ช่วงนี้ เป็นช่วงเปิดเทอมของโรงเรียน เปิดเทอมของมหาวิทยาลัย เปิดเข้าเวบไซต์ต่างๆ เห็นข่าว รูปภาพ บรรยากาศช่วงเปิดเทอม บรรยากาศการรับน้องใหม่แล้ว นึกถึงบรรยากาศสมัยเรียน เปิดเข้าไปดูเวบต่างๆ เห็นภาพการปฐมนิเทศ นักศึกษาใหม่ ทำให้ย้อนนึกไปถึงชีวิตในวันวาน
เห็นภาพบรรยากาศเหล่านั้น แล้วก็หวนนึกถึงครูอาจารย์ของตัวเอง และต้องนึกถึงครูท่านนี้เสมอ ถือว่าเป็นครูคนสำคัญ ที่สั่งสอนให้นายบอนคิดดี แม้ว่าในช่วงเวลานั้น ชีวิตจะไม่ค่อยดี ไม่ตั้งใจเรียน ไม่ค่อยมีสมาธิิในการเรียนและการทำงานมากนัก และติดนิสัยแย่ๆแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
ท่านคือ อ.นฤมล แสงประดับ อยู่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา นอกจากดูแล สอนเนื้อหาวิชาการตามหลักสูตรแล้ว ท่านยังให้ข้อคิดชีวิตที่ดีๆมากมาย อย่างคาดไม่ถึง (แม้ตำแหน่งทางวิชาการของท่าน ณ ปัจจุบัน คือ รศ.ดร.นฤมล แสงประดับ แต่นายบอนมักเรียกด้วยความคุ้นเคยว่า อาจารย์นฤมล)
ในช่วงเวลาที่ได้เรียนหนังสือ และทำงานกับท่าน เห็นความทุ่มเทในการทำงานอย่างหนัก แม้ว่า สุขภาพร่างกายไม่ค่อยเป็นใจ แต่หัวใจเกินร้อย ทำงานหนักอย่างคาดไม่ถึง จึงเป็นบุคคลต้นแบบมาตั้งแต่้วันนั้น
ในช่วงเวลาที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่ค่อยมีสมาธิ สติกระเจิงไปตามสถานการณ์ในวัยเรียนที่พบเจอในแต่ละช่วง แล้ววันนึง นายบอนทำให้ท่านต้องรอนาน งานบางชิ้นไม่เสร็จตามกำหนด เสียเวลามากขึ้น ท่านก็พยายามอดทนแล้ว อดทนอีก ในวันหนึ่ง ท่านใช้เวลานั่งเตือนสติ ต่อว่า ร่วมชั่วโมง ทั้งๆที่ท่านมีงานที่ต้องทำหลายอย่าง และกลับที่พักดึกแทบทุกคืน แต่ท่านให้เวลาในการเตือนสติ สั่งสอนนายบอน ร่วมชั่วโมง ตอนนั้นนายบอนได้แต่นั่งฟังเงียบๆ พูดไม่ออก เพราะที่ท่านพูดมา ถูกต้องทุกอย่าง และเป็นเหตุเป็นผลทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าในเวลานั้น แทบจะจำสิ่งที่ท่านพูดไม่ได้เลย เพราะอึ้งไปทุกประโยคที่ท่านพูดสอนเรา แต่ไม่น่าเชื่อ เมื่อวันเวลาผ่านไป และจากท่านมาแล้วหลายปี คำสอนนั้นกลับฝังลึกลงไปในใจ เมื่อเจอหลายสถานการณ์ คำสอนของครูอาจารย์กลับผุดขึ้นมาเตือนอย่างคาดไม่ถึง
คำเืตือนคำด่า ที่เพื่อนหลายคนที่เคยได้ยินในวันนั้น ตกใจ ไม่เคยเห็น อ.นฤมล จะดุใครหนักขนาดนี้ แต่คำเตือนในวันนั้น ทำให้นายบอนเป็นผู้เป็น มีสมาธิ ดีกว่าในวันนั้น ใจเย็น สุขุมรอบคอบมากขึ้น และไม่หลงเดินทางผิดหลายเรื่อง หลายเหตุการณ์
เปิดเข้าไปดูข้อมูลต่างๆ แล้วก็พบกับวิดีโอที่ รศ.ดร.นฤมล แสงประดับ ที่ท่านกล่าวปัจฉิมโอวาท ให้กับนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษา เมื่อ ก.พ.2554 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพูดเตือนเรื่องการใช้ชีวิตที่ท่านได้พบเห็นมา ซึ่งนอกจากเรื่องวิชาการแล้ว คำเตือนเรื่องการใช้ชีวิต ท่านมักจะพูดเตือนทุกครั้งที่มีโอกาส
นายบอนนั่งฟังแล้ว น้ำตาเกือบไหล นึกถึงวันที่ ท่านเคยพูดเตือนเรา เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่ง อ.นฤมล จะพูดในแบบนิ่มๆ สุภาพ แต่เนื้อหา กลับตรงใจอย่างคาดไม่ถึง
ฟังแล้ว นึกถึงช่วงเวลาที่ท่านนั่งพูดเตือนเราคนเดียว ทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล
จากคำเตือนของครูในวันนั้น ทำให้ระลึกนึกถึงท่านอยู่เสมอ เปิดไปเห็นรูปงานไหว้ครูหลายครั้ง อยากจะเข้าไปกราบท่านเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพอ เพราะความเป็นบุคคลธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่นน่าชื่นชม เหมือนศิษย์เก่าหลายท่าน ที่เมื่อเดินกลับเข้าไปยังที่ตึกที่เคยเรียน อาจารย์ที่เคยสอนหลายท่านจะถามไถ่ ... เพราะไม่มีคำตอบที่จะทำให้ท่านเหล่านั้นมองด้วยสายตาชื่นชมมากนัก ถ้าเจอสภาพแบบนั้น จะรู้สึกอึดอัดมากกว่า ซึ่ง คนถามคงไม่ได้คิดอะไร แต่เคยเห็นใครบางคน รู้สึกอึดอัดแบบนั้น เลยไม่ค่อยปรากฏตัวที่ตึกที่เคยเรียน
แต่คำสอน คำแนะนำของ อ.นฤมล ยังคงก้องอยู่ในหูตลอด แม้เวลาผ่านไปหลายปีมาแล้ว แม้วันนี้ ยังไม่ได้แวะ้เข้าไปพบอีกครั้ง
แต่ในวันที่สำคัญของชีวิตวันหนึ่ง จะได้แวะเข้าไปพบแน่นอน แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที แต่จะเป็นช่วงเวลาที่ความหมายยิ่งนัก.......
วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554
อ.นฤมล แสงประดับ กับความระลึกถึงจากศิษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น