ขอเล่าเรื่องระหว่างความรักและความผูกพันกับคุณแม่นะคะ จะเรียกคุณยายตามหลาน ตอนที่คุณยายเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว ความผูกพัน ฉันชื่อ จันทนา สุวรรณดารานะคะ ชื่อตามศาสนาอิสลาม ชื่อ ไอซะ เป็นลูกสาวคนโตของคุณยาย คุณยายจะเป็นคนที่ดุ พอวันนึง เราโตมามีครอบครัว คุณยายมีอายุมากขึ้น เข้าใจลูกมากขึ้น ช่วงนั้นรู้สึกว่า ใกล้ชิดกับคุณแม่ขึ้นมา มีลูกก็เข้าใจความรู้สึกของลูก เหมือนแม่ที่เข้าใจความรู้สึกของเรา แล้วเราเป็นอิสลาม ซึ่งให้เกียรติของคำว่า พ่อแม่ ซึ่งศาสนาอิสลาม จะให้เกียรติแม่ถึง 3 ครั้ง มีคนถามพระศาสดาว่า พระศาสดาให้ความสำคัญกับพ่อแม่ ให้ใครก่อน
พระศาสดาก็บอกว่า แม่ ให้เกียรติของความเป็นแม่ ถึง 3 ครั้ง ให้พ่อ 1 ครั้ง เมื่อวันนึงที่ไอซะ มีความทุกข์ ก็จะเดินไปหาแม่ บอกแม่ช่วยขอพรให้ทีนะ รู้สึกไม่สบายใจ และมีความทุกข์ แม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจะสวดมนต์ให้ ท่านคะ ซะเหมือนมีความรู้สึก ทุกข์ได้ถูกปัดเป่า โดยที่มีความรู้สึกว่า คำสวดมนต์ของแม่เรา เหมือนเป็นน้ำ อัมฤทธิ์ที่มาชำระใจให้มีความสุข มีกำลังที่จะต่อสู้ขึ้นมา คุณยายจะเป็นคนที่มีจิตใจดี ชอบทำดี จึงเป็นความรู้สึกและความดีที่ถ่ายทอดมาถึงลูกๆว่า เมื่อเราทำบุญ เราจะรู้สึกมีความสุข เพราะเราเคยเห็นแม่ทำบุญ
ท่านคะ บุญนั้นจะส่งมาถึงลูก พ่อแม่ทำบุญไว้ พระเจ้าท่านเห็น พระเจ้าท่านให้พร และกุศลนั้นจึงได้ส่งมาถึงลูกๆ ผู้เป็นพ่อเป็นแม่คะ ขอให้ทำกุศลผลบุญไว้ เมื่อเราสิ้นชีวิตไป ผลบุญนั้นจะมาถึงลูกๆ
วันนึงที่เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา เป็นคุณแม่ขึ้นมา เราจะมีความรู้สึกว่า เราได้รับการถ่ายทอดตจากที่เห็นแม่ปฏิบัติ ว่าได้ทำบุญ ทำบุญให้คนยากจน เห็นใครที่ยากจนก็แบ่งสตางคให้กับคนนั้น เราเห็นเค้าทำ เรารู้สึกว่า มีความสุขมาก
ในอาหารหม้อนึง เราไม่ได้กินบ้านเดียว แต่เราสามารถแจกจ่ายให้คนได้กินหลายๆบ้าน ซึ่งบ้านซะเคยถือข้าวไปแจก แล้วก็มีคนจนสองพี่น้อง ..น้องเป็นอัมพฤกษ์ พี่มาดูแลน้อง พี่อายุ 80 ดูแลน้องอายุ 60 กว่า พอ ไอซะ ถือกับข้าวไปให้เค้า เค้าบอกว่า เค้ากำลังหิวอยู่พอดี อาหารของเราไปให้เค้าในเวลาที่เค้ากำลังหิว เรามีความรู้สึกว่า นี่ละ ที่พ่อกับแม่ เคยสอนเราไว้ว่า ให้ทำบุญให้กับคนยากจน ก็เราไม่รู้ใช่มั้ยคะ เราถือกับข้าวไปเนี่ย เราไม่รู้ว่า บ้านนี้กำลังหิว พอเค้าบอกว่ากำลังหิว เรามีความรู้สึกว่าเราดีใจ เหมือนน้ำตาไหล เรากำลังเอาอาหารมื้อนี้มาให้เค้ากิน แล้วเค้าก็ได้ขอพรให้กับเรา
เราก็จะบอกจะสอนน้องๆไว้ เวลาเชิญใครมา หรือพบกับใคร จงเปิดใจให้กับเค้าก่อน อย่างกลุ่มแม่บ้านในชุมชน มีประชุม เราก็จะเปิดใจทำอาหารเลี้ยงเค้า โดยที่ไม่ต้องรับเงินจากเค้า ขอให้มาฟังว่า นโยบายของเราทำยังไง รับประทานอาหารให้มากที่สุด เราจะดีใจมาก แล้วเราจะได้ทำงานกลุ่มของเราให้ประสบความสำเร็จ เพราะว่า เราได้ให้ใจกัน ผลไม้ในสวนของเรา เราไม่เคยขาย เราเอามาแจกกัน คนที่เช่าบ้านเรา เราก็เอามาแจกเค้ากิน เพราะว่าพ่อกับแม่ของเราเคยทำ อย่าเป็นคนที่จิตใจคับแคบ ให้เป็นคนที่จิตใจกว้างขวาง แล้วเราจะได้สิ่งนั้นไปชั่วชีวิตที่เราเคยได้รับกันมา
ตอนที่คุณยายมีชีวิตอยู่... แม่มีชีวิตอยู่นะคะ แม่ไปเรียนพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน คุณแม่ก็มาท่อง อ่านทุกเช้า หลังจากที่ท่านสวดมนต์เสร็จตอนตี 5 สวดทุกวัน จนเรามีความรู้สึกว่า สิ่งที่แม่เราสวด เราจำได้ เหมือนเค้าอ่านให้เราฟัง โดยที่เราไม่ต้องท่องเลย สิ่งที่เค้าอ่านทุกๆวันๆ แม้แต่เราเดินไปเดินมา เราก็ซึมซับในความรู้สึกตรงนั้น ก็เอาความรู้สึกดีๆที่แม่เคยทำ มาใช้ในชีวิตประจำวัน พอท่านอายุมากขึ้น ท่านก็เป็นอัลไซเมอร์ ท่านจะค่อยๆลืมจนลืมไปหมดว่าลูกคนไหนๆ จนวันนึง พ่อป่วย ก็เข้ามาอยู่ที่บ้านซะ แม่ก็ไปอยู่ที่บ้านน้องสาว ซะก็ดูแลคนพ่อ จนคุณพ่อเสียชีวิต หลังจากนั้น น้องสาวก็เอาแม่มาฝากไว้ ในระหว่าง 2 ปีนั้น แม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ เริ่มไม่พูด ซึ่งเรามีความรู้สึกว่า ตอนนี้ เราต้องใกล้ชิดเค้าให้มาก
แม้แต่เราจะเดินเข้าไปในครัว ยังจะต้องเดินมาบอกแม่ที่เตียงนะ ว่า แม่ หนูเข้าครัวนะ หนูทำกับข้าวซักเดี๋ยวนะ เดี๋ยวหนูจะเดินออกมา พอเราเข้าครัวสักพัก ก็จะเดินออกมา บอกเค้าว่า หนูยังอยู่นะ หนูไม่ได้ไปไหน เพราะว่า แม่เป็นคนที่ขี้กลัว แต่ถ้ามีใครอยู่ข้างๆ สายตาของเค้า เราจะมองว่า เค้ารู้สึกอบอุ่น เวลาอยู่ด้วยกัน จะอาบน้ำให้เค้า ทาแป้งให้เค้าขาว เราก็จะนอนอยู่ข้างล่างด้วยกัน จะมีเพื่อนๆมาให้ซะทำดอกไม้ติดเสื้อให้ ซะก็จะอยู่ในมุ้งและก็จะทำดอกไม้ ก็จะทำดอกไม้ไปและก็จะดูแม่ไป แม่ก็จะนอนมองเรา ว่า เราทำอะไรอยู่ ก็คุยกะเค้า วันนี้ เธอทาแป้งหน้าขาว ยังไม่นอนอีกเหรอ จะดูชั้นทำดอกไม้ใช่มั้ย คุยกันเหมือนเพื่อนกัน แต่ในสายตาที่เค้ามองเรา เรารู้สึกว่า เค้ามีความสุข เราเข้าใจในความรู้สึกของเค้าว่า เหมือน เราเป็นเพื่อนที่ได้อยู่ข้างๆเค้า จะอยู่กันข้างๆตลอด อาบน้ำทาแป้งให้เค้า บางทีตื่นมาก็จะบอกว่า แหมเธอ ตื่นมาเนี่ย แป้งยังไม่หมดหน้าเลยนะ เรามีความรู้สึกว่า ถ้าเราทำให้เค้าสะอาด ดูสดใส ถึงเค้าจะพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ แต่เราก็มีความสุข พระเจ้าก็เห็นว่า เราได้ดูแลแม่ คนที่ผ่านไปผ่านมา ก็จะเห็นว่า เราดูแลแม่ดีนะ ก็เหมือนความรู้สึกอันนั้น เป็นศีลเป็นพรให้กับครอบครัวเรา
คุณแม่เจ็บมา 6 ปี คุณหมอบอกว่า อัลไซเมอร์เหมือนเค้ากินในสมองหมดแล้ว แล้วอัลไซเมอร์ก็จะหายไป เราก็จะเริ่มสังเกตแล้ว หมอบอกว่า อัลไซเมอร์มีอายุ 5 ปี แต่คุณแม่อยู่ถึง 6 ปีกว่าๆ บอกกับน้องๆเสมอว่า ต้องทำความสะอาด ให้สะอาดที่สุด เสื้อผ้าต้องให้สะอาดที่สุด เพื่อสิ่งที่เค้านอนอยู่ แล้วเวลาที่เค้าถ่าย คือ เค้าลืมไปหมด เราจะต้องไปเรียนจากหมอ ต้องรีดออกมา ให้ถ่ายออกมาให้หมดท้อง เค้าถึงจะสบาย..
ได้สอนน้อง กับน้องสะใภ้ว่า เวลาให้แม่ ให้ถือเสมือนว่า เวลาเราไปโรงเรียน คุณพยาบาล เวลาแม่เราอึ ไม่ได้รังเกียจเลย เค้าเหมือนสนุกที่ได้ทำให้คนไข้ ได้ถ่ายออกมาให้หมด จะเหม็นยังไงก็ไม่ได้มีความรังเกียจ เราก็เลยเอาสิ่งนั้นกลับมาสอนน้องว่า เวลาแม่อึ เวลาทำความสะอาดแม่ เราต้องให้ใจกับแม่ด้วย เพราะสิ่งนั้น เค้าจะได้รับจากเรา ก็คือ เราไม่ได้รังเกียจเค้า แม้เค้าจะถ่าย สกปรก ทำไปทีละขั้นตอน ทำไปช้าๆ ทำไปสบายๆ เค้าจะได้รับความสะอาด เราจะได้ดูแลเค้า
เมื่อวันนึงที่เค้าจากไป เราจะไม่เสียใจ เพราะเราได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเค้า
คุณคะ พี่น้องเรา 5 คน ได้ดูแลแม่ จนมาถึงวาระสุดท้าย ช่วงก่อนที่แม่จะเสีย 2 อาทิตย์ แม่เคยไปเรียนอัลกุรอ่าน ซะก็ไปเชิญอาจารย์ที่เคยสอนอัลกุรอ่านคุณแม่มา ขอให้มาสวดมนต์ให้คุณแม่ฟัง พออาจารย์มา เพื่อนๆก็มาที่บ้าน พอเปิดประตูบ้านเข้ามา แม่มองเห็นอาจารย์ เห็นเพื่อนๆ เค้ามองด้วยสายตา สัมผัสจากสายตาของเค้าได้ว่า แม่เราสดชื่นมาก เหมือนคนที่ไม่ได้เป็นอะไรเลย พอพวกเราเพื่อนๆและอาจารย์ ได้อ่านหนังสือให้กับเค้า สวดมนต์ให้กับเค้าฟัง และขอพรให้กับเค้า
ตามหลักการศาสนาบอกว่า เราสวดมนต์ให้กับผู้ที่ป่วย เค้าจะตอบรับในผลบุญอันนี้ และเค้าจะขอพรให้กับผู้ที่สวดมนต์ให้ด้วย เป็นพรที่พระเจ้ารับ ..พอเราอ่านเสร็จ เพื่อนๆก็กลับไป
คุณคะ อาการของแม่ ก็เริ่มลดแล้วค่ะ คือ อาหารที่ใส่สายเข้าไป ก็จะเริ่มใส่ไม่ได้ เริ่มมีอาการตีกลับ ครั้งสุดท้ายที่คุณหมอนัด พาเข้าไปโรงพยาบาล สังเกตเห็นได้ว่า ร่างกายเค้าอ่อนแรงลงมากๆ ศรีษะเค้าก็จะห้อย ตก ร่างกายที่เคยทรงตัวได้ ก็จะเริ่มห้อยไปห้อยมา สังเกตเห็นแล้วก็บอกกับน้องๆว่า เตรียมตัวนะ กาลเวลานะ ใกล้มาแล้ว
ตามหลักการศาสนาบอกว่า ผู้ที่จะเสียชีวิตจะมีสัญญาณก่อน 40 วัน แต่ไม่มีผู้ใดรู้ แม้แต่คนที่เลี้ยงดูก็จะไม่รู้ แต่เราต้องมีการสังเกตว่าสัญญาณนั้นได้มาแล้ว วันนึงก่อนที่แม่จะเสียสองอาทิตย์ ซะก็ไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลสมเด็จ บอกว่าอาการเป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่า สมองหมดแล้วนะ ก็จะเหลือสายตากับหู ถ้าหูดับ ก็เป็นอันว่าหมด แล้ววันนั้นที่กลับมาจากโรงพยาบาล เสมือนว่า วันนั้นเป็นเวลาสุดท้ายของแม่
แต่ซะได้ขอพรไว้ว่า วันนึง ถ้าแม่เสียชีวิตเนี่ย ขอให้ลูกๆทั้ง 5 คนได้มาสวดมนต์ให้กับแม่ เพื่อเราจะส่งเค้าไป อย่างมีความสุข...
...แล้ววันนั้นก็มาถึง ซะกลับมาจากโรงพยาบาลตอนบ่ายโมง น้องที่ทำงานอยู่ที่นราธิวาสบินกลับมา ไม่ได้คิดว่าแม่จะเสีย บินกลับมาเข้าบ้านได้ 2 ชั่วโมง น้องสาวมาบอกว่า แม่มีอาการไม่ดี ซะก็ขับมอเตอร์ไซต์เข้าไป ก็บอกเพื่อนๆไปตลอดทางเลยว่า แม่อาการไม่ดีนะ เข้าไปอ่านหนังสือกันหน่อย
ทุกคนเข้าไป ล้อมอยู่รอบตัวแม่ ลูกๆทุกคน สะใภ้ ล้อมอยู่รอบตัวแม่ ทุกคนอ่านหนังสือพร้อมๆกัน สวดมนต์กันทุกคน
แม่ ...เปรียบเหมือนใบไม้ที่หลุดจากขั้ว ปล่อยลงไปเบาๆ ปล่อยลงไปจากต้น เบา ปลิวไป เบาๆ นั่นคือ เวลาเค้าหมด เราก็ได้ขอบคุณพระเจ้าว่าวันเวลาของเค้านั้น สิ้นสุดลง แต่าเค้าไปแบบไม่ทรมาน
ไม่ต้องใส่สาย ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ไปในขณะที่ลูกๆทุกคน ได้อยู่รอบตัวเค้า พี่น้อง ญาติพี่น้อง เพื่อน ก็ได้มา แม่ค่อยๆไปทีละนิดๆ จนหมด ทุกวันนี้ ไอซะ คิดถึงคุณแม่ วันนึง ที่ไอซะสวดมนต์ตอนเช้า ก็มีบทสวดบทนึงที่อ่าน เกี่ยวกับผู้พิการที่ให้พระเจ้าท่านยกโทษให้ พอเราอ่านถึงบทนี้ เรารู้สึกว่า เราคิดถึงเค้าขึ้นมา แต่ต่อจากนี้ วันเวลามันจะถอยหลังเราไป ถอยหลังเราไปเรื่อยๆ เราก็ได้แต่ขอพรว่าขอให้ลูกๆทุกคน พร้อมกับตัวเรา ขอให้ไปพบ พ่อกับแม่ ในวันโลกหน้า เราก็สวดมนต์ทุกวัน ขอให้หลุมศพของเค้า เป็นหลุมศพที่กว้างขวาง สว่างไสว ไม่มีสัตว์ร้ายที่มาแทะศพของเค้า ขอให้พ้นจากไฟนรก เราที่เป็นลูกทุกคน สวดมนต์ พร่ำขอพรให้กับเค้า วันนึง เราคงจะได้พบกันในวันโลกหน้า และความดีที่พ่อแม่เคยทำไว้ เมื่อเค้ายังมีชีวิตอยู่ จะเป็นทานที่ดี ที่จะส่งไปถึงลูกถึงหลาน
ผลบุญที่เค้าทำไว้ ขอให้ลูกหลายได้เก็บ ได้เป็นทิศทางนำให้กับเรา.... ขอให้ผู้ที่ยังมีพ่อแม่ ขอให้ได้ทำนุบำรุง ดูแลเค้า ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเค้า
ผู้ใดที่ยังมีแม่อยู่ ผู้นั้นเป็นคนที่โชคดี คือ เรายังมีโอกาสได้ดูแลเค้า ได้ห่วงใยเค้า เราพยายามนะคะ อย่าเสียโอกาสที่จะทำความดีให้กับพ่อแม่ เพราะ สวรรค์นั้นอยู่ในบ้าน อยู่กับพ่อกับแม่ สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้ามารดา สวรรค์ที่ใกล้ที่สุดของเราก็คือ สวรรค์ที่อยู่กับแม่ ทำสิ่งที่ดีกับแม่ วันนึง เมื่อท่านจากไป เราจะได้มีโอกาสทำสิ่งที่ดีๆให้กับแม่แล้ว เราจะได้ไม่เสียใจ ขอฝากทุกคนไว้นะคะ ทำความดีกับแม่ พระเจ้าท่านให้เกียรติแม่ถึง 3 ครั้ง ทำความดีกับพ่อ พระเจ้าท่านก็ให้เกียรติถึง 1 ครั้ง แต่ไม่ใช่ว่า เกียรติของพ่อและแม่จะหายไปจากหัวใจของเรา เกียรติของท่าน ก็เสมอเหมือนกัน แต่ในพระคุณของแม่ พระเจ้าท่านได้ให้ทำสิ่งที่ดีกับแม่มาก เพราะแม่ได้อุ้มท้องเรา ได้อยู่กับแม่ตลอด ได้ฟังเสียงแม่สวดมนต์ในท้อง พอวันนึง ที่แม่เกิดมา แม่ก้ได้ดูแลทะนุถนอมเรา เพราะฉะนั้น โปรดได้ดูแลเมื่อบั้นปลายชีวิตเถอะ เพื่อวันนึงข้างหน้า ลูกคุณเมื่อมองเห็นที่คุณทำสิ่งที่ดีๆไว้ ณ เวลานี้ เค้าจะได้มาดูแลคุณ เมื่อคุณแก่เฒ่าต่อไป
วันที่แม่ฝังศพเป็นวันศุกร์ แม่เสียตอนเย็นวันพฤหัสก็จะข้ามวันมาฝังอีกวันนึง ซึ่ง ตามหลักการศาสนา เย็นวันพฤหัส คือวันใหม่ของอีกวันแล้ว คนที่มาละหมาดวันศุกร์เสร็จ ก็ได้ละหมาดให้กับแม่ เต็มไปหมดทั้งมัสยิด โดยที่เราไม่ได้เชิญใครเลย อาจารย์ที่มัสยิด ก็ได้สรรเสริญแม่ว่า เป็นคนที่จิตใจดี และเป็นคนที่ชอบทำบุญ ซึ่งลูกๆที่ยืนฟังอยู่ตรงนั้น เหมือนเป็นเกียรติกับวงค์ตระกูลเรา ว่าพ่อแม่เราเป็นคนดี เค้าถึงได้มาสรรเสริญแม่เรา สรรเสริญครอบครัวเรา เราไม่ได้บอกให้เค้าสรรเสริญ แต่เป็นความรู้สึกที่เค้ากล่าวออกมาจากใจ เพราะฉะนั้นเหมือนสิ่งที่ดีที่เค้าทิ้งไว้ให้กับวงศ์ตระกูล ก็คือ ความดีของแม่ ทุกวันนี้ ไม่ว่าใครพูด ก็จะชมว่าแม่เป็นคนดี เราเป็นลูกก็มีความสุข เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ จะฝังอยู่ในจิตใจลูกหลานตลอดไป เพราะเราเป็นผู้ให้ พระศาสดาสอนว่าอยากให้เป็นมือบน ดีกว่าเป็นมือล่าง
เราจะพยายามเดินตามรอยของแม่เรา คือ พยายามเป็นมือบน แม้ว่า มือบนของเราจะเป็นมือที่เล็กๆ ไม่มีทรัพย์อะไรมาก เราสามารถซื้อของมาเปลี่ยนมือ ซื้อกับข้าวมา แล้วเราก็ทำอาหารหม้อใหญ่ๆ แล้วเราก็ใส่ถุงแจกบ้านคนจนๆ บ้านแม่ม่าย บ้านลูกกำพร้า นี่ละ คือ เราสามารถสร้างบุญได้
เรื่องราว : จันทนา สุวรรณดารา (ไอซะ)
ในรายการ รักพ่อ ตอนพิเศษ วันแม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น