19 กันยายน 2552 ดูเหมือนจะเป็นวันนัดหมายสำคัญหลายงาน จากขั้วการเมือง 2 ขั้ว ณ ใจกลาง กทม. และ ชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ศรีสะเกษ โดยเป็นการนัดรวมพลชุมนุมของ กลุ่มเสื้อแดง นปช. และกลุ่มพี่น้องรวมใจคนไทยทวงคืนเขาพระวิหาร โดยกลุ่มเสื้อเหลืองเป็นหลัก
เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น สื่อกระแสหลัก สื่อฟรีทีวี หนังสือพิมพ์ จะเกาะติดข่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ในวันที่ 19 ก.ย.2552 สื่อฟรีทีวี สื่อกระแสหลัก ดูจะสนใจกับการชุมนุมของ นปช.เป็นหลัก ซึ่งจัดการชุมนุมในพื้นที่ใจกลางเมืองหลวง มีตัวละครที่น่าสนใจหลายคน รัฐบาลออกกฎหมายความมั่นคง เพื่อดูแลควบคุมการชุมนุม ถ้าเปรียบเทียบกับการต่อสู้ ก็เหมือนมีคู่ต่อสู้ที่มองเห็นได้ชัดเจน ฝ่าย เสื้อแดง มีแกนนำ 3 เกลอหัวขวดและทีมงาน รวมถึงไข่แม้วที่พร้อมโฟนอินได้ทุกงาน และฝ่ายรัฐบาล มีทั้งรองนายกฯ ตำรวจ ทหาร มีประเด็นที่สื่อจะเกาะติดทำข่าว จับประเด็นข่าวมารายงานได้แทบทุกชั่วโมง
ส่วนการชุมนุมที่ชายแดนไทย กัมพูชา คู่ต่อสู้ ฝ่ายหนึ่งคือ กลุ่มประชาชนที่รวมใจไปทวงคืนเขาพระวิหาร นำโดยคุณวีระ สมความคิด ,ทีมงาน และพี่น้องพันธมิตรจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ เดินทางไปชุมนุมเรียกร้องอย่างสงบ สันติ ในวันที่ 19 ก.ย.2552 มีข้อเสียเปรียบคือ อยู่ในพื้นที่ที่ไกลสื่อ มีตัวละครที่สื่อฟรีทีวีให้ความสนใจ มีเพียงไม่กี่คน มีประเด็นที่สื่อจะเกาะติดมาทำข่าว รายงานได้น้อยกว่า
และที่สำคัญ ที่ผ่านมา สื่อฟรีทีวี ไม่ค่อยให้พื้นที่ เวลาในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเขาพระวิหารมากนัก ....ลองไปสอบถามเพื่อนหลายคน รู้เรื่องเขาพระวิหารแค่ไหน บางคนตั้งคำถามกลับมาว่า มีอะไรหรือ จะชวนไปเที่ยวหรือเปล่า
มีนักวิชาการที่ขอนแก่นท่านหนึ่งบอกว่า พันธมิตรไม่น่าเลือกวันที่ 19 ก.ย.เลย ไม่ว่าจะทำอะไรแค่ไหน ก็คงไม่ได้รับความสนใจมากนัก เพราะสื่อกระแสหลักคงจะเกาะติดรายงานการชุมนุมของ นปช.ทุกชั่วโมง จนแทบจะไม่มีพื้นที่ให้กับการชุมนุมที่เขาพระวิหารมากนัก ...ซึ่งข่าวจากเขาพระวิหาร คงต้องติดตามรายละเอียดจาก ASTV เท่านั้น
แล้วในมุมมองของนักวิชาการท่านนี้ มองเหตุการณ์ที่จะเกิดในวันที่ 19 ก.ย.2552 อย่างไรบ้าง
" ถ้าเกิดเหตุ นปช. พามวลชนไปปิดล้อม ปิดถนน ไปปราศรัยด่าว่าบุคคลสำคัญ แค่นี้พื้นที่ข่าวก็ถูกยึดไปหมดแล้ว ยิ่งถ้าเกิดเหตุรุนแรง มีการปะทะ ทำลายข้าวของ จะเป็นประเด็นข่าวไปอีกหลายวันในสื่อฟรีทีวี แทบจะกลบข่าวการชุมนุมที่เขาพระวิหารไปเลย.... ถ้าในช่วงเดียวกันนั้น เกิดเหตุประทะ หรือเหตุร้ายที่เขาพระวิหาร สื่อฟรีทีวีอาจจะช่วยปิดข่าว หรือบิดเบือนข่าว ใส่ร้ายกลุ่มผู้ที่เดินทางไปชุมนุมที่เขาพระวิหาร บิดเบือนผิดไปจากความเป็นจริง ยิ่งคนเสื้อแดง ยิ่งจะช่วยบิดเบือนมากกว่าเดิม ขนาดเหตุการณ์ 7 ตุลา 51 เกิดเหตุใจกลางเมืองหลวงแท้ๆ มีผู้อยู่ในเหตุการณ์มากมาย แต่ยังถูกเอามาบิดเบือน ตีความ ใส่ร้ายป้ายสีกลุ่มคนเสื้อเหลืองได้ตลอด แล้วที่เขาพระวิหารที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงหลายร้อยกิโลเมตร จะไม่ง่ายต่อการบิดเบือนหรือ !!! "
นายบอน - "แล้วการไปชุมนุมที่เขาพระวิหาร จะไม่ได้รับความสนใจ การต่อสู้จะเงียบหายไป สูญเปล่าไปเลยหรือ"
" คนที่มีหน้าที่ปกป้อง ดูแลประเทศชาติ แต่ไม่ทำหน้าที่ จะพยายามปิดข่าว กลัวข่าวความขัดแย้งรุนแรง จะถูกเผยแพร่ออกมา กลัวจะเสียผลประโยชน์ที่กำลังจะได้รับหลายอย่าง แต่วิธีการเคลื่อนไหวของประชาชนรวมใจทวงคืนเขาพระวิหาร ถ้าทำให้ฝ่ายเขมร ต้องโวยวายออกมา แล้วภาคประชาชน นำภาพข่าว ข้อมูลที่เกิดขึ้น ออกมานำเสนอให้เห็นหลักฐานอย่างชัดเจน ถ้าความจริงถูกเผยแพร่ออกมา เขมรคงต้องแพ้ไปในที่สุด แต่ฝ่ายคนไทยที่ช่วยเขมร ยอมเขมรทุกอย่าง คงจะนำเสนอข้อมูลหักล้าง บั่นทอนทำลายความน่าเชื่อถือของพี่น้องที่ไปร่วมชุมนุม ถ้าฝ่ายประชาชนนำเสนอข้อมูลได้ดีกว่า น่าจะทวงคืนพื้นที่ที่ถูกทหารเขมรเข้ามายึดที่เขาพระวิหารได้สำเร็จ แต่ถ้าชักช้า ไม่ทันเกมของคนไทยที่ช่วยเขมร , สื่อฟรีทีวีกระแสหลัก ที่จะร่วมบิดเบือน แก้ตัว ให้ข่าวว่า ไม่มีอะไรที่ร้ายแรง ฝ่ายประชาชน คงจะเหนื่อยหนักมากกว่าเดิม"
"ประเด็นที่น่าใส่ใจคือ ทำยังไง ข้อมูลจึงจะไม่ถูกบิดเบือน ทำยังไง พี่น้องที่ร่วมเดินทางไปชุมนุมด้วยหัวใจที่รักชาติ จะไม่ถูกใส่ร้ายว่า เป็นผู้ร้ายทำลายความสงบสุข ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นักการเมืองที่เคยสนับสนุนการต่อสู้ในช่วง 193 วันของพันธมิตร ในเวลานี้ กลุ่มคนเหล่านั้น พร้อมที่จะทำลายความน่าเชื่อถือ ความชอบธรรมของประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมได้ตลอดเวลา"
นายบอน - "แล้วเราควรจะทำอย่างไรล่ะ"
"เรื่องนี้คงต้องคิดหาวิธีการกันใหม่แล้ว คิดหารูปแบบการเผยแพร่ข้อมูลที่ต่างจากเดิม อาจจะต้องระดมสมอง นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน อย่าง ดร.เสรี วงษ์มณฑา มาคิดรูปแบบการเผยแพร่ข้อมูลที่ต่างจากเดิม ...ถ้ามองจากเหตุการณ์ 7 ต.ค.2551 ที่มีหลายคนได้บันทึกภาพเหตุการณ์ ด้วยกล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ หลายคนบันทึกเหตุการณ์จริงได้หลายมุม หลายช่วง ทั้งๆที่หลักฐานเหล่านั้นน่าจะนำมาใช้พิสูจน์ความจริงได้ แต่ทำไมกลับถูกบิดเบือน ใส่ร้ายจากฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พวกเราเป็นนักสู้ แต่ไม่ถนัดในการใช้สื่อ เผยแพร่ข้อมูลทำความเข้าใจมากนัก ทั้งๆที่มีข้อมูลความจริงมากมาย แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ ส่วนใหญ่แล้ว มีแต่พวกเดียวกันที่รับรู้ อ่าน ฟัง และวิเคราะห์ด้วยเหตุผล แต่ฝ่ายตรงกันข้าม ไม่เคยเปิดใจรับฟังเลย ข้อมูลที่ชี้แจงออกไป เหมือนบอกเฉพาะพี่น้องพันธมิตรเป็นหลัก แต่ไม่ได้ ช่วยอะไรมากนัก"
"คงต้องหาวิธีการ กลยุทธจากนักสื่อสารมวลชน เพื่อการนำเสนอข้อมูลความจริงสู่สังคมที่เข้าถึงผู้คนและเป็นประโยชน์จริงๆ พื้นที่ในการนำเสนอในรูปแบบที่เคยใช้ คงต้องมองหาวิธีการใหม่ๆบ้าง ถ้าการเผยแพร่ข้อมูลทางอินเทอร์เนต หากเผยแพร่ในช่องทางเดิมๆ ด้วยวิธีการแบบเดิมๆ นำเสนอด้วยลีลาแบบเดิมๆ ก็คงไม่เป็นประโยชน์มากนัก เช่น ถ้าเผยแพร่ข้อมูลในเวบไซต์หลัก ใน webboard, blog ที่เดิม ฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามาดู ตั้งป้อมในใจไว้แล้วว่า ถ้าเข้ามาที่เวบแห่งนั้น คือ เข้ามาหาข่าวของฝ่ายตรงกันข้าม เพื่อมาจับผิด มาบิดเบือน โจมตี..เรียกว่า ไม่ได้เปิดใจที่จะรับฟังข้อมูลในที่นั้นแล้ว แต่ถ้าคิดหาการนำเสนอข้อมูลเชิงรุกบ้าง น่าจะได้ผลมากกว่านี้... เหมือนอย่างวงการโฆษณา ยังมีการคิดรูปแบบใหม่ๆที่โดนใจผู้ชมอยู่เรื่อยๆ ถ้าระดมสมองจากนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน มาคิดรูปแบบตรงนี้ได้ การชุมนุมทวงคืนพื้นที่ที่ถูกเขมรเข้ามาบุกรุกที่เขาพระวิหาร น่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าในเวลานี้"
ขอบคุณ ข้อมูลข้อคิด จากนักวิชาการขอนแก่น