นรกในใจกับบุญคุณที่อยากทดแทน ให้คนเสื้อแดง

       
            การอยู่ในภาคอีสาน อยู่ในดงเสื้อแดง ได้รู้จัก พูดคุยกินเหล้ากับคนเสื้อแดงทุกวัน ทำให้ได้รับรู้เรื่องราวในมุมของคนเสื้อแดง... คุรวิรัตน์ ขอนแก่น มีเรื่องราวที่อยู่บนเส้นแบ่งระหว่างบุญคุณ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ที่กำลังทิ่มแทงใจ คนที่ประสบกับเหตุการณ์คงยากที่จะตัดสินใจ แต่หลายคน ให้ข้อสรุปว่า เป็นเวรกรรมจริงๆ

            เมื่อช่วงปี 2552 นายเอ. เดือดร้อนกับปัญหาหนี้สินจากการเปิดร้านขายสินค้าย่านถนนกลางเมืองขอนแก่น เอ.ได้รับความช่วยเหลือจากนายแดน ทั้งช่วยเหลือในเรื่องเงินทอง ที่พักอาศัย ให้คำแนะนำ และกำลังใจให้สู้ชีวิตต่อไป อย่าท้อแท้ สู้เพื่อลูกและครอบครัว หลายครั้งที่เกิดปัญหา นายเอ.เครียดจัด นายแดนจะให้กำลังใจและดูแลลูกชายของนายเอ. เป็นอย่างดี

            นายเอ. ทั้งเคารพ ไว้ใจ และเชื่อฟังนายแดนทุกเรื่อง เพราะแดน เป็นผู้มีพระคุณของนายเอ. ช่วยเหลือจนนายเอ.กลับมาเปิดร้านขายสินค้า เสื้อผ้า เครื่องใช้ต่างๆได้อีกครั้ง

            จนมาถึงช่วงคนเสื้อแดงชุมนุมใน กทม. ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ มาจนถึงสี่แยกราชประสงค์ เสื้อแดงขอนแก่นมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่เช่นกัน นายเอ.ไม่ได้เลือกอยู่ข้างไหน สีไหน เขาตั้งใจทำมาหากินอย่างเดียว 19 พ.ค.2553 หลังเกิดเหตุเผาศาลากลางขอนแก่น นายแดน เป็นคนหนึ่งที่ถูกจับไปในฐานะที่เป็นหนึ่งในมือเผาศาลากลางขอนแก่น

            ในเวลานั้น เอ.ถึงรู้ว่า นายแดนเป็นคนเสื้อแดง แต่เอ.ก็คิดว่า นายแดนทำถูกต้อง จากการที่เขาติดตามฟังข่าวสารในขอนแก่น (ฟังจากวิทยุชุมชนของคนเสื้อแดง) นายเอ.เห็นว่ารัฐบาลทำไม่ถูก เสื้อแดงเลยต้องออกมาเรียกร้องสิทธิ์ ถ้าไม่เดือดร้อน คนคงไม่ออกมาประท้วงหรอก รัฐบาลนี้ทำให้พวกเขาเดือดร้อนจริงๆ จนนายเอ.เป็นหนี้สิน

            เมื่อนายแดนถูกจับไป ครอบครัวของนายแดนก็เดือดร้อน ภรรยาของนายแดนเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก ไม่มีรายได้อะไร เมื่อไม่มีเงินก็เดินมาหานายเอ. 2 วันแรกนายเอ.ให้เงินช่วยเหลือ แต่ธุรกิจเล็กๆของนายเอ จะต้องมีเงินหมุนเวียนตลอด เมื่อขาดเงิน จึงแย่ทันที เลยพยายามหลบหน้าครอบครัวของนายแดน เพราะไม่มีเงินจะให้

            เมื่อขาดเงิน ก็ต้องพยายามหาเงิน ลูกของนายแดนไปคุยกับคนขับรถสองแถว เลยถูกชักชวนให้ทำงานบางอย่าง ที่ค่อนข้างผิดกฎหมาย  เมื่อนายเอ.มาเห็นลูกชายของนายแดนมาทำงานนั้น เห็นแล้วเศร้า ที่ลูกชายของผู้มีพระคุณต้องมาทำงานแบบนั้น และอาจจะถลำลึกยิ่งกว่านี้ แต่นายเอ.ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็ลำบากเหมือนกัน

            ถึงแม้จะพยายามหลบหน้าคนในครอบครัวของนายแดน แต่ก็ได้เห็นทุกวัน แม้จะเห็นไกลๆ ไม่ได้เจอหน้าแบบจังๆ แต่นายเอ.ก็รู้สึกผิด ที่ช่วยเหลือคนในครอบครัวของนายแดนไม่ได้ ในขณะที่ปีก่อนช่วงที่นายเอ.เดือดร้อน นายแดนช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่

            เมื่อช่วยไม่ได้เลย หลบหน้า แต่ก็เกิดความรู้สึกผิดมากขึ้น เลยอยากให้ครอบครัวของนายแดนพ้นไปจากสายตา หรือออกไปจากชีวิตของนายเอ. ในที่สุด ต้นเดือน มิ.ย.53 ครอบครัวของนายแดน ย้ายไปอยู่กับญาติพี่น้องที่ จ.อุดรธานี

            ทีแรก นายเอ.ดีใจที่ครอบครัวนี้ออกไปจากชีวิตของเขาเสียที จะได้ไม่มีใครที่จะเตือนใจให้เขารู้สึกผิดที่ทอดทิ้งครอบครัวของผู้มีพระคุณ แต่นายเอ.ยิ่งรู้สึกผิดมากไปกว่าเดิม พรรคพวกของนายแดน แวะมาที่บ้านของนายแดน ถามหานายแดน พอรู้ข่าวว่า นายแดนถูกจับ หลายคนช่วยฝากให้นายเอ.ช่วยดูแลครอบครัวของนายแดนให้ดีๆด้วย

            แต่ละวันที่ผ่านไป นายเอ.ทั้งเครียด กดดัน รู้สึกผิดมากขึ้น จนเหมือนคนเป็นโรคประสาท แม้จะดูข่าวทีวี พูดคุยกับลูกค้าคนทั่วไป ที่บอกว่า คนเสื้อแดงทำผิด ป่วนบ้านป่วนเมือง ควรถูกลงโทษให้ถึงที่สุด พอเจอคนเสื้อแดงก็บอกว่า อีกไม่นาน ความยุติธรรมจะเกิดขึ้น หากเราที่ถูกจับจะถูกปล่อยออกมา ตายเกิดสิบแสน ออกมาสู้กันต่อจนกว่าจะชนะ

            นายเอ.ยิ่งเครียดจัด รู้สึกผิดมากกว่าเดิม ถ้านายแดนออกมาเจอเขา แล้วเขาจะทำหน้ายังไง พอไปคุยเรื่องการเมืองกับคนหลายคน บางคนบอกว่า ทำผิดชัดเจน โดนโทษหนักแน่ๆแบบนี้ ถูกจำคุกหลายปีแน่นอน

            นายเอ.ได้ยินแล้ว สบายใจขึ้น อยากให้นายแดนถูกจำคุกตลอดไป  แต่สักพักก็รู้สึกผิดอีก เพราะนายแดนเป็นผู้มีพระคุณกับเขา ช่วยเหลือเขาในปี 2552 จนอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้ เขารู้สึกผิดมากขึ้น ที่อยากให้ผู้มีพระคุณติดคุก อีกใจก็นึกถึงบุญคุณ รู้สึกผิดที่คิดไม่ดีแบบนั้น

            นรกในใจของจริง !!

            คุณวิรัตน์ ขอนแก่น มีโอกาสไปนั่งคุยกับพระรูปหนึ่งในวัด ได้ข้อคิดว่า ความรู้สึกผิดก่อความรู้สึกทุกข์ขึ้นมา ส่งผลกระเทือนต่อมโนธรรม แล้วยังไปกระแทกอัตตาอย่างจัง ถ้ายอมเชื่อฟังอัตตาของตนเอง พร้อมคิดจะทำทุกอย่างเพื่ออัตตา เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี ยิ่งรู้สึกผิด ก็ยิ่งอยากทำร้ายและผลักใสอีกฝ่ายออกไปไกลๆ เพราะคิดว่าความรู้สึกผิดจะลดลง ก็ยิ่งอยากทำร้ายและผลักใสอีกฝ่ายออกไปไกลๆ เพราะคิดว่า ความรู้สึกผิดจะลดลง แต่กลับยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น .. ถ้าเริ่มต้นจากการยอมรับและขอโทษ ทุกอย่างก็จบ

            ..แต่นายเอ.เชื่อฟังอัตตาของตัวเองมากเกินไป จึงรู้สึกผิดแล้วผิดอีก

            เหมือนกับนักการเมือง หรือ ส.ว.บางคนที่เคยเป็นคนดีในสายตาของประชาชนมาก่อน แต่เผลอทำบางอย่าง, รับผลประโยชน์บางอย่าง แล้วเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา แล้วก็คิดทำบางอย่าง เพื่อกลบเกลื่อนความผิด แล้วก็ผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก กลายเป็น สว.หรือ นักการเมืองที่คนทั่วไปผิดหวังอย่างมากๆ


ข้อมูล - คุณวิรัตน์ ขอนแก่น
+++++
นรกในใจ, บุญคุณคนเสื้อแดง

Related Posts by Categories

Widget by Hoctro | Jack Book