ช่วงเวลาที่เงินในกระเป๋าเหลือน้อย การเดินทางต้องต่อรถเมล์แดง บางทีรอรถเมล์ฟรีที่ป้าย บางครั้งก็ไม่มาสักที จนต้องอาศัยวิธีขึ้นรถเมล์ไปลงป้ายใกล้ๆ แล้วเดินมาขึ้นรถเมล์สายที่จะไปยังจุดหมาย แต่ทว่าวันนี้ เพื่อนคนหนึ่งขึ้นรถเมล์อีกสายหนึ่ง เพื่อมาต่อรถอีกสาย ในแบบที่คิดว่าประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ทว่า เมื่อก้าวลงยังป้ายรถเมล์ที่รถจอด สถานที่แห่งนั้น ทำให้เขาหยุดเดิน ความรู้สึกที่รุนแรงบางอย่าง ทำให้เขาต้องหยุดและค่อยๆนั่นที่ป้ายรถเมล์
ป้ายรถเมล์นั้น อยู่ริมถนนราชดำเนิน มองไปอีกฝั่ง คือ สะพานมัฆวาน บริเวณที่เขาเคยมาร่วมชุมนุมเมื่อปี 2551 และปี 2554 ที่พึ่งผ่านไป แต่ในความรู้สึกวันนี้ มันไม่เหมือนวันวาน!!
เพียงแค่ไม่กี่เดือน ที่เขาเข้าไปสัมผัสสังคมออนไลน์ที่ผู้คนเรียกขานมันว่า เฟสบุค ช่องทางที่ทำให้เขาได้ติดต่อกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เคยพบเจอกันมามากมาย แต่เพียงไม่กี่เดือน กลับทำให้เขาค้นพบความจริงที่ไม่อยากรับรู้ !!
บริเวณป้ายรถเมล์ที่เขานั่งอยู่ ในวันนี้ มีรถต่างๆ วิ่งผ่านไปเรื่อยๆ รถเมล์คันที่เขารอ ก็วิ่งผ่านไปหลายคัน แต่เขามองเห็นภาพเก่าๆ ภาพเต็นท์ ที่ติดป้ายจังหวัดต่างๆ มุมถนนตรงนั้น เขาเคยมานอน คอยมานั่งกินข้าวในกระทงใบตอง ที่เคยไปช่วยนั่งพับที่เต็นท์กองทัพธรรม ภาพแห่งรอยยิ้ม น้ำใจไมตรีมากมายในวันวาน แต่วันนี้ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ จากคนที่เคยพบเจอกัน คนกลุ่มเดิม หลายคน แต่ทำให้เขารู้สึกไม่เหมือนเดิม
ช่วงเดือนตุลาปี 54 เขาก็มาร่วมงานรำลึกวีรชนที่ลานพระบรมรูป เหมือน2ปีก่อนที่เคยมาร่วมงาน แต่ตอนนี้ เขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เหมือนเดิม จนต้องโทรศัพท์มาหานายบอน
"พี่ ผมรู้สึกแย่มากๆ"
"เป็นอะไรเหรอ ตอนนี้อยู่ที่ไหนล่ะ"
เขาเล่าให้ฟังคร่าวๆ อือม .... ความจริงหลายอย่าง กำลังไล่ล่าและกัดกินความรู้สึกเหล่านั้นของเขาอยู่!!!
"หลายคนที่รู้หน้า แต่ไม่เคยรู้ใจจริงๆ คนที่คิดว่าดี แต่กลับไม่ดีอย่างที่คิด"
"ก็เหมือนกับสังคมทุกที่ล่ะ มีทั้งดีและไม่ดี"
"เห็นหลายข้อความที่อ่านแล้ว ช็อคมากเลยพี่ รู้สึกว่า เราเจอแต่คนที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ความจริงใจที่คิดว่าจะพบเจอเหมือนตอนที่เคยได้เจอ แต่พอมานั่งหน้าจอ มันคนละเรื่องกันเลย"
" ใครทำอะไรให้เหรอ ถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้"
บางเรื่องราวถูกระบายออกมา พร้อมกับความทรงจำหลายอย่าง ที่เขานึกถึง ในสถานที่ที่เขากำลังนั่งรอรถเมล์อยู่ขณะนั้น สถานที่ที่ทำให้เขาพบมิตรสหายจากต่างถิ่นมากมาย แต่เพียงในเวลาไม่กี่เดือนผ่านไป มิตรสหายที่เคยคบหาด้วยความจริงใจ วันนี้ กลับไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว จากที่เคยเป็นหนึ่งเดียว กลับต้องแยกเป็นสองฝ่าย แล้วมีคำถามมาถึงเขาว่า เขาควรจะอยู่ฝ่ายไหน ในขณะที่อีกคน บอกเขาว่า เขาไม่ชอบการใส่หน้ากาก ไม่ขออยู่ในกลุ่ม พวกที่เคยอยู่
"สับสนหรือ กับสิ่งที่พึ่งรับรู้ในวันนี้"
"พี่ว่า ผมควรจะทำยังไง"
"ขึ้นรถเมล์ ออกจากที่นั่นเถอะ ไปยังที่ที่จะไป ไปทำงานที่จะทำในวันนี้ ใครจะเป็นยังไงก็แล้วแต่เขา แต่เราก็มีชีวิตของเรา มีหน้าที่ ความรับผิดชอบที่ต้องทำ ความรู้สึกในวันวาน เก็บไว้เป็นความทรงจำได้ แม้ความจริงในปัจจุบัน จะโหดร้ายบ้าง แต่เราก็เลือกที่จะมีชีวิตในแบบที่เราเป็นไป เหมือนการเดินทางของนาย ด้วยรถเมล์ในแบบของนาย นายคงรู้ดีว่า อะไรที่เหมาะสำหรับนายนะ"
เขากล่าวขอบคุณและพึ่งวางสายไปเมื่อตอนบ่ายโมงที่ผ่านมา
วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555
**ความรู้สึก ณ ป้ายรถเมล์ริมถนนราชดำเนิน ***
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น