สันติ เป็นเจ้าของร้านอู่ซ่อมรถในเขตจังหวัดขอนแก่น เขากำลังนั่งฟังเพื่อนรักสมัยเรียนชั้น ม.3 มาชวนเขาไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงที่ สี่แยกราชประสงค์ใน กทม. เพื่อนรักของสันติ พูดให้ฟังถึงความแตกต่างของชนชั้น , เรื่องของสองมาตรฐาน, ความไม่เท่าเทียมกัน การถูกอำมาตย์เอาเปรียบ ฯลฯ
" ดังนั้นพวกเราต้องเข้าร่วมกับมวลชนคนเสื้อแดง เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมกัน เพื่อประชาธิปไตย เพื่อรัฐไทยใหม่ที่มีความยุติธรรมทั้งแผ่นดิน โดยประชาชนไทย เดี๋ยวนี้หมดยุคแล้ว ที่จะให้พวกอำมาตย์และสถาบันที่มีมานานปกครองประเทศไทยต่อไป ทำให้พวกเราต้องลำบากอย่างนี้"
เพื่อนรักของสันติ เป็นการ์ดของคนเสื้อแดง แวะเวียนมากินข้าว กินเหล้า และนั่งพูดคุยกับสันติอยู่บ่อยๆ สันติก็ได้แต่นั่งฟัง เออ ออไปตามเรื่อง แต่ความจริงแล้ว สันติเลือกข้างคนเสื้อเหลือง แต่ก็ไม่ได้แสดงตัว
เพื่อนรักของสันติ ยังพยายามพูดหว่านล้อมทุกครั้งที่มาหา พูดเรื่องสองมาตรฐาน เรื่องอำมาตย์ ซึ่งฟังดูแล้วชักจะจาบจ้วงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคงฟังและเชื่อในสิ่งที่แกนนำคนเสื้อแดงพูดกรอกหูทุกวัน แล้วก็โทษอำมาตย์ๆๆๆๆ วันนั้นมีหลายคนนั่งอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งมีแต่คนไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง เห็นข่าวทีวีทุกครั้ง มีแต่คนด่าเสื้อแดง วันนี้ พอเพื่อนรักของสันติเริ่มพูดจาหว่านล้อมอีกครั้ง สันติเหลือบเห็นสายตาของหลายคนในบริเวณนั้นแล้ว ดูท่าจะเกิดเรื่อง คงต้องเตือนสติเพื่อนซะบ้าง
"นี่เพื่อน เรื่องที่ว่า พวกเราลำบาก ถูกเอาเปรียบ ความไม่เท่าเทียมกัน อะไรต่างๆน่ะ แล้วเพื่อนเคยมองดูตัวเองมั่งรึเปล่า แต่ก่อนบ้านเราน่ะ จนกว่าบ้านนาย พ่อแม่เป็นหนี้สินท่วมตัว บางทีต้องไปขอข้าวสารจากบ้านนายอยู่หลายครั้ง จบ ม.3 ไม่มีเงินเรียนต่อเหมือนนายและพื่อนหลายคน เราสู้เพื่อนไม่ได้ซักอย่าง ทั้งฐานะ การเงิน และครอบครัว แต่วันนี้ เราเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ หาเลี้ยงตัวเอง สร้างครอบครัว มีเงินส่งลูกเรียนต่อถึงระดับมหาวิทยาลัยได้นะ แล้วนายล่ะ เอาแต่กินเหล้ายา มายืมเงินเราบ่อยๆ แบบนี้ เพราะถูกเอาเปรียบ สองมาตรฐาน หรือนายไม่ขยันทำงานกันแน่ล่ะ"
สันติ เข้ามาหางานทำใน กทม. หลังจากจบ ม.3 ลำบากอยู่นาน พอดีรู้ข่าวการรับสมัครมูลนิธิพระดาบส เลยลองมาสมัคร จนได้เรียนในโรงเรียนพระดาบส ซึ่งเป็นโครงการตามกระแสพระราชดำริของในหลวง เพื่อสนับสนุนผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ไม่มีโอกาสเรียนต่อ ไม่มีอาชีพ แต่มีความใฝ่เรียน มีความพยายาม ให้มีโอกาสได้ฝึกอาชีพ และฝึกอบรมคุณธรรม จริยธรรม เพื่อออกไปทำงาน สร้างตน ช่วยเหลือครอบครัว สังคมต่อไป
ผู้เรียน หรือ ศิษย์พระดาบส จะได้เข้าเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลา 1 ปี แต่มีเงื่อนไขว่า ให้ปรนนิบัติครู อาจารย์ และปฏิบัติตนเป็นคนดี ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ช่วยเหลือโรงเรียนเป็นการตอบแทน สันติได้เลือกเรียนหลักสูตรวิชาชีพช่างยนต์ จบออกมาได้ออกมาทำงานสั่งสมประสบการณ์จนมีกิจการอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเอง
เพื่อนรักของสันติ พยายามจะพูดจาหว่านล้อมให้ไปชุมนุมกับคนเสื้อแดงต่อ แต่สันติก็เล่าเรื่องการต่อสู้ชีวิตของเขาให้เพื่อนฟัง แม้แต่เพื่อนที่เคยเป็นคนเสื้อแดง ไปร่วมชุมนุมตอนช่วง เมษายน 2552 ตอนสงกรานต์เลือดเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ คนเหล่านั้น ก็หันมาตั้งใจขยันทำงาน ไม่อยากไปชุมนุม นอนกลางถนน ลำบากลำบนไปเผาบ้านเผาเมืองอย่างนั้น แต่อยู่กับครอบครัว นอนดูทีวีสบายๆ ทำงานหาเงินได้มากกว่าที่ได้จากการไปชุมนุมซะอีก
"เมื่อไหร่แกจะมีเปิดร้าน มีงานการ มีกิจการของตัวเองซะทีล่ะ จะมัวแต่ไปชุมนุมกับเสื้อแดงแบบนี้ตลอดไปเหรอ"
เพื่อนรักของสันติถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าคนนั้นที คนนี้ที มองเห็นเพื่อนที่เคยไปชุมนุมกับเสื้อแดงตอนเมษา 52 ขับมอเตอร์ไซต์ซ้อนสาวผ่านหน้าไป เห็นแล้ว เขาก็อึ้ง เพราะสาวคนนั้น เคยเป็นแฟนของเขามาก่อน แต่ตอนนี้ ขอเลิกกับเขา เป็นแฟนกับเพื่อนคนนั้น และตอนนี้ มีข่าวว่า กำลังจะแต่งงานกันในเดือนหน้านี้แล้ว
มันไม่ใช่ความแตกต่างของชนชั้น ไม่ใช่สองมาตรฐาน ไม่ใช่ถูกเอาเปรียบอะไรหรอก แต่ถูกหลอกใช้ และเลือกทางเดินชีวิตที่ผิดมากกว่า
+++
ชีวิต, คนเสื้อแดง, ศิษย์พระดาบส
ชีวิต, คนเสื้อแดง, ศิษย์พระดาบส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น