช้า
ช่วงที่เดินมาตามคลอง เจอตัวเงินตัวทองลอยอยู่ในคลอง แหม เข้าใกล้ถิ่น ที่ทำงานของนักการเมือง ต้องเจอเจ้าตัวนี้อยู่เป็นประจำ
เดินเข้ามาที่เวทีมัฆวาน เห็นผู้คนหน้าเวทีกำลังโยกตัวตามจังหวะเพลงของแฮมเมอร์ เอ..เช้าวันอาทิตย์ ไม่มีการจัดรายการข่าวเช้าริมเจ้าพระยาแล้วหรือ แต่หลังจากนั้น คุณต๋อง บัณฑิต และน้องนุก กรองทองก็มาจัดรายการข่าว บอกว่า เมื่อคืน หม้อแปลงไฟระเบิด ช่วงเช้าเลยถ่ายทอดสดไม่ได้ จนหลายคนเป็นห่วง โทรมาถามกันวุ่นวายว่า ถูกสลายการชุมนุมแล้วหรือ จนเมื่อหม้อแปลงทำงานได้ จึงทำการถ่ายทอดสดได้อีกครั้ง
ฝนพึ่งตกลงมา พื้นถนนยังเปียกแฉะ ผู้คนที่ปูพลาสติกนอนบนพื้นถนน คงจะนอนลำบาก ฝนเทลงมาก็ต้องลุกขึ้นมาหลบฝน บางคน นั่งสวมเสื้อกันฝนตากฝนอยู่ตรงนั้น เปียกฝนกันบ้าง ถึงแม้ลำบากแค่ไหน แต่ก็ยังยืนหยัด ปักหลักชุมนุมกันต่อไป
ช่วง ส.ค.2551 นายบอนเคยมานอนค้างกลางถนน เจอฝนเทลงมาต้องย้ายหนีไปนอนในเต๊นท์ที่มีหลังคาผ้ายาง บางจุดเจอน้ำเทลงมา เปียกจนนอนไม่ได้อีก กว่าฝนจะหยุด กว่าจะถึงเช้า ก็ต้องอดหลับอดนอนพอสมควร
ถึงเวลาที่เหล่าสมณะ เดินบิณฑบาตร เดินเรียงแถวด้วยอาการสงบ สำรวม เดินออกมาได้สักพัก ฝนเริ่มลงเม็ด และตกลงมาห่าใหญ่ หลายคนหลบเข้าที่เต็นท์หลบฝน นายบอนหลบเข้าเต็นท์กลุ่มรวมพลังใจ เต็นท์ของ พธม.สมุทรปราการ แต่เหล่าสมณะยังคงอุ้มบาตรเดินต่อไปท่ามกลางสายฝนอย่างสงบและมีสมาธิ
ฝนเทลงมาครู่ใหญ่ ผู้คนที่มาหลบฝนในเต็นท์ จับกลุ่มคุยกัน
" เทวดาลำเอียงแหงๆ วันนี้พวกเสื้อแดงมาชุมนุม ฝนคงจะตกในเสื้อแดงตอนบ่าย นี่รีบมาตกตั้งแต่เช้าเลย"
"พวกตำรวจที่ยืนอยู่ข้างทำเนียบ หลบฝนไปหมดเลย"
" นั่น พวกใส่ชุดทหารเรือ วิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น ทหารเรือก็กลัวน้ำเป็นเหมือนกันนะโว้ย"
ในเต็นท์ พธม.สมุทรปราการ ข้างกระทรวงศึกษาธิการ มีหลายคนมาหลบฝนจับกลุ่มคุยกันรอเวลาฝนซา มีคนคุยเรื่องคุณวีระ-ราตรีที่ยังถูกจับอยู่ที่เขมรด้วย มีผู้หญิงนั่งอุ้มเด็กอ่อนอยู่ตรงกลาง เอาผ้าห่อตัวเด็กไว้อย่างดี หลายคนช่วยยืนบังละอองฝนให้
พอฝนเริ่มซา ก็ออกมานอกเต็นท์ ทุกอย่างเริ่มเคลื่อนไหว นายบอนเดินมาดูป้ายข้อมูลต่างๆ
8.20 น. โรงทานพันธมิตรแจกอาหารมังสาวิรัติแล้ว ใด้เวลามื้อเช้า เลยไปหาข้าวทาน ได้ต้มจับฉ่ายมากิน
แม้จะเป็นอาหารที่หลายคนไม่ชอบ ใส่จานกระเบื้องธรรมดา แต่ข้อความในจาน ก็มีความหมาย "เราทั้งผอง พี่น้องกัน" แต่ที่โรงครัวนี้ มีอาหารอื่นๆด้วย ซึ่งมีคนเข้าคิวแถวยาว นายบอนก็ยืนกินต้มจับฉ่ายนี่แหละ แล้วก็เอาจานไปล้างผ่าน 5 น้ำ 5 กาละมัง ล้างจานล้างใจ
หลายชีวิตเข้าแถมรับอาหารมื้อเช้า แล้วหาที่ทานอาหารตามสะดวก รวมทั้ง 3 ชีวิตที่เห็นในภาพ นั่งทานอาหารมื้อเช้าข้างเต็นท์ที่เปียก ผู้เป็นแม่อุ้มลูกที่อยู่ในห่อผ้าไว้ ซึ่งเธอคนนี้อุ้มลูกวิ่งเข้าไปหลบฝนที่เต็นท์ของ พธม.สมุรปราการในช่วงที่ฝนเทลงมา เป็น 3 ชีวิตที่ปักหลักอยู่ที่นี่ ร่วมต่อสู้กับหลายคนที่อยู่ประจำ และพร้อมผจญกับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เดินดูป้ายต่างๆ และมาหยุดฟังรายการข่าวเช้าริมเจ้าพระยา สะดุดตรงข้อความ "สิบร้อยวันหรือพันปีมิลืมเลือน 11 เพื่อนพ้องยอดสตรีวีรบุรุษที่เสียชีวิต" เมื่อ ช่วง 193 วัน
ดูผู้ชมหน้าเวที จะสังเกตเห็น มือตบมากมาย แต่มือตบที่พี่เสื้อชมพู ผ้าโพกหัวสีชมพู ที่เอามือตบกว่า 30 อันมาติดกับไม้เวลาที่ต้องตบมือ ก็จะเขย่าไม้ สั่นไม้ มือตบทั้ง 30 อันก็จะตบพร้อมๆกัน เป็นไอเดียเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ในการชุมนุมครั้งนี้ กล้องทีวีจับมาทีไร จะเห็นมือตบชุดนี้เสมอ
9.06 น. หลังจากกินต้มจับฉ่ายเป็นมื้อเช้า ท้องไว้ก็ทำงานทันที นายบอนต้องรีบเข้าห้องน้ำ ซึ่งทำไว้ดีจริงๆ ถ่ายหนัก-เบาได้สะดวก สบายกว่ารถสุขา มีหลายห้องหลายจุดทั่วบริเวณ วางระบบท่ออย่างดี ถ่ายสบายมากๆ
เดินมาดูทางฝั่งกองทัพธรรม เวทีที่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ หลังจากแวะมาดื่มน้ำคลอโรฟิลด์เพื่อสุขภาพแล้ว ที่เวทีประกาศว่า มีงานพุทธาภิเษกของชาวอโศก วันนี้เป็นวันแรก ซึ่งจะจัดทั้งหมด 7 วัน ที่นี่ เลยเดินไปดูสักหน่อย ใกล้เวที เห็นคุณการุณ ใสงาม และ มล.วัลย์วิภา นั่งอยู่ในหมู่ชาวอโศก
พ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ พูดบนเวทีว่า พิธีพุทธาภิเษก สุดยอดปาฎิหาริย์ครั้งที่ 35 ซึ่งงานนี้จัดขึ้นปีละครั้ง เป็นงานอบรมธรรมะของชาวอโศก เป็นงานอบรมฝึกฝนของชาวอโศก จะเรียกว่าเป็นงานมิตติ้งของชาวอโศกก็ได้ ถือเป็นการหาความสุขทางธรรมะ เป็นงานที่จัดรวมชาวอโศกที่มีในเมืองไทย.. แล้วเริ่มการถ่ายทอดทางสด FMTV ไปด้วย ถึงแม้พื้นจะเปียก แต่ชาวอโศกได้ตัดแผ่นพลาสติกแจกให้ไปปูนั่งรองพื้น เพื่อร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้
9.42 น. ผู้คนเริ่มเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่นายบอนต้องไปทำภารกิจที่อื่น จึงต้องจากออกมาในตอนนั้น
12.20 น. นั่งรถเมล์ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รถติดพอสมควร กลุ่มคนเสื้อแดงมารอชุมนุมกันในบริเวณนั้นแล้ว
12.40 น. ไปลงนามถวายพระพรในหลวงที่ รพ.ศิริราช หยิบน้ำตะไคร้+น้ำกระเจี๊ยบอย่างละกระป๋อง ของโครงการส่วนพระองค์ที่แจกฟรี มาชิมดู
แต่ละชีวิตที่มัฆวานและหน้าทำเนียบยังคงดำเนินต่อไป เมื่อออกมานอกพื้นที่ ดูเหมือนผู้คนภายนอก จะไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นที่มัฆวานมากนัก รับรู้เพียงแค่สิ่งที่ฟรีทีวีรายงานข่าวเท่านั้น
ยามรุ่งอรุณที่มีผู้คนจำนวนน้อย เต็นท์ที่โรงครัวเริ่มเตรียมอาหาร ผู้คนใน กทม.ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาที่มัฆวาน ทำให้ลมหายใจเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินไทยยังคงดำเนินต่อไป แม้นักการเมืองคนสำคัญมุ่งแต่รักษาผลประโยชน์ของตัวเอง อยากจะขอคืนพื้นที่ถนนข้างทำเนียบคืนจากคนไทย แต่ไม่กล้าขอคืนพื้นที่จากเขมร หลายชีวิตที่มัฆวานจึงต้องยืนหยัดต่อไป แม้จะเจอกับสายฝน แสงแดด หรือ คนไทยที่เอาแต่โวยวายว่า ผู้คนที่มัฆวานเป็นพวกคลั่งชาติ ก็ตาม
คนเหล่านั้น คงไม่ได้มีประโยคนี้อยู่ในหัวใจและจิตวิญญาณ...
"รักที่สุดคือในหลวง หวงที่สุดคือแผ่นดิน"
วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
อรุณรุ่งแห่งสายฝนและลมหายใจที่มัฆวาน 13 ก.พ.2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น