หลังจากใช้เวลามาหลายคืน ในที่สุด ก็สามารถปิดเล่ม พ็อตเกตบุคส์ ลูกผู้ชายชื่อ "จ๊าบ" ลงได้ เมื่อ ๑๐.๐๐ น. วันนี้ (๒ ต.ค.๒๕๕๒) เป็นหนังสือที่ใช้เวลาทำครบ ๑ สัปดาห์พอดี
เนื้อหาในหนังสือ เสร็จเมื่อ ๑ ต.ค. แต่พี่น้อย เพ็ญพิมล ใสงาม ยังมีความทรงจำเกี่ยวกับสารวัตรจ๊าบอีกมากมาย พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็จะพูดให้ฟังและบอกให้ใส่ลงไปในหนังสือด้วย หนังสือเลยไม่เสร็จเสียที แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัด จึงจำเป็นที่จะต้อง "เสร็จ" ซะที
พี่น้อย มีรูปถ่ายของสารวัตรจ๊าบเยอะมากๆ แค่การเลือกรูป ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง เลือกรูปไป พี่น้อยจะนั่งรำลึกความหลังเก่าๆไปด้วย เปิด ASTV ฟังไปด้วย พอดีมีมิวสิควิดีโอ เก็บไว้ในความทรงจำ #๒ กับ ๗ ตุลารำลึก พอเห็นภาพของสารวัตรจ๊าบโผล่มาในมิวสิควิดีโอ พี่น้อยเห็นครั้งแรก น้ำตาไหลทันที แล้วรีบโทรบอกให้หลายคน เปิด ASTV ไว้ รอดูมิวสิควิดีโอเพลงนี้ และในตอนท้าย มีภาพและเสียงของน้องจ๊ะจ๋า ลูกสาวสารวัตรจ๊าบ พูดถึงคุณพ่อของเธอด้วย
ปัญหาอืกอย่างคือ การแปลงไฟล์ เพราะโรงพิมพ์ที่พี่น้อย โทรติดต่อไว้ อยากให้แปลงไฟล์จาก Ms word เป็นไฟล์ Acrobat - PDF ในคอมพิวเตอร์ Notebook ของพี่น้อยไม่มีโปรแกรมแปลงไฟล์ ต้องไปหาโปรแกรมกันวุ่นวาย search จาก google ลองดาวน์โหลดบางโปรแกรมมาใช้ แหม ใช้ไม่ได้เลย เพราะมีข้อจำกัดที่เป็นโปรแกรมให้ทดลองใช้ แปลงไฟล์ได้แค่ไม่กี่หน้า ในขณะที่เนื้อหาในหนังสือ ปาเข้าไปกว่า ๑๒๐ หน้า (ยังไม่แทรกรูปภาพ) หลังจากหาโปรแกรมเอามาติดตั้งในเครื่อง ไม่สำเร็จเสียที คุณนิดเลยบอกว่าพรุ่งนี้ จะมา save ไฟล์เอาไปแปลงให้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอ ซึ่งมีโปรแกรมแปลง word เป็น pdf
ถึงช่วงเย็น นั่งพิมพ์เนื้อหาต่อไป เริ่มเอารูปแทรก ทำๆไปชักมึน เพราะรูปเยอะ ไม่รู้จะเอารูปไหนใส่เนื้อหาเรื่องไหน เพราะแบ่งเขียนเนื้อหา ออกเป็น ๔๕ ตอนย่อยๆ เลย print สารบัญที่ทำไว้ เอามาให้พี่น้อย เลือกรูปภาพ อยากให้เอารูปไหนใส่เนื้อหาเรื่องไหน เลือกเลยนะครับ พี่น้อบก็นั่งเลือกรูปภาพร่วม ๒ ชั่วโมง เขียนใส่กระดาษ เลือกไว้เยอะพอสมควร ช่วงเย็น คุณนิดแวะมาอีกครั้ง เพราะนายบอนฝากซื้อที่โกนหนวด มัวแต่ทำหนังสือให้พี่น้อย หนวดเคราไม่ได้โกนเลย พอคุณนิดแวะมาหลังฝนซา ก็เข้ามาช่วยดู แนะนำการใช้ ACDsee9 ในการแทรกรูปลงไป เพื่อจะได้รวดเร็วขึ้น
หลังข้าวเย็น ที่พี่น้อยซื้อข้าวมันไก่มา ๔ ห่อ ก็เริ่มแทรกรูป น้องจ๊ะจ๋า กับน้องจันทร์จ้า ก็เข้ามาเล่นด้วย นั่งแทรกรูปไปพลาง เล่นกับลูกสาวสารวัตรจ๊าบไปพลางๆ สักพัก พี่น้อยก็พาลูกขึ้นไปดูทีวีชั้นบน "อย่าไปกวนอาบอน เค้าจะรีบทำงาน" พอลูกสาวสารวัตรจ๊าบขึ้นไปชั้นบน ก็ออกแบบปกหนังสือ แล้วจัดการนั่งแทรกรูป จัดหน้า อย่างเมามัน จาก ๒ ทุ่ม เรื่อยไป น้องจ๊ะจ๋า กับน้องจันทร์เจ้าก็ลงมาเล่นชั้นล่าง ดูทีวีที่ชั้นล่างอีกครั้ง บางทีก็เข้ามาหยอกเล่นๆ จนเกือบ ๔ ทุ่มพี่น้อยก็ลงมาเขียนเรื่องของสารวัตรจ๊าบ อีก ๑เรื่องที่พึ่งนึกขึ้นมาได้ในเวลานั้น แล้วก็มาตามลูกสาวขึ้นนอน เลยนั่งทำงานต่อ
๖ ทุ่ม พี่นัทก็โทรมาคุยด้วย ก็นั่งแทรกรูปไป คุยโทรศัพท์กับพี่นัทไป ยาวถึงตี ๑ พี่นัทวางสาย เลยนั่งแทรกรูปต่อ จนเสร็จตอน ตี ๒ ครึ่ง เลยเข้าห้องนอน ไหว้โกฎิใส่อัฐิสารวัตรจ๊าบ ที่หน้าประตูห้องก่อนนอน
ตื่น ๖ โมงครึ่ง มานั่งจัดหน้า สรุปแล้วได้ ๑๗๓ หน้า แทรกรูปเพียบ ขนาดไฟล์ปาเข้าไปถึง 60MB คุณนิดแวะมาตอน ๒ โมงครึ่ง มาเอาไฟล์ MS Word ไปแปลงเป็น PDF เจอพี่น้อยก็คุยเรื่องหนังสือกับพี่น้อย และเรื่องต่างๆอีกหลายเรื่องแบบกันเอง
แล้วพี่น้อยก็นึกได้อีก ๑ เรื่อง เลยต้องรีบพิมพ์ใส่ในเนื้อหาอีก ๑ เรื่อง
เท่าที่ติดตามฟังเรื่องราวของสารวัตรจ๊าบ ฟังจากปากคำของพี่น้อยแล้ว อิจฉาในความรักของคนทั้งคู่ แม้ว่าจะมีทั้งแง่มุมที่ดี และไม่ดีก็ตาม เพราะสารวัตรจ๊าบ ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีทั้งส่วนที่ดีและด้อย แต่ในหนังสือ จะเลือกเล่าเฉพาะแง่มุมที่น่าประทับใจ ฟังจากที่พี่น้อยเล่า ดูสีหน้าแววตาแล้ว นายบอนต้องเพิ่มเนื้อหา เรื่องความรักความผูกพันเข้าไปด้วย
พี่น้อยโทรศัพท์หา "ซ้อ" เจ้าของโรงพิมพ์ที่ติดต่อไว้ บอกว่า จะพิมพ์ ๓,๐๐๐ เล่ม จำนวน ๑๗๓ หน้า แต่ซ้อบอกว่า คงต้องมีหน้าว่าง เป็น ๑๗๖ หน้า เพราะตัดกระดาษได้ ๑๑ ยก พอดี แต่คงทำหนังสือ ๓,๐๐๐ เล่มไม่เสร็จทัน ๖-๗ ต.ค. นะเพราะกระบวนการทำหนังสือมีหลายขั้นตอน เมื่อทำหนังสือออกมาทั้งที ก็อยากทำให้ดีๆ ไม่อยากเสียชื่อ...
พอพี่น้อยรู้ว่า หนังสือทั้งหมดอาจจะเสร็จไม่ทัน เลยสอบถามราคาต้นทุนพิมพ์หนังสือ ๓,๐๐๐ เล่ม คิดราคามิตรภาพ เล่มละ ๒๘ บาท ถ้า จะพิมพ์ ๕,๐๐๐ บาท ซ้อจะคิด เล่มละ ๒๓ บาท
พี่น้อยเลยต่อรอง ถัาวันที่ ๖-๗ ต.ค. พิมพ์ออกมาซัก ๕๐๐ หรือ ๑,๐๐๐เล่มก่อนจะได้มั้ย ซ้อบอก ต้องแล้วแต่ฝ่ายผลิต เค้าอาจจะเร่งทำให้ทันก็ได้
คุณนิดกลับมาตอนเกือบ ๑๑.๐๐ น. เอาไฟล์ที่แปลงเป็นpdf มาให้ นายบอนรีบส่งเมล์ แนบไฟล์ไปให้คุณธเนศ เจ้าของโรงพิมพ์แห่งนั้นทันที เพราะเมื่อวานเค้าก็โทรมาทวงแล้วว่า จะส่งไฟล์ให้ตอนไหน
หนังสือ ลูกผู้ชายชื่อ จ๊าบ สำหรับ ๗ ต.ค. เสร็จแล้ว มีเนื้อหาที่ยังไม่เคยเผยแพร่ในสื่ออื่นๆถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์
หนังสือเสร็จแล้ว นั่งพิมพ์บันทึกนี้ข้างๆโต๊ะทำงานพี่น้อย แล้วพี่น้อยก็ยังนึกขึ้นได้อีกว่า พี่จ๊าบชอบอาหาร อ่อมเขียด และอาหารอีสานหลายอย่าง คงได้เติมเนื้อหาในการพิมพ์ครั้งต่อไป
พอตอนเที่ยง ทางสำนักพิมพ์โทรมาบอกว่าไฟล์ที่ส่งไป ยังใช้ไม่ได้ ไฟล์ pdf ควรแปลงไฟล์ให้มีขนาดเท่ากับที่จะพิมพ์ คือ A5 ขนาด พ็อคเกตบุคส์ เลยต้องหาตัวโปรแกรมแปลงไฟลมาลง
แล้วยังเกิดปัญหาอีกหลายอย่าง ส่งไฟล์ไปแล้วใช้ไม่ได้ ฯลฯ อยากให้ตั้งค่าเป็น High Quality สำหรับเนื้อหาหนังสือที่แปลงจาก word เป็น pdf โชคดีที่คุณนิดเอาโปรแกรม Adobe Acrobat 6.0 standard มาลงโปรแกรมให้ ทั้งๆที่คุณนิดก็กำลังยุ่งๆคอยดูแลช่างที่มาติดตั้งอินเทอร์เนตให้ที่บ้าน ของเธอ กว่าจะแปลงไฟล์เป็น High quality ได้ Ms word ก็ขึ้นกล่องข้อความเตือนเรื่องการใช้ แมคโครของโปรแกรม ระวังจะมีไวรัส แล้วโปรแกรมจะรายงานข้อผิดพลาด และทำการกู้ไฟล์อยู่บ่อยๆ คงเพราะไฟล์หนังสือ แทรกรูปเพียบตามที่พี่น้อยต้องการ
จัดการแปลงไฟล์ แบ่งเป็นช่วงๆ ไฟล์ละ 20 หน้า แล้วแนบไฟล์ส่งไปทางอีเมล์ ไฟล์ละประมาณ 10-20 Mbs มีอยู่ 8 ไฟล์ ใช้เวลานั่งส่งไฟล์นานถึงชั่วโมงกว่าๆจนหมด นึกว่าจะเสร็จแล้ว พอ4 โมงเย็น ทางโรงพิมพ์โทรมาว่า เปิดไฟล์ได้แค่ 2ไฟล์ คือ ไฟล์คำนำ-สารบัญ และไฟล์หน้า 61-80 แค่นั้น นอกนั้นเปิดไมได้เลย นั่งโหลดกันตั้งครึ่งชั่วโมง
นายบอนถึงกับอึ้ง นึกว่าเสร็จแล้ว ยังไม่เสร็จซะงั้น
แล้วทางโรงพิมพ์ก็บอกว่า เรื่องปกหนังสือที่ออกแบบ ไฟล์รูปภาพใช้ไมได้เลย ความละเอียดต่ำมาก ถ้าพิมพ์แล้ว ภาพจะแตก ไม่สวยงามเลย
เวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกขณะ แต่ไฟล์งานที่ส่งไปกลับเปิดไม่ได้ เลยโทรปรึกษาคุณนิด ได้รับคำแนะนำว่าให้แปลงไฟล์ แบ่งช่วงใหม่ ให้ไฟล์เล็กลง เลยมานั่งแปลงไฟล์ใหม่ ทีละ 10 หน้า แล้วกำหนดให้แปลงไฟล์เป็นสีขาว-ดำ ขนาดไฟล์ลดลงไปเยอะ ตอนค่ำ คุณนิดแวะมาที่บ้านพี่น้อย มาช่วยเอาไฟล์ข้อมูลที่แปลงเป็น pdf รอบใหม่ จะไปส่งเมล์ให้ นายบอนเลยเขียนเมล์ save เป็น txt แนบไปให้ด้วย จะได้สะดวก เปิดเมล์ขึ้นมา ทำการแนบไฟล์ และ copy ที่อยู่อีเมล์ และข้อความ ส่งไปได้เลย
พี่น้อย ก็มีไอเดียใหม่ๆ เกิดขึ้นได้เรื่อยๆ ทาง ASTV ติดต่อกลับมา เรื่องให้พี่น้อย เขียนคำไว้อาลัยวีรชน เพื่อไปอ่านในงาน 7 ตุลา ต้องไม่สูญเปล่า เป็นเวลา 3 นาที ทั้งวันโทรคุยกับหลายคน แล้วก็นึกได้ว่า น่าจะเพิ่มรูปเข้าไปอีก เพราะตอนที่โทรติดต่อกับซ้อ เจ้าของโรงพิมพ์ บอกว่า 173 หน้าที่ส่งไปพิมพ์ ต้องใช้กระดาษ 11 ยก (ยกละ 16 หน้า) จะเหลือหน้าว่างๆอีก 3 หน้า พี่น้อยเลยให้ใส่รูปภาพเพิ่มเข้าไปต่อท้าย ตอน 1 ทุ่ม ก็มานั่งเลือกรูปภาพให้ใส่เข้าไปอีก คุณนิดเลยเอารูปภาพไปสแกนที่บ้าน แล้วจัดการแทรกรูปภาพอีก 2 หน้า ทำการแปลงไฟล์เป็น pdf แล้วส่งเมล์ตามไปทันที
พี่น้อยก็พาน้องจันทร์เจ้าและพันธมิตรอีก 2-3 คน ขับรถไปที่ประโคนชัย เพื่อไปให้กำลังใจและเยี่ยมเยือน สุชาติ ศรีสังข์ ที่ชาว พธม. เรียกเขาว่า "ซัดดัม" ที่ร่วมต่อสู้มากับ พธม.และสารวัตรจ๊าบ
แม้ตอนนี้จะอยู่กับพรรคภูมิใจไทย พี่น้อยบอกว่า "แตกต่างแต่ไม่แตกแยก" เลยจะไปให้กำลังใจในฐานะคนคุ้นเคยกัน เลยออกไปตอน 1 ทุ่มเศษๆ ทีแรกพี่น้อยจะให้นายบอนไปด้วย แต่นายบอนไม่ไหวแล้ว เหนื่อย เครียด อยากไปเลยไม่ได้ไป ขอพักก่อนดีกว่า
แล้วนั่งเลือกรูปมาทำปกหนังสือฉบับแก้ไข แต่ปัญหาคือ รูปภาพที่มีอยู่นั้น resolution ความละเอียดของภาพ ไม่ถึง 300 อย่างที่โรงพิมพ์องการ จะออกแบบปกยังไง ก็ใช้ไม่ได้ ตอนดึกๆ คุณนิดเลยให้คำแนะนำมาทางโทรศัพท์ว่า ให้ใช้วิธีของเฮียหนำจิ้น สิ เวลาท่านสั่งพิมพ์หนังสือ ก็จะทำไฟล์เนื้อหาเสร็จ ส่วนหน้าปก เฮียหนำจิ้นจะส่งไฟล์รูปภาพ แล้วเขียนระบุไปว่า อยากให้จัดหน้าปกแบบไหนยังไง ใช้ฟอนต์เท่าไหร่ จัดรูปภาพแบบไหน ทางโรงพิมพ์เค้ามีโปรแกรมคอมพิวเตอร์พวกนี้อยู่แล้วล่ะ
ไม่รูว่าจะทันหรือเปล่า แต่พี่น้อยบอกว่า ทางผู้จัดงาน 7 ตุลา ต้องไม่สูญเปล่า บอกว่า เตรียมโต๊ะไว้ให้พี่น้อยวางขายหนังสือประวัติสารวัตรจ๊าบไว้ 2 โต๊ะ อยากให้ขาย อยากให้เผยแพร่เรื่องราวของวีรชนในวันนั้น
หลังจากงาน 7 ตุลา ต้องไม่สูญเปล่าแล้ว พี่น้อยจะฝากหนังสือไปขายตามร้านพันธมิตร เพื่อให้พี่น้อง พธม.ได้อ่านประสบการณ์ในการทำงาน เกร็ดชีวิต วิธีคิดของสารวัตรจ๊าบ นำมาเป็นบทเรียนชีวิต ข้อคิดกับทุกคนๆได้ด้วย
.... แล้วจะเพิ่มเติม ปรับปรุงเนื้อหาเข้าไปอีก !!!!!
เรื่องที่อยากให้อ่านในเล่ม
-> ความรักความผูกพันระหว่างสารวัตรจ๊าบกับลูกๆ
-> ๑๕ เรื่องน่ารัก-น่าประทับใจของสารวัตรจ๊าบ
-> บันทึกถึงสารวัตรจ๊าบ ในงาน ๗ ตุลา ต้องไม่สูญเปล่า
-> คำไว้อาลัย ในงาน ๗ ตุลา ต้องไม่สูญเปล่า โดย เพ็ญพิมล ใสงาม
-> เรื่องเหลือเชื่อในงานพระราชทานเพลิงศพ
-> ทฤษฏีจอมแห
และอีก ๔๐ เรื่องที่น่าอ่าน
รายได้จากการจำหน่ายหนังสือเล่มนี้ พี่น้อย ตั้งใจที่จะนำมาพัฒนาสถานีวิทยุชุมชน เมธีเรดิโอ จ.บุรีรัมย์
ถิ่น หัวโจ๊กคนเสื้อสีน้ำเงินเพราะในปัจจุบัน อำนาจเงินของนักการเมืองคนนั้น ซื้อคลื่นวิทยุหลายคลื่น เพื่อรบกวน การส่งสัญญาณจากเมธีเรดิโอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น