ปรับใจเธอ ประเมินตัวเอง ชกให้ถูกเป้าปัญหา

          หลายครั้งที่คนเรา ลืมที่จะทบทวน ประเมินตัวเอง มักจะคุ้นเคย และตัดสินใจที่จะเลือกใช้วิธีการเดิมๆที่เคยแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างลงตัว
ยกตัวอย่าง คนคุ้นเคย ที่ส่งข้อความมาหลังบ้าน ข้อความทาง SMS รวมทั้งที่โพสต์ในหน้าเพจ หน้าวอลต่างๆ เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลง ในอารมณ์ ความรู้สึกหลายอย่างที่เกิดขึ้น

         ถ้าเอาข้อความจากแหล่งต่างๆ มาเรียงตามลำดับเวลา จะมองเห็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น ความไม่แน่นอน มั่นคงในจิตใจที่เกิดขึ้น


------
วันนี้ได้เข้าไปอ่านบันทึกเรื่องราวต่างๆที่พี่บุนทึกไว้ ลบหรือซ้อนมันไว้บ้างก็ได้นะ บางอันก็ส่วนตัวมากเกินไป อย่างวันวาเลนไทน์ จงจดจำแต่สิ่งที่ดีๆไว้เถอะ อะรัยที่มันเป็นความลับก็ให้มันเป็นความรับต่อไปเถอะ เหนื่อยจิงๆกับเรื่องนี้
23 มีค 55

เป็นผู้ชายแต่ไม่ยอมรับความเป็นจิงเลยนะ ไม่มีสมองที่จะแยกเลยเหรอ? ว่าเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวนะ คนอื่นเค้าเต็มใจเข้ามาช่วยแล้ว จะหนีความจิงไปอีกนานมั้ย? ถ้ายอมรับความจิงไม่ได้จะได้ไปคุยกับแม่ให้ จะได้คิดได้ซะที
28 มีค 55

"แม่งโครตเป็นลูกผู้ชายที่สุดเลย​ว่ะ!!! มึงหนีให้พ้น และหนีให้ตลอดไปด้วยนะ"
28 มีค 55

ตอนนี้เย็นแล้ว พร้อมที่จะฟังและรอที่จะพูด​อยู่
23 ชั่วโมงที่แล้ว ·


พูดอย่างที่เขียนบอกหลังบ้า​นหรือ? ต้องการให้ฟังแล้ว ให้ยอมรับอย่างเดียวใช่ไหม โดยไม่โต้แย้งใดๆ :)
22 ชั่วโมงที่แล้ว

ใช่


-----------

          ย้อนนึกไปถึงช่วงวันตรุษจีน วันที่เธอตั้งใจ คิดดีทำดี พูดดี แม้วันนั้นจะเหน็ดเหนื่อย และช่วงท้ายของวัน มีเรื่องเครียดๆที่ทำให้เหวี่ยง หงุดหงิด อารมณ์เสียอย่างรุนแรงได้ แต่ในช่วงเวลานั้น ใบหน้าของเธอ สดใส เหมือนมีออร่า
ซึ่งต่างจากในช่วงเวลานี้ ที่หลายคนที่รู้จัก สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นบนใบหน้าได้ ว่าไม่ได้มีออร่า เห็นความวิตกทุกข์ร้อนได้อย่างชัดเจน

         เทียบกับในช่วงตรุษจีน ข้อความหลายช่องทางที่โพสต์ออกมา สื่อความหมายในทิศทางเดียวกัน มีความชัดเจน เหมือนชกได้ตรงเป้า ต่างกับช่วงนี้ เหมือนชกลม ชกวืดไปวืดมา ความรู้สึกและอารมณ์ที่แสดงออกมาในบางเรื่อง เดี๋ยวเครียด เดี๋ยวเซ็ง เดี๋ยวหงุดหงิด
นั่นแสดงให้เห็นว่า เข็มทิศที่ตั้งไว้ มันผิดพลาด ถ้าตั้งถูก สิ่งที่เธอแสดงออกไป มันต้อง ชกเข้าเป้า เหมือนกับการแก้ไขปัญหา ถ้าแก้ไขถูก ก็จะโล่งใจ สบายใจ ไม่ใช่ ชกไปแล้ว กลับทุกข์ใจ ลังเลใจ ไม่สบายใจ หงุดหงิดมากกว่าเดิมซะอีก

          ดูจากจุดนี้ ประเมินตัวเองจากจุดนี้ ก็พอที่จะมองได้แล้วว่า คิดถูกหรือคิดผิด เมื่อคิดผิด ก็ต้องมาตั้งเข็มทิศกันใหม่

        เทียบกับรายการรักพ่อ รายการวิทยุ ที่เริ่มต้นจัดด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม แต่เมื่อจัดได้ 3 ตอนแรก เริ่มท้อใจ เมื่อพบปัญหาหลายอย่าง ต้องมาทบทวน มองความเป็นจริง จนมีเสียงใสๆ กำลังใจสำคัญ เข้ามาร่วมจัดเป็นช่วงหนึ่งในรายการ และเสียงใสๆนี้แหละ ที่เป็นแรงขับเคลื่อน เป็นพลังที่สำคัญให้รายการรักพ่อ ผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 7 เดือน

         หลายครั้งที่คิดไม่ออกว่าจะจัดรายการแบบไหน ก็ได้ความคิดมาจากการได้เปิดนั่งฟังรายการที่ คนเสียงใสๆ จัด หยิบมุมมอง ไอเดีย มาประยุกต์ ปรับใส่ในรายการรักพ่อ จึงเกิดการผสมผสานหลายส่วน จนเกิดรูปแบบเฉพาะของตัวรายการเอง
กำลังใจสำคัญนี้ เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญเช่นกัน

         เช่นเดียวกับงานจิตอาสาของบางกลุ่มกิจกรรม ที่ทุกอย่าง เกิดจาก "ใจ" เท่านั้น ถ้าไม่มีใจให้แล้ว ก็จะไม่อยากมาร่วมกิจกรรมใดๆทั้งนั้น

         ถ้าปรับใจได้ ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นปัญหาได้ เรื่องเล็กจะไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่เกินความจำเป็น

Related Posts by Categories

Widget by Hoctro | Jack Book