ชาวพันธมิตรบุรีรัมย์ได้จัดงานระดมทุน เพื่อจัดตั้งกองทุนของคนบุรีรัมย์เพื่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยจัดขึ้นในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2553 ที่โรงเรียนเทศบาล 2 อิสานธีรวิทยาคาร อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลังจากหาสถานที่จัดงานหลายแห่ง จนมาได้ถานที่แห่งนี้
ถึวแม้การเตรียมงาน ค่อนข้างขลุกขลัก มีอุปสรรคพอสมควร แต่ทีมงานได้พยายามแก้ไขปัญหาจนสามารถจัดงานี้ขึ้นมาได้ แม้จะเหน็ดเหนื่อยกันบ้างก็ตาม การจัดงานนี้มีกิจกรรมต่างๆ ทั้งการปราศรัยพูดคุย, การแสดงบนเวที และการร้องเพลง มีการจัดโต๊ะจีน 80 โต๊ะ
ในวันจัดงานทุกครั้ง น้องจันทร์เจ้า ด.ญ. จินนิจ ชาติมนตรี ลูกสาวของ สารวัตรจ๊าบ บอกว่า คิดถึงคุณพ่อ และดูจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพี่น้อย เพ็ญพิมล ใสงาม ที่จะต้องขึ้นไปดูรูปของสารวัตรจ๊าบ ก่อนไปร่วมงาน ซึ่งได้จัดพื้นที่ รวบรวมสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับสารวัตรจ๊าบไว้ที่ชั้นบนสุดของตัวบ้าน ดังที่เห็นในภาพ
ทีมงานพันธมิตรบุรีรัมย์ เดินทางมาเตรียมงาน ตั้งแต่ก่อนเที่ยง คุณป้าตุ่ม ขนอุปกรณ์เครื่องมือทำครัว ครก สาก หม้อ ครบชุดมาทำอาหารกลางวันทั้งส้มตำ และอาหารอีสานหลายอย่าง มีพ่อยก-แม่ยก ขนอาหาร ขนมจีนน้ำยา มาสมทบ มีการตั้งโต๊ะและเริ่มจัดวางสินค้าจาก ASTV shop มาวางขายหลายรายการ ช่วงเที่ยง 6 สาวพันธมิตรบุรีรัมย์ ขึ้นเวทีซักซ้อม รำกันตรึม รำพื้นบ้าน ก่อนที่จะขึ้นทำการแสดงจริงในช่วงเย็น
หลังซักซ้อมการร่ายรำอย่างสนุกสนาน ม่วนกันทั่วหน้า ก็มาช่วยกันจัดสถานที่ จัดโต๊ะ ติดหมายเลขที่นั่งโต๊ ทีมงานจากร้านวังหรรษา ก็ตั้งโต๊ะ ปูผ้า จัดเตรียมสถานที่สำหรับกินโต๊ะจีน หลายอย่างค่อนข้างวุ่นวายพอดู แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ช่วงบ่าย 3 โมงเย็น สาวๆพันธมิตรบุรีรัมย์ต่างกลับไปอาบน้ำ แต่งตัวมาร่วมงานในตอนเย็น
6 โมงเย็น ผู้คนเดินทางมาที่งานมากขึ้น มีพี่น้องพันธมิตรจาก โคราช สุรินทร์ และ กทม. เดินทางมาร่วมงานด้วย การ์ดอาสาอยู่ประจำในหลายจุดจากทางเข้ามาจนถึงบริเวณงาน การ์ดสวมปลอกแขนที่เหลือง ที่หน้าอก ติดคำว่า " Guard สารวัตรจ๊าบ" มีลุงเขียว เป็นหัวหน้าการ์ด
ที่หน้างาน ดีเจหมึก ดีเจผู้จัดรายการสถานีวิทยุชุมชน คลื่น FM 94.50 MHz ซึ่งงานนี้ เขาเป็นทั้งการ์ดอาสา และคนขายปลาหมึกย่างด้วย
เดินเข้ามาในบริเวณงาน จุดขายเครื่องดื่ม จุดขายสินค้า ASTV พร้อมแล้ว มีพี่น้องแวะเวียนเข้ามาซื้ออยู่เรื่อยๆ
พิธีการบนเวที เริ่มต้นขึ้น ผู้คนต่างทยอยเข้ามานั่งในบริเวณงาน ส่วนที่ด้านนอก นักแสดงรำกันตรึมกำลังแต่งหน้า แต่งตัวก่อนขึ้นเวที
19.14 น คุณจ๊อด ลูกชายคุณปานชัย (สนธิน้อย บุรีรัมย์) ขึ้นพูดทอล์คโชว์บนเวที สร้างบรรยากาศคึกคักในงาน
19.24 น. น้องจันทร์เจ้า ดญ. จินนิจ ชาติมนตรี ในชุดสวย ขึ้นบนเวที ฟ้อนในเพลง "อีสานลำเพลิน" ท่ามกลางกองเชียร์คอยให้กำลังใจเพียบที่หน้าเวที
19.29 น น้องตุลาการ ชมพูพงษ์ ขึ้นอ่านบทกวี ทฤษฏีความขัดแย้ง
19.32 น. น้องจ๊ะจ๋า ด.ญ.ณัชริณ ชาติมนตรี ลูกสาวของสารวัตรจ๊าบ ขึ้นเวทีอ่านบทกวี "แด่ไพร่..ให้ตาสว่าง"
19.38 น. คุณปราโมทย์ หอยมุกข์ พร้อมประธานเขตทั้ง 4 ท่าน ซึ่งเป็นแกนนำ พธม.บุรีรัมย์ ขึ้นกล่าวเปิดงาน สายใยมวลชนคนบุรีรัมย์สัมพันธ์
19.43 น. การแสดงรำกันตรึม การแสดงพื้นบ้านของชาวบุรีรัมย์ โดย 6 แม่ยกสาวพันธมิตร ที่ขึ้นเวทีโชว์ลีลารำฟ้อนอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงาน
หลังจากนั้น มีการปราศรัยสลับกับการร้องเพลงและจับรางวัลจากหางบัตรบนเวที
21.01 น. พิธีกร เชิญ อากง พันธมิตรจาก กทม. ขึ้นพูดบนเวที โดยได้พูดและอ่านแถลงการณ์เรือง การถวายคืนพระราชอำนาจ
21.30 น. ช่วงบันเทิงตอนท้ายของงาน พี่น้อย ร้องเพลง ดาวเต้น ม.ต้น และ โบว์รักสีดำ ให้พี่น้องพันธมิตร เต้นหน้าเวทีกันอย่างครึกครื้น
21.51 น. น้องจ๊ะจ๋า โชว์เสียงร้องเพลง สาวราชภัฏ + ดอกไม้ที่ทำตก บนเวที
22.06 น. น้องจันทร์เจ้า ร้องเพลงช่างมันเต๊อะ มีคุณแม่และพี่สาวคอยให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด
ในช่วง 3 ทุ่ม ฝนตกหนัก ลมแรง ต้องขนสินค้าหลบฝน แต่ในบริเวณงานยังคงดื่มกิน สนทนากันอย่างออกรส เวลา 4 ทุ่ม เมื่อฝนหยุดตก หลายคนเริ่มทยอยกลับบ้าน จากนั้นมีการร้องเพลงรวมหมู่ ก่อนปิดงาน คือ เพลง สรรเสริญพระบารมี และ สดุดีมหาราชา ก่อนแยกย้ายเดินทางกลับ
หลังปิดงาน มีกับข้าว อาหาร เครื่องดื่มเหลือเยอะ จึงต้องห่อใส่ถุง ช่วยกันขนสิ่งของขึ้นรถ จนเสร็จแล้วจึงแยกย้ายกันกลับ
ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่ทีมงานเหน็ดเหนื่อยกันพอสมควร แต่พี่น้องพันธมิตรยังจะจัดกิจกรรม ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ และกิจกรรมอื่นๆ ที่จะได้ประชุมปรึกษาหารือ และดำเนินการกันต่อไป
วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553
สีสันและบรรยากาศในงานสายใยมวลชนคนบุรีรัมย์สัมพันธ์ มั่นคงเหมือนเดิม เมื่อ 26 มิ.ย.2553
วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553
บันทึกการเดินทางไปพบไก่ แมลงสาบ - ตอนจบ จากมื้อเที่ยง-ออฟโรดไร่องุ่น-มื้อเย็นริมทะเลพัทยา ชลบุรี เมื่อ 20 มิ.ย.2553
ก่อนออกจากจิตตภาวันวิทยาลัย หลังเสร็จงานไหว้ครู ขึ้นมาบนรถ คุณไก่ แมลงสาบก็หยิบ
หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย หนองคายที่เขาได้มาหลายองค์ มอบให้นายบอน 1 องค์
แม้จะได้พระมาเยอะ แต่คุณไก่ก็เลือกที่จะมอบให้กับคนที่จะรับไปด้วย เช่นกัน
ขับรถออกจากวัด มาตามถนน
จะไปที่พัทยากลาง รถติดพอสมควร ช่วงรถติด คุณไก่จะหยิบสมุดพกประจำตัว มาเขียนเพลง
รถติดก็นั่งนึกเนื้อเพลง มีคนขอให้ช่วยแต่งเพลงงานกีฬาแห่งชาติ ปลายปีนี้ที่ชลบุรี
เลยนั่งนึกทำนอง นึกคำร้อง ฮึมๆฮัมๆ กำลังจะได้ 1 ท่อนอยู่แล้ว
รถคันหน้าก็เคลื่อนตัวไป จนคุณไก่บ่น แหม....ติดนานๆก็ได้
จะได้เขียนเพลงได้จบ
เรื่องการแต่งเพลง
มีเพลงที่ส่งไปมิกเสียงอยู่ถึง 4 อัลบั้ม ได้ยินเค้ารับโทรศัพท์
คุยเรื่องมิกเสียงครู่หนึ่ง ส่วนเพลงปรัชญาของในหลวง ในอัลบั้มเกษตรโยธิน 2
หลายเพลงจะทำดนตรี มิกเสียงใหม่อีก และมีเพลงที่ทำไว้เยอะแยะ
อยากให้นายบอนช่วยเอาไปเผยแพร่เช่นกัน
ขับรถมาจนถึงร้านอาหารแถวพัทยากลาง ลงไปนั่งรถในร้านสักครู่
คุณวิเชียรและคุณซันก็มาถึง คุณวิเชียรเดินไปเจอ พธม.อุดร
ซึ่งมาเที่ยวพัทยาในวันนี้พร้อมครอบครัว เลยเข้าไปพูดคุยทักทายและเป็นเจ้าภาพ
จ่ายค่าอาหารโต๊ะนั้นให้ พี่ๆ
พธม.อุดรทั้งสองท่านก็เข้ามาทักทายที่โต๊ะ
คุณไก่ คุณซัน และนายบอนเข้าไปรอในห้องแอร์ สั่งอาหารคนละอย่างรอ
คุณวิเชียรคุยกับ พธม.อุดรจนได้เวลาก็มานั่งทานข้าวในห้องแอร์ พูดคุยเรื่องค้าปลีก
- การนัดไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อรัฐบาล และอัดภาพขยาย กลุ่มคนเสื้อหลากสีพัทยา
ไปชุมนุมต้านห้างใหญ่ค้าปลีกข้ามชาติ นายบอนนั่งมองภาพนี้แล้ว มองอีก
จนคุณซันยกภาพให้นายบอนเป็นที่ระลึก
นั่งคุย
นั่งฟังเรื่องราวการเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมต่างๆ เรื่องความไม่ชอบมาพากล
การถูกเอารัดเอาเปรียบหลายเรื่อง รวมไปถึงเรื่องที่คุณไก่
แมลงสาบโดนเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงกลางปี 2551 แต่คุณไก่
ซึ่งศึกษาและยึดหลักธรรมะไว้ในใจ เข้าใจถึงความเป็นไปของสรรพสิ่ง
จึงเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ใครทำอะไรที่ไม่ดีเอาไว้
เดี๋ยวก็รับเวรกรรมเหล่านั้นเอง
แล้วก็ได้ฟังการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของคุณวิเชียร...
ถือว่าโชคดีมากๆที่ได้พบตัวจริงอย่างใกล้ชิด
พอทานข้าวอิ่ม เช็คบิลเรียบร้อย
คุณวิเชียรก็ให้นายบอนเดินตามไปที่ร้าน วิเชียรคัลเลอร์แลบ ให้ไปเอาสติกเกอร์
"ซื้อของร้านคนไทย" ของสมาคมคุ้มครองการทำกินของคนไทย... พาเดินเข้าไปในร้าน
แนะนำภรรยาของท่านให้นายบอนรู้จัก เลยพนมมือไหว้อย่างสวยงาม
แล้วเดินตามเข้าไปหลังร้าน คุณวิเชียรหยิบสติกเกอร์ปึกเบ้อเริ่มใส่ถุงให้ เอาไปแจก
ไปติดที่กาฬสินธุ์ และที่อื่นๆด้วย
ที่บ้านคุณวิเชียร เป็นที่ตั้งสถานีวิทยุชุมชนเช่นกัน
เลยได้ดูเครื่องส่งของวิทยุชุมชนในห้อง มีเครื่องบันทึกเสียง
แม้จะเป็นวิทยุถ่ายทอดสัญญาณเสียงจาก ASTV แต่คุณวิเชียรก็จะกลั่นกรองข้อมูล
หากรายการไหน มีข้อมูลที่ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ก็จะคัด-กรองไว้
ไม่ให้ออกอากาศ
แล้วก็พาออกหลังร้าน
มีรถมาสด้าของคุณไก่จอดรออยู่แล้ว แหม. พวกเค้าคุ้นเคยกันดี
รู้ทางเข้าออกกันดีอยู่แล้ว คุณวิเชียรออก
มาส่งที่รถ หาถุง
และยางรัดปึกสติกเกอร์ให้อีกรอบ แล้วบอกว่า เดี๋ยวค่อยเจอกันใน facebook
ละกัน
ขับรถออกมาที่ถนนใหญ่
จะพานายบอนไปจองตั๋วรถกลับกาฬสินธุ์ ที่ชาญทัวร์-พัทยา คุณซันหยิบแผ่น ซีดี
ที่เตรียมไว้ให้นายบอน เพียบเลย... นี่คือ
แผ่นซีดีเพลงที่เค้าให้มา
เป็นซีดีเพลงที่ไม่เคยฟังมาก่อน นอกจากชุเเกษตรโยธิน2 ที่ได้รับไฟล์ mp3 ทางอีเมล์
อัลบั้มชุดแรกสุด คือ Theแมลงสาบ Project 1 ที่ทำออกมาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ทำเป็นวง คุณไก่บอกว่า ไม่อยากให้ทางวงยุ่งกับการเมืองมากนัก เขาเลยทำอัลบั้มเดี่ยว
และคุณไก่ก็หยิบซีดี ชุด คนของประชาชน ที่มีรูปปกซีดี 2 เวอร์ชั่น อยากให้ถ่ายรูป
ซีดี ของแต่ละอัลบั้มไว้เผยแพร่ทาง Internet
...ซึ่งเพลงในซีดีแต่ละชุด สามารถคลิกฟังได้จาก youtube
ตามลิงค์เหล่านี้เลยนะครับ
- The แมลงสาบ Project 1
- ไก่ แมลงสาบ ชุดคนของประชาชน
- ชุด ม้าก้านกล้วย
เด็กไทยปลอดภัยไว้ก่อน
- ชุด เกษตรโยธิน 2
- 10 ปี
แมลงสาบ - เสบียง
- 10 ปี แมลงสาบ ๒ วัคซีนใจ
- The
แมลงสาบ Project 6 ชุดวันของเธอ
สักพักก็ขับรถมาถึงชาญทัวร์-พัทยา นายบอนวิ่งไปซื้อตั๋วกลับกาฬสินธุ์ รถ ป.1
ระยอง-นครพนม เที่ยว 19.30 น. ค่ารถ 464 บาท
แล้ววิ่งมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ริมถนนแล้วยูเทิร์นกลับบ้านห้วยขวาง แต่รถติด
เพราะมีการซ่อมถนน-วางท่อ รถจึงค่อยๆเคลื่อนตัว คุณซันเลยถือโอกาสเอาเสื้อกันหนาว
มาห่มแล้วนอนหลับที่เบาะหลัง จนกระทั่งรถแล่นถึงบ้านห้วยขวาง พอรถจอด คุณไก่
ก็บอกให้นายบอน เปิดประตูเข้าไปในสถานีวิทยุได้เลย เห็นคุณไก่ คุณซัน ท่าทางเพลียๆ
คงขอเวลานอก ไปงีบ นอนช่วงบ่าย 1 ชั่วโมงผ่านไป คุณไก่ก็โผล่มา
นั่งเลือกเพลงในคอมพิวเตอร์
เพื่อตั้งโปรแกรมให้เปิดในรายการวิทยุโดยอัตโนมัติ
อากาศร้อนยามบ่าย นั่งอยู่ในห้องแอร์ พอถึง 15.30 น. พี่ต่อ..พี่ชายของคุณไก่
แมลงสาบ ก็โผล่เข้ามา พูดกับน้องชาย ทำไมไม่พาแขกไปเที่ยวทะเลมั่งล่ะ
คุณไก่บอกให้พี่ต่อ พาไปสิ จะไปมั้ย พี่ต่อกำลังจะขับรถไปไร่องุ่น นายบอนเลยโอเค
พี่ต่อบอกจะออกตอน 4 โมงเย็น ขับออฟโรดเข้าป่านะ จะพาไปเที่ยววัด
ขึ้นไปดูวิวบนยอดเขา ไปถ่ายรูปด้วย ก่อนไป
พี่ต่อก็ขอเข้ามาชมกล้องวิดีโอที่นายบอนพกมา ขอดูว่ามันซูมได้ไกลขนาดไหน
พี่ต่ออยากได้กล้องใหม่ ไว้ถ่ายรูป เพราะพี่ต่อชอบถ่ายรูปมากๆ
กว่าจะถึง 4 โมงเย็น
ดูเหมือนจะนานมากในความรู้สึก คุณไก่ เดินไปมา แถวบ้าน ไม่เห็นไปซักที
เลยพานายบอนไปไหว้คุณแม่ซะก่อน
พาเดินลัดเลาะเข้าไปในบ้านหลังใกล้กันที่รถของพี่ต่อจอดอยู่ พาเดินเข้าไปในบ้าน
พร้อมเตือนว่า เดินดีๆ ระวังเหยียบเยี่ยวของหมานะ เอาหมามาเลี้ยงในบ้านด้วย
คุณแม่ของไก่ แมลงสาบอยู่ในห้องด้านใน คุณไก่ เลยเรียกแม่ออกมา นายบอนพนมมือไหว้
สวัสดี
"อ๋อ
ตัวยาวๆเหมือนไก่เลยนะ"
แหม ...
ดูคุณแม่ทักทายเข้าสิ...:))
พอคุณไก่บอกว่า
นายบอนมาจากกาฬสินธุ์ คุณแม่ก็ถามว่า อยู่อำเภอไหนเหรอ
คุณแม่พึ่งมีโอกาสไปกาฬสินธุ์เมื่อไม่นานมานี้เอง คุณแม่เดินมานั่งที่โต๊ะ
ถือคอมพิวเตอร์โน้ตบุคส์ออกมา แหม...เป็นคุณแม่ที่ไฮเทคมากๆเลยนะเนี่ย
ออกมาจากตัวบ้าน
พี่ต่อก็รออยู่ที่รถแล้ว มีพรรคพวกที่พึ่งซื้อออฟโรดมาสมทบด้วย คุยกันอยู่พักหนึ่ง
ก็ได้เวลาล้อเคลื่อนออกจากบ้าน พี่ต่อชวนคุยทันที จะพาไปวัดญาณสังวราราม
คงจะมีข้อมูลในอินเทอร์เนตนะ แล้วจะผ่านบริเวณป่าที่ถูกตัดแล้วพึ่งจะปลูกขึ้นมาใหม่
ขับออกมาได้ไม่ไกลนัก ก็จอดแวะซื้อน้ำที่ร้านในหมู่บ้าน
"กินเหล้ารึเปล่า"
"กินครับ
แต่ตอนนี้เบียร์กระป๋องนึงดีกว่า"
แล้วพี่ต่อก็ลงจากรถไปที่ร้าน กลับเข้ามา
เอาเบียร์มาให้ 1 กระป๋อง แล้วตามด้วยน้ำเปล่า 1 ขวด ก่อนที่จะขับรถพาลุยต่อไป
เล่าให้ฟังถึง วัดญาณ วัดของสมเด็จพระสังฆราช ที่พี่ต่อเอง
เคยมาช่วยทำงานในโครงการพระราชดำริที่นี่ด้วย ซึ่งถือเป็นวัดหลวง
ที่มีกฐินมาทอดปีหนึ่งๆ ได้เงินหลายสิบล้านบาททีเดียว รถแล่นผ่านเข้าไปในวัด
พี่ต่อเล่าให้ฟังเรื่องราวที่เห็น ตั้งแต่ถนนทางเข้าวัด
ที่สร้างฟุตบาทสองข้างทางริมถนน ที่กินพื้นที่จอดรถไปตั้งเยอะ
ซึ่งทำออกมาแล้วไม่เข้าท่าจริงๆ รถแล่นผ่านเข้าไปในบริเวณวัด
พี่ต่อเปิดโอกาสให้ถ่ายรูปได้ตามสบาย แต่เวลาที่มีน้อย เพราะพี่ต่อคุยกับไก่
แมลงสาบไว้ว่า จะพาเที่ยวถึง 17.30 น. ก็จะกลับ พาไปกินข้าวเย็นที่ร้าน
ก่อนส่งขึ้นรถทัวร์ตอน 19.30 น. เมื่อมีเวลาน้อย นายบอนเลยถ่ายรูปจากบนรถ
พี่ต่อจอดให้ถ่ายรูปบนรถ พอถ่ายรูปเสร็จ
ก็เคลื่อนรถไปต่อ
เห็นบรรยากาศแล้ว พี่ต่อบอกว่า ต้องมีเวลาเที่ยวมากกว่านี้
จะได้เดินถ่ายรูปได้เต็มที่ แต่มีเวลาน้อย ได้มาเห็นกับตาก็ถือว่า โชคดีเช่นกัน
แต่ละจุดสวยจริงๆ.. ออกจากวัด พี่ต่อ พาขับไปชม เรือนไม้ริมน้ำ
วิหารเซียนที่ลงทุนสร้างด้วยงบระดับร้อยล้านบาท ฟังไปก็อ้าปาก ทึ่งไป
พี่ต่อ
รู้รายละเอียดเยอะจริงๆ เพราะเป็นคนในพื้นที่ จากวิหารเซียน จะผ่านเขาชีจรรย์
ที่มีพระพุทธรูปบนหน้าผา เส้นทางจะคดเคี้ยว ซึ่งเจ้าของที่ดิน บริจาคที่ให้สร้างถนน
แต่แทนที่จะตัดถนนให้ตรง กลับให้ตัดถนนไปตามแนวเขตที่ดิน เส้นทางเลยคดเคี้ยว
แต่ก็ได้บรรยากาศสวยงามไปอีกแบบ รถขับมาถึงเขาชีจรรย์ พี่ต่อก็เล่าให้ฟังว่า
ช่วงที่สร้างพระพุทธรูป ช่วงแรกจะแกะสลักหิน ใช้เครื่องมือหนักๆ
จนพื้นดินสั่นสะเทือนไปถึงวัดญาณ จนมีการปรับเปลี่ยนวิธีการ
จนเป็นพระพุทธรูปที่หน้าผาเขาชีจรรย์อย่างที่เห็น ขับรถมาตามเส้นทาง
จะถ่ายรูปจากบนรถ ค่อนข้างหามุมยากพอสมควร เพราะสายไฟริมถนน ระโยงระยางไปหมด
จนมาได้มุมหนึ่ง พี่ต่อเลยจอดรถให้นายบอนลงไปถ่ายรูปไว้
ดังภาพ
แล้วพี่ต่อก็เล่าเรื่องราวของเขาชีจรรย์ และ เขาชีโอนที่อยู่ใกล้ๆกัน
ขับรถผ่านไร่องุ่น ซิลเวอร์เลต ของสุพรรษา เนื่องภิรมย์ ดารานักแสดง
ผ่านตรงทางเข้า เห็นรูปสุพรรษาแว๊บๆ แล้วก็ขับมาถึงทางดิน เลี้ยวเข้าไปในบริเวณไร่
เส้นทางขึ้นไปยังเขาลูกเตี้ยๆ พี่ต่อว่า นี่แหละ เส้นทางขับออฟโรด เสียดาย วันนี้
ฝนไม่ตก ไม่งั้นขับมันส์กว่านี้แน่ๆ รถจะปาดซ้าย ป่ายขวาไปตามถนน
และโคลนเลนที่เปียกฝน สมบุกสมบันดีแท้ๆ
พี่ต่อขับรถไปตามเส้นทาง
มาถึงทางแยก พี่ต่อจะเลือกเส้นทางที่ท้าทาย สูงชัน ขรุขระ
เส้นที่ต้องบุกผ่าต้นไม้รกทึบ มันท้าทายดี ทดสอบฝีมือไปในตัว
จนมาถึงเส้นทางชันที่ดิ่งลงไปข้างล่าง พี่ต่อก็ต้องจอดรถลงไปชะโงกดูทางก่อน
จะได้กะระยะได้ถูก เข้าเกียร์ลุยผ่านเส้นทางนั้นไปได้
นายบอนพยายามถ่ายรูปบนรถด้วยความมันส์ ของจริงเส้นทางดูชัน ดูโหด แต่หลายภาพ
ถ่ายออกมา ก็ดูไม่ค่อยชัน ไม่โหดเท่าไหร่ อยู่บนรถ รถก็ส่ายไปตามเส้นทาง
ถ่ายได้มั่ง ไม่ได้มั่ง ภาพเลยดูไม่ชันเท่าไหร่
พอขับผ่านช่วงที่ดูโหดๆ พี่ต่อก็จะเหลียวดูพรรคพวกที่ขับตามมา
เพราะพาเพื่อนมาลองขับ ลองฝีมือดู เหมือนซักซ้อม ก่อนพากันตะลุย จ.น่าน
เพราะเพื่อนพี่ต่อ อยู่กลุ่ม "ไออุ่น จากพี่สู่น้อง"
ก็ต้องขับออฟโรดลุยเข้าในพื้นที่ทุรกันดาร
เข้าไปบริจาคสิ่งของเช่นกัน
บางช่วงก็เส้นทางราบเรียบ บางช่วงก็ดูโหดๆ พอมาเจอ
ดอกเข็มสีส้ม พี่ต่อก็จอดให้ถ่ายรูปไว้ พึ่งเคยเจอดอกสีส้ม ปกติ
เจอแต่สีขาวกับสีแดง
ป่าบางช่วง รกทึบ ดูสวยงามจริงๆ พี่ต่อชอบมากๆ จากป่ารกทึบ
ขับโผล่ออกมาที่ป่าโปร่งๆ โผล่มาเส้นทางชัน ที่เป็นทางน้ำมาก่อน บางจังหวะ
เข้าเกียร์ผิดไปนิด ขับรถแล่นไม่พ้นเนิน แต่ก็ตั้งสติ เข้าเกียร์ใหม่
ขับผ่านเนินชันขึ้นมาได้ พี่ต่อบอกว่า บางเส้นทางในที่นี้ ก็พึ่งเคยขับครั้งแรก
แล้วก็ขับซอกแซกจนมาถึงยอดเขา มองเห็นวิวทิวทัศน์ไร่องุ่นข้างล่าง
เลยจอดรถพักชมวิว บรรยากาศสวยงามจริงๆ
พักสักครู่
ก็ขับรถลุยไปตามเส้นทางต่างๆอีก ตะลุยไปตามเส้นทางต่างๆ พี่ต่อบอกว่า
เคยขับรถไปเมืองจีน ไปทิเบตมาแล้ว ลุยเส้นทางโหดๆ ทุกเส้นทาง มันส์จริงๆ
ไปเป็นเดือน หลงทางในเมืองจีนก็หลายครั้ง เพราะอ่านป้ายบอกทางภาษาจีนไม่ออก นานๆ
ถึงจะเจอป้ายภาษาอังกฤษ เลยไปตามเส้นทางได้บ้าง เคยขับไปสำรวจเส้นทางในจีนมาแล้ว
สไตล์การเที่ยวของพี่ต่อ ชอบไปท่องเที่ยวตามชนบท
บ้านนอก ไปถามชาวบ้านว่า มีที่ไหนน่าเที่ยว เรื่องอาหารการกิน
จะซื้อจากตลาดในหมู่บ้าน ซื้อจากชาวบ้าน ค่ำไหนนอนนั่น
จะได้สัมผัสบรรยากาศอย่างแท้จริง แหม
....เจอนักเดินทางตัวจริงเข้าให้แล้ว
แป๊บเดียว ก็ปาเข้าไปเกือบ
17.30 น.แล้ว พี่ต่อโทรคุยกับไก่ แมลงสาบว่า โทรสั่งอาหารที่ร้านหรือยัง
เดี๋ยวพานายบอนไปที่ร้านเลย แต่คุณไก่บอกว่า ต้องพานายบอนมาเอากระเป๋าก่อน
แล้วออกไปเลย พี่ต่อเลยต้องขับรถกลับมาที่บ้านห้วยขวาง เอากระเป๋า สัมภาระแล้ว
พี่ต่อก็พาไปที่ร้านลุงไสว เดี่ยวไก่ แมลงสาบและคุณซันไปทำธุระบางอย่างก่อน
แล้วจะตามไปสมทบ
พี่ต่อขับรถพามาที่สุดหาดจอมเทียน คนในร้าน รู้จักคุ้นเคยกับพี่ต่อเป็นอย่างดี
แซวแล้วแซวอีก ตั้งแต่เรื่องรองเท้า ที่ใส่คนละข้างคนละสี พอมานั่งที่โต๊ะ
ก็มีคนที่รู้จัก มาสั่งรายการอาหารให้เลย จะเอาอะไรมั่ง คุณไก่ คงโทรมาสั่งไว้แล้ว
พี่ต่อก็สั่งเหล้า 1 แบน ชงเหล้าให้นายบอน 1 แก้ว
กินเป็นเพื่อนกับพี่ต่อนั่งรับลมริมทะเล
นั่งไม่นาน ก็เกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว พี่ต่อเลยบ่นให้
ไก่ แมลงสาบ มาช้าอีกล่ะ เดี่ยวก็ 1 ทุ่มก่อน ไม่ทันได้กินอะไร จะต้องกลับแล้ว
พี่ต่อบอกให้โทรไปเลื่อนตั๋ว เลื่อนเวลากลับแต่นายบอนบอกว่า กว่าจะถึงบ้าน ก็ตี 5-
6 โมงเช้าพอดี ถ้าเลื่อนเวลาก็ถึงช้าเข้าไปอีก
รถก็แล่นผ่านชลบุรี-สระบุรี-โคราช-ขอนแก่น-กาฬสินธุ์ ไม่ได้ไปเส้น
ฉะเชิงเทรา-ปักธงชัย-โคราช แล้วไก่ แมลงสาบ กับคุณซันก็ตามมาสมทบ
นายบอนเลยถ่ายวิดีโอ อาหารมื้อเย็นก่อนกลับเอาไว้
ปกติแล้ว พี่ต่อ ไก่
ไม่ค่อยได้มานั่งกินร้านอาหารริมทะเลแบบนี้ บ่อยครั้งนัก นอกจากพาแขกมากิน ขนาด
อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ก็ชอบมากินที่นี่เหมือนกัน ...ไก่ บอกยังงั้น ปกติ พี่ต่อ
และไก่ แมลงสาบ กินข้าวที่บ้าน แบบธรรมดา ง่ายๆ บนโต๊ะ
อาหารทะเลถูกลำเลียงมาเสิร์ฟ อร่อยมากๆ พี่ต่อ จิบเหล้าไปหลายแก้ว
คุยเรื่องการเมืองมั่ง จนมาถึงเรื่องหนังสือ เรื่องเซน... แหม
พี่น้องคู่นี้ชอบอ่านธรรมะ ชอบอ่าน แนวเซนซะด้วย หลายเรื่องพี่ต่อก็พูดให้ฟัง
พูดตรงๆ ให้รู้กัชัดเจนกันเลย เพราะได้เจอกันวันนี้ ไม่รู้จะได้เจออีกเมื่อไหร่ พอ
1 ทุ่ม ก็ถึงเวลาร่ำลา ไปส่งนายบอนขึ้นรถทัวร์ ไก่ กับคุณซันจะขับรถไปส่งนายบอน
ส่วนพี่ต่อ ขอตัวกลับ เลยได้สวัสดีร่ำลากันตรงนั้น พอไก่
แมลงสาบทักทายเพื่อนฝูงในร้านแล้ว ก็มาส่งนายบอนที่ชาญทัวร์ ตอน 19.20 น.
จอดที่ปั้มน้ำมัน สวัสดีร่ำลา ลงรถกันตรงนั้น คุณไก่ ยังอารมณ์ดีตามสไตล์
พูดหยอกว่า ถ้ารถออกแล้ว อย่าลืมโทรบอกด้วย
เผื่อจะได้ขับรถวิ่งตามรถทัวร์ไปส่ง....
รอรถจากระยอง วิ่งมาถึงพัทยา
ตอน 19.45 น. กว่ารถจะออก ก็ปาเข้าไป 20.00 น. รถแวะรับผู้โดยสารตามจุด
ขายตั๋ว
ตั้งแต่อ่างศิลา ศรีราชา ชลบุรี แล้วไปตามเส้นทางมอเตอร์เวย์ มาบางปะอิน - สระบุรี
ถึงลำตะคอง 0.30 น. แวะจอดให้พักกินอาหาร ก่อนวิ่งเข้าโคราช ถึงขอนแก่นตอน 4.15 น.
จอดตั้งนาน ก่อนวิ่งถึงกาฬสินธุ์ 5.30 น.
** กลับมาถึงด้วยความประทับใจมากมาย กับครั้งแรกที่ไปเยี่ยมไก่
แมลงสาบ และทีมงานที่บ้านศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึง
24 ชั่วโมง แต่คุ้มค่ากับการเดินทาง มีภาพถ่ายและคลิปวิดีโอย้อนเวลา อารมณ์
ความรู้สึกที่ผ่านมา กับบันทึกการเดินทาง 3 ตอน ที่กลายเป็นความทรงจำ
ที่จะเป็นร่องรอยของการเดินทางกลับไปที่นั่น ในโอกาสต่อไป.....