การเดินทางด้วยรถโดยสาร แ้ม้จะไม่สะดวกเหมือนกับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่มีสิ่งที่แตกต่างกัน คือ ทุกครั้งที่เดินทาง จะมีสีสัน รสชาติ ความทรงจำ และความประทับใจเกิดขึ้นมากมาย เป็นบทเรียนชีวิต บางเหตุการณ์พัฒนาจิตใจ ได้เห็นชีวิตของผู้คน ในสังคมที่เป็นอยู่
23 เม.ย.2554 นายบอนออกเดินทางจากกาฬสินุธุ์ เข้า กทม.ในช่วงเช้า รถสายยาวจะมีตอนเกือบเที่ยง เมื่อต้องรีบออกแต่เช้า จึงต้องต่อรถหลายสาย ขึ้นรถไปขอนแก่นเที่ยว 8.40 น. บนรถเปิดวิดีโอให้ผู้โดยสารดู เป็นวิดีโอรายการชิงร้อยชิงล้าน สมัยที่ออกอากาศทีวีช่อง ททบ.5 ถึงจะเอาของเก่ามาเปิด แต่ก็ยังฮาอยู่ดี นั่งดูเพลิน จนรถแล่นมาถึงขอนแก่น ตอน 10.05 น. เ็ห็นรถสายอุดร-โคราช กำลังจะออกจาก บขส.ขอนแก่นพอดี มองขึ้นไปในรถ เห็นคนยืนอยู่ แสดงว่า ที่นั่งเต็ม เลยตัดสินใจ รอไปรถคันต่อไปดีกว่า จะได้นั่ง
10.30 น. รถเบอร์ 210-23 ก็แล่นเข้ามาที่คิว ไม่มีใครลงจากรถเลย เด็กรถเลยให้ผู้โดยสาร เด็ก และผู้หญิง ขึ้นรถไปก่อน คนที่ขึ้นรอบหลังเลยได้ืยืน แถมเบียดกันมากๆ แน่นกว่าคันแรก ยืนชิดกันอีก นายบอนเอากระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปด้วย จะยัดไว้ในช่องใส่ของก็ไม่ได้ เพราะทำช่องไว้แคบมาก เลยต้องวางกระเป๋าตรงเท้า ที่ว่างสำหรับยืนก็แ็ทบไม่มี เบียดกันมากๆ
เมื่อคนตรวจตั๋ว เก็บค่าโดยสารเดินมา ก็บอกให้ชิด ให้เดินขยับไปหน่อย เขาจะได้เดินเข้าไปข้างในได้ พอคนตรวจตั๋วเดินมาเช็คตั่ว เห็นกระเป๋าวางอยู่ที่เท้า ก็ช่วยยกกระเป๋าแล้วเอาสอดเข้าไปใต้เก้าอี้ของคนที่นั่งใกล้ๆให้ เลยมีพื้นที่ยืนเพิ่มขึ้น ไม่มีกระเป๋าทับรองเท้า รถติดไฟแดง แวะรับคนที่โบกข้างทางด้วย คนที่ยืนก็ต้องขยับถอยหลังมา จนก่อนจะออกจากตัวเมือง รถก็แวะเข้าไปเติมแก๊ส ผู้โดยสารต้องลงจากรถ เลยรีบเอากระเ๋ป๋าจากใต้เก้าอี้ ลงไปไว้ที่เก็บกระเป๋าข้างตัวถังรถ เพราะกลัวจะลืม และตอนลงจากรถ จะมีแต่คนรีบลงๆๆ จะไปเอากระเป๋าคงจะยาก
พอเต็มแก็สเสร็จ ผู้โดยสารก็ทยอยขึ้นรถ เลยขึ้นรถเป็นคนท้าย ๆจะได้อยู่ใกล้ทางลง อยู่ฝั่งข้างหน้า ไม่เบียดกับผู้คนมากนัก แต่ก็มีคนโบกขึ้นรถมาอีก คนเก็บตั๋ว ก็บอกให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ บอกว่า ไปออกันอยู่ข้างหลัง เพราะข้างหลัง รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ข้างหน้า 2 ล้อเอง หลายคนก็ถอยตามๆกันมา แต่มีหนึ่งหนุ่ม ยืนข้างๆเก้าอี้แฟนสาว ก็เบี่ยงหลบให้คนข้างหน้าเดินผ่านไป จะขออยู่ใกล้ๆแฟนอย่างนั้นแหละ แอบมองหน้าแฟนสาวของเขาคนนั้นแล้ว ถือว่า น่ารักเหมือนกันนะ
รถแล่นออกจากขอนแก่น เข้า บ้านไผ่ เมืองพล ก็มีผู้โดยสารลงจากรถเรื่อยๆ ที่เมืองพล ได้นั่งช่วงหนึ่ง เพราะคนที่จะลง ขอทางลง เลยบอกให้เข้าไปนั่งที่เบาะ จะได้เปิดทางเดิน พอมีผู้โดยสารชุดใหม่ขึ้นมา เลยลุกให้ผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งได้นั่ง ขอยืนต่อจนถึงโคราช ก็ยืนขยับขา บิดตัวไปเรื่อยๆ ยืนนิ่งๆก็กลัวตะคริวจับเหมือนกัน ยืน 3 ชั่วโมง ก็เหนื่อยพอสมควร
รถแล่นมาถึง ขบส.โคราช เช้าจอดที่คิว ก็รีบลงจากรถมาเอากระเป๋าเสื้อผ้า จะรีบไปกินข้าว ทำเวลาเข้า กทม. พอลงมาข้างล่าง เด็กรถเปิดช่องเก็บกระเป๋า ขนสัมภาระทุกอย่างลงมาวางที่ข้างรถ เดินไปดูทุกกอง อ้าว ไม่มีกระเป๋าของเราเลยสักใบ หายไปไหนหว่า เลยถามเด็กประจำรถ
"พี่ฝากกระเป๋ากับใครให้ขนขึ้นรถ , พี่ขึ้นจากไหน"
ซักพัก ก็มีอีกคนมาบอก มีการเอาของลงผิดที่เืมืองพล เดี๋ยวกระเป๋าที่เอาลงผิดจะติดรถเบอร์ 211-7 อีก 15 นาทีจะมาถึงนะ ได้ยินแ้ล้วก็พยักหน้า แล้วรีบเดินไปกินข้าว ไปเข้าห้องน้ำ เดินออกมา รถเบอร์ 211-7 ก็แล่นมาถึงจริงๆ เลยเดินตามไปยังที่จอดรถ
คนที่ตรวจตั๋ว กำลังเดินตามหา บอกว่า กระเป๋ามาแล้วนะ ตามหาพี่ตั้งนาน นึกว่าหายไปไหนแล้ว แล้ว คนตรวจตั๋วอีกคนก็รีบวิ่งไปที่รถ ไปเอากระเป๋ามาให้ พูดหยอกๆว่า "เกือบซวยแล้วมั้ยล่ะ " นายบอนรับกระเป๋ามา ยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ
แม้จะเ้ป็นรถ ป.2 ที่วิ่งทำเวลาระหว่างอุดรธานี - โคราช แต่ก็ดูแลผู้โดยสารอย่างดี ถ้ากระเป๋าไม่ลงผิดที่ ก็คงไม่รู้ถึงน้ำใจในการให้บริการของรถด่วนสายนี้
ความจริงแล้ว การวางกระเป๋าที่ใต้ท้องรถ เขาจะวางเป็นระบบ แบ่งเป็นกองๆ กองไหน เอาลงบ้านไผ่ กองไหนลงที่เมืองพล นอกจากกระเป๋าผู้โดยสารแล้ว อาจจะมีสัมภาระที่มีคนฝากให้ไปส่งลงที่อำเภอต่างๆ ผู้ที่เอาสัมภาระขึ้นรถ จึงต้องจัดวางกระเป๋าไว้เป็นกองๆ และจำไว้ว่า กองไหน ช่องไหน เอาลงที่ไหน ความผิดพลาดเกิดจากนายบอนเอากระเป๋าไปใส่ช่องเก็บของตอนที่รถลงเติมแก๊สที่ปั้มก่อนออกตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งเอาไปวางในช่องเก็บสัมภาระที่จะขนลงที่เมืองพล เลยเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย แต่พนักงานของรถโดยสารสาย 211 หรือ คนตรวจตั๋ว ก็โทรตรวจสอบประสานงานอย่างดี และเอากระเป๋่าที่ลงผิด กลับคืนตามรถอีกคันที่กำลังแล่นตามมา
ดูแลบริการอย่างดี นายบอนจึงเป็นผู้โดยสารขาประจำของรถโดยสารสาย 211 อุดร-โคราช มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
จากโคราช ก็นั่งรถเข้า กทม. โดยสวัสดิภาพ จนถึงเช้าวันที่ 25 เม.ย.2554 ก็ได้เวลาเดินทางอีกครั้ง จากบ้านอำเภอ - ใกล้ๆพัทยา ขึ้นรถตู้ที่วิ่งมาจากสัตหีบ เพื่อไปลงยังหมอชิต 2 หลังจากที่พี่ไก่ แมลงสาบ ขับรถออกมาส่ง ตอน 9.30 น. ก็เดินมาซื้อตั๋วทันที คนขายตั๋วรีบโทรไปเช็คจากต้นทาง แล้วบอกว่า ได้รถเที่ยว 9.40 น. มีที่นั่งว่างที่สุดท้ายพอดี ค่รถ 135 บาท ตั๋วเป็นแบบในรูป
จากสัตหีบ รถมาถึงเกือบ 10.00 น. ขึ้นรถ คนขับก็มาเก็บตั๋วไป เมื่อรถมาถึง คนขายตั๋วจะบอกว่า ต้องขึ้นคันไหน เพราะสายเดียวกัน มีทั้งคันที่วิ่งไปเอกมัย ไปสายใต้ใหม่ และไปหมอชิต ก็ขึ้นตามที่เค้าบอก รถวิ่งเข้าพัทยา แวะไปรับคนที่คิวรถตู้ พอที่นั่งเต็ม ก็วิ่งเข้าทางด่วน เข้ามอเตอร์เวย์ ไปโผล่ใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัย ส่งผู้โดยสารลงชุดแรก แล้ววิ่งลัดไปอีกทางมาเข้าหมอชิต 2 ถึงตอน 12.30 น.กว่าๆ แล้วรีบหารถไปทำภาระกิจ 2-3 อย่างใน กทม.ทันที
ช่วงเย็น ต้องไปจันทบุรี ก็กลับมาที่หมอชิต ขึ้นรถ บขส.99 ป.1 ออกตอน 17.00 น. ค่าตั๋ว 193 บาท
สีสันของตั๋ว สดใสดี ส่วนของว่าง ของแจกบนรถ เป็นอย่างที่เห็น
รถแล่นมาถึงจันทบุรี ตอน 20.50 น. ถึงไวมากๆ ขาออกมาไว
วันที่ 27 เม.ย.2554 ถึงเวลากลับเข้า กทม. ขึ้นรถเที่ยว 9.00 น. ตั๋วเป็นสีเขียวแบบที่คุ้นเคย แต่กล่องของว่าง ที่แจกบนรถ กล่องน่ารักดี
เปิดดูในกล่้อง มีขนม และกาแฟ แถมแก้วด้วย และยังให้กล่องน้ำผลไม้ และน้ำเปล่า 1 ขวด รถมาเที่ยวเช้า คนไม่เยอะ เลยนั่งสบายๆแต่รถก็แวะรับผู้โดยสารตามจุดขายตั๋วระหว่างทาง เช่น ที่นายายอาม , อ.แกลง แล้ววิ่งเข้า กทม. คราวนี้ มีคนที่จะลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ รถก็วิ่งเข้าไปส่งถึงที่ เลยได้เข้าไปในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรก แล้วก็ขึ้นทางด่วน มาโผลที่หมอชิต 2 ตอนเกือบ 13.00 น. แล้วขึ้นรถเที่ยว 15.00 น. กทม-นครพนม กลับถึงกาฬสินธุ์ตอน 23.30 น.
วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554
รสชาติชีวิตบนรถด่วน บขส. ช่วง 23-27 เม.ย.2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น