ช่วงที่นายบอนนั่งรถมากับคุณ "ผู้ชายปลายนา" กลับมาจากต่างจังหวัดในช่วงเย็นวันที่ 6 กย ท้องฟ้าข้างหน้ามีเมฆครึ้ม ผู้ชายปลายนาบอกให้ดูลักษณะก้อนเมฆฝน สังเกตหัวเมฆ หางเมฆ ทิศทางการเคลื่อนตัวของเมฆ "เราอยู่ตรงหางเมฆ ฝนคงตกไม่หนักมาก แต่ด้านโน้น ที่เห็นเมฆหนาๆ ด้านนั้นจะตกหนัก"
ขับรถมาอีก 10 กิโลเมตร ฝนเริ่มตกลงมา ผู้ชายปลายนาบอกว่า "ช่วงที่ฝนเริ่มตกแบบนี้แหละ ที่อันตรายที่สุด เกิดอุบัติเหตุง่ายที่สุด ช่วงที่ฝนตกหนักๆ จะเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่าช่วงนี้"
เอ๊ะ จริงหรือเปล่านี่?
"ตอนที่ฝนเริ่มตกใหม่ๆ ดินที่ติดมากับดอกยางรถยนต์จะหลุดออก เลอะบนผิวถนน เป็นช่วงเวลาที่ดอกยางเกาะถนนไม่ดี ฝนเริ่มตก น้ำยังไม่มาก น้ำยังล้างดินที่เกาะดอกยางและเกาะผิวถนนออกไม่หมด รถที่ขับตามๆกันมา ถ้าขับเร็ว ประมาท ไม่ระวัง ระหว่างที่ขับรถแซงกัน สวนกัน ถ้าต้องเบรกกระทันหัน หรือ มีอะไรวิ่งตัดหน้า ถ้าเบรคในช่วงเวลานี้ จะเบรคไม่อยู่ รถจะลื่นไถลไป จะไปชนกับรถคันอื่น หรือ พลิกลงข้างถนนได้ทั้งนั้น เพราะดอกยางเกาะถนนได้ไม่ดี"
ผู้ชายปลายนา ขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง ทั้งที่ฝนเริ่มตก ถนนยังดูเปียกแฉะไม่มาก ดูไม่น่าจะอันตราย แต่พอขับรถมาอีก 30 กิโลเมตร เห็นรถเกิดอุบัติเหตุ, มีรถลงข้างทางแล้วมีรถของมูลนิธิที่มาช่วยเหลือ กำลังดึงรถขึ้นมา สังเกตดูถนน น้ำก็ยังไม่เจิ่งนอง ดูเหมือนใกล้จะแห้งแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เจอรถเกิดอุบัติเหตุอีกหลายคัน พอรถวิ่งเข้ามาถึงตัวอำเภอหนึ่ง น้ำไหลบ่าท่วมตรงถนน ไม่เจอรถเกิดอุบัติเหตุเลย
ถ้าจะบอกว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุในตัวอำเภอ ที่มีเครื่องมือ อุปกรณ์ คน พร้อม ย่อมสามารถมาเก็บกู้ ช่วยเหลือได้เร็ว จนไม่เห็นรถที่เกิดอุบัติเหตุ ก็ไม่คงไม่ใช่ อย่างน้อยจะต้องเห็นกรวยสีส้ม, เห็นรถช่วยเหลือ มีสัญญาณไฟมาตั้งไว้ บอกว่า จุดนี้เกิดอุบัติเหตุ
ข้อสังเกตเรื่องฝนตกใหม่ๆกับดินที่หลุดจากดอกยางรถ เป็นประสบการณ์ที่ผู้ชายปลายนา สังเกตมาหลายปี จึงขับรถด้วยความระมัดระวังในช่วงที่ฝนเริ่มตกใหม่ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น