มีน้องโทรมาสอบถามการเดินทางไปยังเขาพระวิหาร โดยจะเดินทางไปด้วยตัวเอง ไม่อยากจะเป็นภาระให้ใคร หรือพึ่งพาใครไป อยากจะเปิดโอกาสให้คนอื่นที่อยากไป แต่ติดขัดที่ทุนทรัพย์ และข้อจำกัดหลายอย่าง ได้เดินทางไปกับหมู่คณะต่างๆ จะดีกว่า
น้องสาวของนายบอนคนนี้ มีจุดยืนของตัวเอง ที่ผู้ใหญ่หลายคนต้องอาย!!
น้องเค้าจะเดินทางจาก กทม. ไปกับคุณแม่ และเพื่อนอีกคน คุณแม่ที่สูงวัยแล้ว แต่หัวใจเกินร้อย อยากไปร่วมชุมนุมทวงคืนเขาพระวิหารในวันที่ 19 ก.ย.52 แม้สุขภาพร่างกาย ต้องได้รับการดูแลจากคุณหมอเป็นระยะๆ น้องเค้าถามถึงที่พัก โรงแรมในศรีสะเกษ ถ้าได้ที่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลก็น่าจะดี เผื่อได้พาคุณแม่ไปที่โรงพยาบาล.. น้องเค้าตั้งใจว่าจะเดินทางไปเอง โดยรถไฟด่วน, ด่วนพิเศษจากกรุงเทพ - ศรีสะเกษ... แม้หัวใจ พร้อมที่จะเดินทางมาเต็มที่ แต่ที่เขาพระวิหาร อยู่กลางป่า ไม่สะดวกสบายเหมือนการชุมนุมที่มัฆวาน-ทำเนียบ ย่อมมีความลำบากมากกว่า ทั้งเรื่องสถานที่ ห้องน้ำ การเดินทาง เลยแนะนำน้องเค้าไปว่า มากับหมู่คณะน่าจะดีกว่า สะดวกกว่าที่จะมาเอง
น้องเค้าเป็นเด็กผู้หญิงที่กำลังเรียนชั้นมัธยมเท่านั้น แต่อยากที่จะมาเรียกร้อง มาดูให้เห็นกับตาว่า เกิดอะไรขึ้นที่เขาพระวิหาร
ติดตามฟังข่าวความเคลื่อนไหวที่เขาพระวิหาร ก่อนจะถึงวันนัดหมาย มีทีมงานของ อ.วีระ สมความคิด เข้าไปอยู่ในพื้นที่เขาพระวิหาร ประมาณ 20 คน อยู่เตรียมการในพื้นที่รอวันนัดหมาย แล้วก็มีข่าวทหารหลายนาย พร้อมอาวุธครบมือ เดินทางเข้าไปเจรจากับทีมงานของ อ.วีระ ขอให้ออกไปจากพื้นที่ ทีมงานของ อ.วีระ ถามว่า แล้วมีสิทธิอะไรที่จะให้พวกเขาออกไป นอกจากเป็นคำสั่งปิดอุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหารเท่านั้น
ยังมีข่าวคราว ข้าราชการในศรีสะเกษ สั่งให้ร้านอาหาร งดให้บริการกับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาชุมนุม, โรงแรมบางแห่ง ปิด, ปั้มน้ำมันปิด ไม่ให้พี่น้องกลุ่มรวมใจทวงคืนเขาพระวิหารได้รับความสะดวก เพื่อจะให้ อยู่ไม่ได้.....ถอยออกไปเอง
คิดแล้วน่าเศร้า แทนที่จะไปผลักดัน ขับไล่คนเขมร ที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทย มาตั้งบ้านเรือน ตั้งวัด ซึ่งผิดเห็นๆ แต่กลับมาขัดขวางคนไทยที่จะไปแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ กลัวจะเกิดความขัดแย้ง ได้ยินข่าวนี้แล้วงง .... แทนที่จะผลักดัน ขัดขวางคนเขมร
แต่กลับมาขัดขวางคนไทย....
คงจะมีคนไทยหัวใจเขมรอยู่มากมายในเวลานี้
ประเทศไทย มีประชากรมากกว่า มีทรัพยากรมากกว่า หลายอย่างเหนือกว่า แต่แทบไม่น่าเชื่อ กลับยอมเขมรหลายอย่าง ทั้งๆที่เขมรควรจะยอม และเกรงใจไทยมากกว่า
แต่เพราะคนไทย ขาดความสามัคคี ขาดทิศทาง แม้จะมีคนมากกว่า แต่ก็ไร้พลังที่จะต่อกรกับใครๆ
ติดตามข่าวสารที่หลายคน บ่นว่า เบื่อ เซ็ง เพื่อนหลายคนไม่คิดที่จะไป แต่เมื่อเห็นความจริงที่เกิดขึ้น จึงทนไม่ไหวแล้วที่จะปล่อยให้เมืองไทยสูญเสียสิ่งที่เป็นของเราไปอย่างง่ายๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
น้องสาวที่อยู่ใน กทม. เลยโทรมาหานายบอน ถามเรื่องการไปเขาพระวิหาร แม้แต่คุณแม่ซึ่งสุขภาพไม่ค่อยจะแข็งแรงมากนัก ยังตั้งใจอย่างเต็มที่...ที่จะเดินทางไปที่เขาพระวิหาร เห็นความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้ว นายบอนเลยต้องแนะนำให้น้องกับคุณแม่ไปกับหมู่คณะที่จะเดินทางไปจะดีกว่า ซึ่งน้องเค้าจะไปกับกองทัพธรรม ซึ่งน่าจะสะดวกกว่า เดินทางไปกันเอง
ไม่มีใครรู้ว่า พวกเราจะเคลื่อนไหวกันต่อไปอย่างไร
แต่การมีจุดยืนที่ชัดเจน มีทิศทางที่แน่นอน และมีความสามัคคี การขับเคลื่อนขบวนรวมใจไทยทวงคืนเขาพระวิหาร น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิมแน่นอน..
ดีกว่า รอแต่เจรจา ส่งหนังสือประท้วงเขมร แล้วทหารเขมร ก็เข้ามาบุกยึดพื้นที่ตามชายแดนไปเรื่อยๆ เข้ามาตั้งหมู่บ้าน ส่งคนเข้ามาอยู่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่รัฐบาล และคนที่มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน เอาแต่รอฟังคำสั่งจากรัฐบาล เราคงถูกคนเขมรเข้ามายึดพื้นที่ไปเรื่อยๆ
มีคนบอกว่า
" ทหาร เมื่อไม่ทำงาน ก็อย่ารังแก คุกคาม คนที่ทำเพื่อชาติ อย่าเอาเท้าราน้ำ"
วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552
มีจำนวนมากกว่า แต่ขาดสามัคคี-ไร้ทิศทาง จุดอ่อนของไทยต่อเขมร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น